VGI และ MACO บริษัทในกลุ่มบีทีเอส โฮลดิ้ง เผยผลดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 63/64 รายได้หดตามคาดจากผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้หลายธุรกิจรายได้หดหาย โดยอุตสาหกรรมสื่อโฆษณา ซึ่งต้องพึ่งพิงลูกค้าจากธุรกิจหลักก็ได้รับผลกระทบไม่น้อยเช่นกัน
บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ วีจีไอ (VGI) ผู้ให้บริการตลาด Offline-to-Online (O2O) โซลูชั่นส์ บนแพลตฟอร์มธุรกิจสื่อโฆษณา ธุรกิจบริการชำระเงิน และธุรกิจโลจิสติกส์ ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ประจำปี 2563/64 สะท้อนผลกระทบจากโควิด-19 ชัดเจน โดยภาพรวมธุรกิจรายได้ลดลง 50.6% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า มาอยู่ที่ 445 ล้านบาท และมีผลขาดทุนสุทธิที่ 104 ล้านบาท เนื่องจากโควิด-19 นำไปสู่การประกาศใช้มาตรการฉุกเฉินต่างๆ ของภาครัฐ ไปจนถึงการล็อคดาวน์เพื่อจำกัดการเดินทางของผู้คนทั้งในและต่างประเทศ วิกฤติดังกล่าวส่งผลให้เกิดความผันผวนทางเศรษฐกิจในวงกว้าง ทั้งธุรกิจสินค้าและบริการ รวมถึงกิจการด้านสื่อโฆษณา “ไตรมาสนี้ธุรกิจสื่อโฆษณานอกบ้านได้รับผลกระทบอย่างสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากการลดการใช้งบโฆษณาของนักการตลาดและแบรนด์ต่างๆ เช่นเดียวกับธุรกิจบริการด้านดิจิทัล ก็ได้รับผลลบจากมาตรการดังกล่าว โดยเฉพาะการชำระเงินแบบออฟไลน์ที่ต้องทำธุรกรรมแบบตัวต่อตัว” Nelson Leung กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) กล่าวและว่าอย่างไรก็ตามวีจีไอยังคงได้รับประโยชน์ในช่วง stay-at-home และมาตรการล็อคดาวน์ที่ผ่านมา เนื่องจากผู้คนเป็นจำนวนมากหันมาจับจ่ายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ รวมถึงธุรกิจโลจิสติกส์ที่ได้รับผลบวกจนมีพัฒนาการเติบโตอย่างก้าวกระโดดอย่างเห็นได้ชัด ธุรกิจโฆษณายังเสี่ยง วิกฤตโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจของประเทศไทยตั้งแต่ช่วงต้นปี 2563 โดยธนาคารแห่งประเทศไทยได้ปรับลด GDP ปี 2563 เป็นติดลบ 8.1% จากคาดการณ์เดิมที่ติดลบ 5.3% ซึ่งนับเป็นความท้าทายต่อธุรกิจทุกภาคส่วน เมื่อพิจารณาถึงความเป็นไปได้ของการระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ที่อาจจะกลับมา รวมถึงความกดดันทางเศรษฐกิจและการเมืองในประเทศไทย ทำให้ธุรกิจสื่อโฆษณายังคงมีความเสี่ยงจากความผันผวน และไม่สามารถมองเห็นแนวโน้มที่ชัดเจนได้ อย่างไรก็ตามด้วยความหลากหลายของธุรกิจที่วีจีไอมี ความแข็งแรงของฐานะทางการเงิน และความร่วมแรงร่วมใจของทุกคนในกลุ่มบริษัท ทำให้วีจีไอเชื่อว่าจะได้รับประโยชน์เมื่อสถานการณ์กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง เนื่องจากวีจีไอ มีพันธกิจหลักในการดำเนินธุรกิจ คือ การเป็นผู้นำในการออกแบบประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้บริโภคอย่างสร้างสรรค์ ผ่านแพลตฟอร์มที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการให้กับนักการตลาดและแบรนด์ ซึ่งเชื่อว่าจะตรงกับพฤติกรรมใหม่ของผู้บริโภค ด้าน MACO แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2563/64 (ตั้งแต่เดือนเมษายน - มิถุนายน 2563) มีรายได้จากการดำเนินธุรกิจที่ 512 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 25.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ปัจจัยหลักมาจากการได้รับผลกระทบอย่างมากจากวิกฤตโควิด-19 และการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินของภาครัฐ รวมถึงแบรนด์สินค้าและนักการตลาดได้เริ่มจำกัดการใช้จ่ายงบโฆษณา จึงทำให้ธุรกิจโฆษณาทั้งในและต่างประเทศได้รับผลกระทบเชิงลบ สำหรับธุรกิจให้บริการด้านระบบครบวงจรเผชิญความยากลำบากจากการเข้าเจรจาโครงการใหม่ๆ ด้วยเช่นกัน
พุน ฉง กิต (MR.CK) ประธานกรรมการบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาสเตอร์ แอด จำกัด (มหาชน) หรือ MACO ผู้นำเครือข่ายสื่อโฆษณานอกบ้านเผยว่า ไตรมาสนี้รายได้รวมที่ลดลงเป็นผลกระทบมาจากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่เริ่มมาตั้งแต่ต้นปี 2563 ซึ่งนำไปสู่การบังคับใช้มาตรการที่เข้มงวดของภาครัฐ เช่น การจำกัดเวลาออกนอกเคหสถาน การรณรงค์ให้อยู่บ้าน รวมถึงการจำกัดการเดินทางทั้งในประเทศและต่างประเทศ ด้วยเหตุนี้กิจกรรมทางธุรกิจส่วนใหญ่จึงถูกชะลอไว้ชั่วคราว เนื่องจากผู้ชมสื่อโฆษณานอกบ้านมีจำนวนน้อยลงจากผลกระทบดังกล่าว จึงส่งผลให้รายได้จากธุรกิจโฆษณาลดลงร้อยละ 45.0 คิดเป็น 144 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ด้านรายได้จากธุรกิจให้บริการด้านระบบแบบครบวงจร ลดลงร้อยละ 14.2 เมื่อเทียบแบบYoY คิดเป็น 368 ล้านบาท บริษัทฯ มีขาดทุนสุทธิที่ 179 ล้านบาท
"สำหรับ MACO เราคาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทฯ จะได้รับผลกระทบในทางลบจากสถานการณ์ข้างต้น อย่างไรก็ตามเราจะยังคงรักษาเสถียรภาพทางธุรกิจโดยการดูแลให้ MACO มีกระแสเงินสดที่เพียงพอและมีสภาพคล่องที่ดี เมื่อตลาดโลกฟื้นตัวเราจะมุ่งสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งและกลับมาเติบโตในระดับสากลเพื่อก้าวขึ้นเป็นผู้นำสื่อนอกบ้านในภูมิภาคอาเซียนตามแผนเดิม"
อ่านเพิ่มเติม: อินโดรามา เวนเจอร์ส ประกาศงบ Q2/63 กำไร 82 ล้านเหรียญ
ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine