มากกว่าความพอใจแต่เป็นความภูมิใจ “The Address สยาม-ราชเทวี” ที่สุดแห่งสุนทรียะการอยู่อาศัย
ลำพังได้ยินว่า The Address คอนโดมิเนียมแบรนด์ในตำนานของบริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และนวัตกรรมการอยู่อาศัย จะกลับมาสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการอสังหาริมทรัพย์บ้านเราเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี ก็พาให้หลายคนตั้งตารอ เพื่อยลโฉมโครงการแห่งความภาคภูมิใจนี้
กระทั่งเมื่อเอพี เผยโฉมคอนเซ็ปท์โครงการ “ดิ แอดเดรส สยาม – ราชเทวี” (The Address Siam – Rathchathewi) ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะไม่เพียงเป็นโครงการที่รังสรรค์ขึ้นจากความเข้าใจถึงการใช้ชีวิตเหนือระดับ ยังเปี่ยมไปด้วยคุณภาพทุกองค์ประกอบ พร้อมส่งมอบสุนทรียะแห่งการพักอาศัยที่สมบูรณ์แบบ หนึ่งเดียวบนทำเลมากมูลค่า ในย่านสยามเชื่อมต่อราชเทวี เลอค่าด้วยการออกแบบสิ่งละอันพันละน้อยให้เป็นเลิศในทุกมุมมองภายใต้แนวคิด “Living the Prestige - Crafted for Elites” ดีไซน์เพื่อคุณภาพชีวิตระดับเพรสทีจ - ลักซ์ (Prestige – Lux) อย่างไร้ที่ติ สมกับเป็นนิยามใหม่แห่งการอยู่อาศัยที่ยิ่งใหญ่สมการรอคอยอย่างแท้จริง
อย่างที่ทราบดีว่า จุดเด่นของความสำเร็จในทุกโครงการภายใต้แบรนด์ ดิ แอดเดรส (The Address) อันเป็นที่กล่าวขานมาถึงปัจจุบัน คือ ความเป็นที่สุดในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นที่สุดแห่งความละเมียดละไมในการออกแบบที่ผสานศิลปะชั้นสูงทั้งสไตล์ตะวันตกและตะวันออกเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตของคนเมืองระดับบนได้อย่างงดงามและเป็นเอกลักษณ์ บนที่สุดของทำเลที่น่าถวิลหาและภาคภูมิใจในการครอบครอง เป็นที่สุดของ “มูลค่า” พิสูจน์จากทั้ง 9 โครงการด้วยอัตราการเติบโตของราคาเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น 40% เปรียบเสมือนของสะสมที่เลอค่าตามกาลเวลาสามารถส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น
เพราะฉะนั้น ถ้าถามว่า ทำไม “ดิ แอดเดรส” ต้องปล่อยให้รอถึง 8 ปี ก็เพราะการจะเฟ้นหาที่ดินผืนงาม เพื่อตอบโจทย์ความเป็นที่สุดในทุกด้านโดยไม่ให้เสียชื่อเสียงที่สั่งสมมาไม่ใช่เรื่องง่าย และที่สำคัญเมื่อได้มาแล้ว ไม่ใช่จะสร้างโครงการแนวไหนก็ได้ แต่ต้องอาศัยเวลาตกผลึกไอเดียที่ดีที่สุด โดยไม่ใช่การตั้งต้นจากความพึงพอใจของดีเวลลอปเปอร์ แต่ทุกรายละเอียดล้วนมาจากการความต้องการของลูกค้า เพื่อมอบที่สุดแห่งประสบการณ์การอยู่อาศัยที่สมบูรณ์แบบ
เมื่อได้เป็นเจ้าของที่ดินใจกลางเมือง ที่มีดีมากกว่าเป็นจุดที่เชื่อมต่อกับสยาม ย่านศูนย์การค้าและไลฟ์สไตล์ แต่ยังเป็นย่านที่ร่ำรวยด้วยคุณค่าและมูลค่า เปี่ยมไปด้วยเรื่องราวอันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ที่ยังส่งต่อมาถึงปัจจุบัน ดั่งปรากฏให้เห็นจากสถานที่สำคัญมากมาย ไม่ว่าจะเป็นพระราชวังพญาไท สวนโรมัน ร้านกาแฟนรสิงห์ และวังสวนผักกาด “ราชเทวี” ยังมีเสน่ห์ที่ไม่เหมือนใคร เพราะห้อมล้อมไปด้วยความเจริญและความทันสมัย มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลชั้นนำ โรงแรมระดับห้าดาว หอศิลป์อันทรงคุณค่าเชิงวัฒนธรรม ย่านช็อปปิ้งและไลฟ์สไตล์ ตลอดจนสถาบันการศึกษาชั้นนำของประเทศ ที่สำคัญยังสามารถเชื่อมต่อทุกการเดินทาง เพราะตั้งอยู่บนถนนเพชรบุรี 14 ห่างจากสถานี BTS ราชเทวี เพียง 150 เมตร และยังใกล้ Airport Link พญาไท ใกล้ทางขึ้น-ลงทางด่วนศรีรัช และในอนาคตรถไฟฟ้าสายสีส้มก็จะตัดมาที่สถานีราชเทวี กลายเป็นจุด Interchange สำคัญอีกด้วย
พิชิตโจทย์สุดหินอย่างการเฟ้นหาที่สุดของโลเคชั่นสุดไพร์มแบบไร้ข้อกังขาได้แล้ว มาถึงองค์ประกอบภายในโครงการก็รังสรรค์ออกมาได้อย่างวิจิตร ถักทอทุกรายละเอียดด้วยความใส่ใจ ร้อยเรียงจากแรงบันดาลใจของสถาปัตยกรรมพระราชวังทรงคลาสสิกจากยุโรปมาผสมผสานกับความงามอันเป็นเอกลักษณ์ของงานประณีตศิลป์ไทยแบบประยุกต์ได้อย่างลงตัว ตั้งแต่การออกแบบอาคารภายนอกจรดภายในให้งามสง่าในทุกมุมมอง พร้อมเลือกเฟ้นวัสดุชั้นยอดจากผู้ผลิต และแหล่งที่ดีที่สุดจากทั่วโลก เพื่อเป็นตัวแทนสะท้อนความประณีตในการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นหิน Limestone หินสีขาวเกรดดีจากประเทศโปรตุเกส ที่มีความพิเศษเมื่อแสงแดดตกกระทบในแต่ละช่วงเวลา เพื่อนำมากรุส่วน Façade ด้านหน้าของตึกตามแบบอาคารร้านรวงและบูทีคโฮเทลในยุโรป พร้อมเพิ่มเอกลักษณ์แห่งการอยู่อาศัยด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่สั่งทำพิเศษเพื่อเป็นซิกเนเจอร์ของโครงการมาพร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานที่ตอบโจทย์คนยุคใหม่ด้วยช่องยูเอสบีในตัว แต่ยังคงความเรียบหรู โดดเด่นด้วยลวดลายนกยูงที่สะท้อนความสง่างามและมีระดับไม่เหมือนใครประทับอยู่บนเครื่องเรือนทุกชิ้น
ภายในพื้นที่กว่า 3 ไร่ ดิ แอดเดรส สยาม – ราชเทวี ถือเป็นคอนโดมิเนียมที่สูงตระหง่านที่สุดในย่านสยาม-ราชเทวี เพราะด้วยความสูง 217 เมตร จำนวน 50 ชั้น เมื่อเทียบความสูงกับตึกที่สูงที่สุดในบริเวณใกล้เคียง พบว่าเป็นรองตึกใบหยก ซึ่งเป็นตึกระฟ้าสูงลำดับที่ 4 ของประเทศไทย โดยมีความสูงอยู่ที่ 304 เมตร ความอลังการของตัวอาคารนี้ประกอบไปด้วยเรสซิเดนส์ที่อยู่ร่วมกันอย่างอบอุ่น 880 ยูนิต แต่ไม่ต้องกังวลเรื่องความแออัดหรือไม่เป็นส่วนตัว เพราะทางโครงการจัดวางเรสซิเดนส์แต่ละฟลอร์อย่างชาญฉลาดไม่บดบังการรับวิวในแต่ละเรสซิเดนส์ ที่สำคัญแต่ละฟลอร์ยังออกแบบให้ไม่เกิน 6 เรสซิเดนซ์ เพราะจากการสำรวจความพึงพอใจของลูกค้า พบว่าระยะทางเดินจากลิฟต์มาถึงห้องที่ลูกค้าแฮปปี้ คือ ต้องไม่เกิน 5-6 ห้อง
สำหรับเรสซิเดนส์ทั้งหมดประกอบด้วย 5 แบบให้ผู้อยู่อาศัยได้เลือกสรรให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ เริ่มต้นด้วยห้องชุด 1 ห้องนอน ขนาด 31 - 35 ตารางเมตรไปจนถึงห้องชุด 3 ห้องนอน ขนาด 86 ตารางเมตร มาพร้อมจุดเด่นในการออกแบบผลงานชิ้นเอกที่ทางโครงการภูมิใจเสนอนั่นคือ การออกแบบให้มีส่วน Cantilever ที่ยื่นออกมาเพื่อเพิ่มมุมมองให้กว้างกว่าเดิมสู่การรับวิวสวยของทัศนียภาพใจกลางทำเลราชเทวี เพิ่มสุนทรียะแห่งการใช้ชีวิตในอาคารสูงที่ให้ความรู้สึกที่พิเศษ ทั้งความกว้างขวาง โอ่อ่า และความหรูหรา นอกจากนี้ยังตอบโจทย์ฟังก์ชั่นการใช้ชีวิต ด้วยการนำอินไซต์ของลูกค้ามาสร้างประสบการณ์การอยู่อาศัยอย่างไร้ที่ติ ออกแบบให้ห้องดูเพล็กซ์มีห้องน้ำทั้ง 2 ชั้นเพื่อความสะดวกสบาย พรั่งพร้อมด้วยเครื่องครัวคุณภาพเยี่ยม เปี่ยมด้วยดีไซน์ที่ส่งตรงจากมิลานแฟชั่นวีค มีพาร์ทิชั่นสำหรับปิดเวลาไม่ใช้งาน และยังเลือกวัสดุที่กันคราบน้ำมันจากการทำอาหาร
ความพิเศษของโครงการสุดพรีเมียมที่ออกแบบมาเพื่อลูกค้ากลุ่มเพรสทีจ ลักซ์ ซึ่งเป็นซับเซ็กเมนต์ของ ซูปเปอร์ ลักซ์ ที่มองหาสุนทรียภาพแห่งการใช้ชีวิตในทุกมิติยังไม่หมดเพียงเท่านี้ แต่ยังพรั่งพร้อมด้วยพื้นที่ส่วนกลางอันกว้างใหญ่ จัดเต็มบนพื้นที่ราว 2,200 ตารางเมตร ซึ่งมากกว่าคอนโดมิเนียมทั่วไป ที่พื้นที่ส่วนกลางส่วนใหญ่อยู่ที่ 1,500 ตารางเมตรเท่านั้น ทุกตารางเมตรออกแบบอย่างพิถีพิถัน ให้สามารถใช้งานพื้นที่อินดอร์และเอาท์ดอร์ได้อย่างคุ้มค่า สะท้อนรสนิยมของผู้อยู่อาศัยได้อย่างสง่างาม อีกทั้งช่วยให้ผู้อยู่อาศัยได้รับสุนทรียภาพแห่งการอยู่อาศัยที่ไม่จำกัดเฉพาะแค่การมองเห็น แต่รวมไปถึงการได้ยินเสียงของธรรมชาติ เช่น ธารน้ำไหล และสายลมเมื่อกระทบยอดไม้ในสวนพฤกษชาติ ที่เลือกใช้พันธุ์ไม้ดอกที่มีกลิ่นหอมมีเสน่ห์แบบไทย เพียงก้าวแรกที่เข้ามาในโครงการก็รู้สึกราวกับเป็นคนพิเศษ ด้วยการออกแบบพื้นที่ต้อนรับแขกด้านหน้าโดยนำแรงบันดาลมาจากพระราชวังแวร์ซายส์มาสะท้อนความสวยงามสะดุดตา แต่ยังมีมีมิติและเลเยอร์ของการต้อนรับแขกผู้มาเยือน จึงยังคงไว้ซึ่งความเป็นส่วนตัวสูง
มาถึงไฮไลท์ของพื้นที่ส่วนกลางที่พาให้ประทับใจตั้งแต่แรกเห็น เริ่มต้นตั้งแต่ Piman Lounge ห้องรับแขกที่โดดเด่นด้วยเพดานกระจกที่ให้แสงสว่างเหมือนอยู่ในเรือนกระจกให้ความรู้สึกกว้างและโอโถงอย่างมีสไตล์ด้วยความสูงของพื้นจรดเพดานกว่า 8 เมตร วางอยู่เหนือบันไดวนทองเหลืองลายนกยูง นอกจากนี้ยังมีการตกแต่งด้วยผนังหินสตาตูริโอ หินสีขาวที่มีลายคมชัด และเป็นหินเกรดดีที่สุดจากเมืองคาราร่า ประเทศอิตาลี ขณะที่ Mayura Lounge คือ พื้นที่สำหรับนั่งพักหรือใช้รับแขกออกแบบในลักษณะบาร์ ช่วยเพิ่มเสน่ห์แห่งการพักผ่อนที่ไม่เหมือนใคร
แต่ถ้าชอบชีวิตอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ต้องติดใจ Thewi Garden สวนกลางแจ้งที่มีบรรยากาศโอบล้อมด้วยธรรมชาติอันรื่นรมย์ ทั้งจากความชุ่มชื้น และเสียงไหลรินจากสายน้ำ ถ้ายังไม่จุใจ แวะไปสูดอากาศบริสุทธิ์และความหอมได้ที่ The Scented Garden สวนชั้น 9 ที่ตกแต่งด้วยดอกมะลิ เบอร์กามอท และไม้หอมนานาพันธุ์ จากนั้นขึ้นไปท้าความสูง ณ The Sky Garden พื้นที่รับวิวพร้อมความร่มรื่นบนชั้น 50 ที่ถูกออกแบบให้เป็นพื้นที่ออกกำลังกายและเป็นจุดชมพระอาทิตย์ยามเย็น หรือจะนั่งชิลที่ The Sky Chamber ก็สามารถมองวิวได้สูงสุดแบบ 360 องศา ท่ามกลางบรรยากาศแสนหรูหราด้วยการตกแต่งด้วยผ้าบุเฟอร์นิเจอร์และวอลล์เปเปอร์จากแบรนด์ชั้นนำระดับโลกอย่าง Hermes สะท้อนความลักชัวรีอย่างไร้ที่ติ
อรรถรสแห่งความสุขของการอยู่อาศัยที่ไม่เกินฝันยังมาพร้อม The Sky Pool สระว่ายน้ำรูปตัวแอล ที่มีความยาว 50 เมตร พร้อมโซนพิเศษเพื่อการผ่อนคลายด้วย Hydrotherapy หรือวารีบำบัด ท่ามกลางวิวเมืองแบบ 360 องศาและได้ชื่อว่าเป็นสระว่ายน้ำที่นับว่าเป็นสระที่สูงที่สุดในย่านนี้ สำหรับคนรักออกกำลังกาย พลาดไม่ได้กับโซนฟิตเนส ซึ่งไม่เพียงเอาใจคนรักการออกกำลังกายด้วยการนำเครื่องออกกำลังกายแบบ Kinesis จากแบรนด์ Technogym จากอิตาลี ที่ช่วยให้ผู้เล่นสามารถออกกำลังกายได้ทุกส่วนด้วยการเคลื่อนไหวแบบอิสระตามต้องการ ยังออกแบบให้มีมุมส่วนตัวสำหรับวิ่งชิลๆ บนลู่ ในมุมไพรเวทพร้อมดื่มด่ำกับวิวเมืองอย่างจุใจ
“ดิ แอดเดรส สยาม – ราชเทวี” ความสุขที่ไม่เกินเอื้อม สำหรับเป็นรางวัลชีวิตของคนเมืองที่มีไลฟ์สไตล์สุดเอ็กซ์คลูซีฟและมองหาประสบการณ์อยู่อาศัยที่สมบูรณ์แบบ พร้อมแล้วที่จะมอบความภาคภูมิใจที่ได้ครอบครองทั้งวันนี้และในอนาคต โดยจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 8 - 9 มิ.ย. นี้ ณ Sales Pavilion โครงการ“ดิ แอดเดรส สยาม – ราชเทวี”