บมจ.กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ "GPI" เดินหน้าแผนปรับโครงสร้างธุรกิจ ตั้งเป้าหมายรายได้แตะ 1 พันล้านบาท เติบโตเท่าตัวใน 3 ปีข้างหน้าจากการขับเคลื่อน 6 แกนธุรกิจหลัก เสริมความแข็งแกร่งในอุตสาหกรรมยานยนต์และการจัดงานระดับภูมิภาค พร้อมต่อยอดสู่ธุรกิจใหม่ที่มีโอกาสเติบโตสูง สร้าง New S-curve
พีระพงศ์ เอี่ยมลำเนา ประธานเจ้าหน้าที่สายพัฒนาธุรกิจ บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ GPI เปิดเผยว่า บริษัทเดินหน้าแผนทรานส์ฟอร์มธุรกิจ เพื่อเพิ่มศักยภาพการดำเนินงานและปรับตัวให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว โดยการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวได้นำความเชี่ยวชาญในธุรกิจการจัดงานแสดงสินค้าและกิจกรรมส่งเสริมการตลาด ธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์และสื่อรูปแบบใหม่ และธุรกิจงานพิมพ์ ต่อยอดสู่การปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ ภายใต้ 6 ธุรกิจแกนหลัก ได้แก่ Event, Exhibition & Festival, Lifestyle Media + News, Award & Trophy, Sport & Competitions, Printing & Packaging และ E-Commerce & Mobile App & Others สำหรับ Event, Exhibition & Festival เป็นส่วนธุรกิจที่มีความสำคัญมากที่สุด โดยจะเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของงาน ‘บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์’ พร้อมนำประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของการจัดงานระดับภูมิภาค ต่อยอดสู่การจัดเอ็กซิบิชั่นด้านยานยนต์เพิ่มเติม เช่น การจัดงานรูปแบบ Auto Sale & Market Place และ Auto Merchandise เพื่อสร้างแหล่งรายได้ที่มีขนาดใหญ่ รวมถึงขยายไปยังอีเวนต์ประเภทอื่นๆ ปัจจุบันอยู่ระหว่างวางแผนเตรียมการจัดงานด้านธุรกิจสตาร์ทอัพ ส่วน Lifestyle Media + News จะนำจุดแข็งด้านการพัฒนาคอนเทนต์และสื่อโฆษณาทางการตลาดเกี่ยวกับยานยนต์ มาต่อยอดเพื่อรักษาความเป็นผู้นำสื่อยานยนต์ในประเทศไทย ด้วยการเชื่อมโยงสื่อ Online to Offline (O2O) และนำประโยชน์จาก Big Data เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าในช่องทางที่หลากหลาย (Omni-Channel) ด้าน Award & Trophy จะรุกเข้าสู่ธุรกิจการจัดงานประกาศรางวัล เน้นกลุ่มอุตสาหกรรมที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญ เช่น ยานยนต์ กีฬา เป็นต้น 4) Sport & Competitions จะมุ่งสู่การเป็นผู้นำในธุรกิจสปอร์ตอีเวนต์และดิจิทัลมอเตอร์สปอร์ต โดยในช่วงที่ผ่านมาได้ร่วมกับพันธมิตรจัดมหกรรมไตรกีฬา วิ่ง ว่ายน้ำ และขี่จักรยาน ‘AMAZING RACE FESTIVAL&TRIATHLON KANCHANABURI 2022’ ณ สนามกรังด์ปรีซ์ มอเตอร์ ปาร์ค และสนามกรังด์ปรีซ์ กอล์ฟ คลับ จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยยังคงมองโอกาสขยายไปสู่กิจกรรมอื่นๆ เพื่อสร้างรายได้เพิ่มเติมในอนาคต ขณะที่ Printing & Packaging จะขยายกลุ่มธุรกิจงานพิมพ์ไปสู่แพคเกจจิ้ง รวมถึงสินค้าและของสะสมที่เกี่ยวกับรถยนต์ โดยปัจจุบันธุรกิจงานพิมพ์เริ่มกลับมาคึกคักจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว หลังจากเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีงานในมือที่รอส่งมอบ (แบ็กล็อก) รวมมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท จะทยอยรับรู้รายได้ในช่วงที่เหลือของปีนี้ นอกจากนั้น ธุรกิจ E-Commerce & Mobile App & Others บริษัทจะพัฒนาแอปพลิเคชัน “CAR Buddy” สู่การเป็นแพลตฟอร์มจำหน่ายสินค้าและให้บริการเกี่ยวกับยานยนต์แบบครบวงจร เช่น อะไหล่รถยนต์ แบตเตอรี่ อู่ซ่อมรถ บริการล้างรถ เป็นต้น และ “ธุรกิจตกแต่งรถยนต์” ซึ่งปัจจุบันอยู่หว่างพัฒนารถแข่งรุ่นใหม่ คาดว่ารถต้นแบบจะเสร็จปลายปีนี้ เพื่อใช้กับการแข่งขันทัวนาเมนต์ใหม่ปีหน้า และธุรกิจโรงไฟฟ้าจากขยะแปรรูป (RDF) คาดจะทอยรับรู้ส่วนแบ่งกำไรเข้ามาในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ ทั้งนี้ กลยุทธ์สร้างการเติบโตของบริษัทฯ จะอยู่ภายใต้หลัก Invest & Diversification คือ ขยายการลงทุนไปสู่ธุรกิจที่สร้างโอกาส มีมูลค่าตลาดที่สูง และยังมีศักยภาพให้เติบโตอีกมาก แต่ยังคงไม่ทิ้งความแข็งแกร่งหลักในด้านยานยนต์และผู้จัดงานระดับประเทศของ GPI โดยมีเป้าหมายสำคัญเพื่อสร้าง New S-curve ใหม่ๆ ในช่วง 1-3 ปีต่อจากนี้ โดยตั้งเป้าหมายมีรายได้เติบโตเท่าตัว หรือแตะ 1 พันล้านบาท ภายใน 3 ปีข้างหน้า อย่างไรก็ตาม แนวโน้มในช่วงที่เหลือของปี 2565 ยังต้องจับตาปัจจัยเสี่ยงต่างๆ โดยเฉพาะผลพวงจากปัญหาระหว่างจีนและไต้หวัน ทำให้ชิปขาดแคลนจนกระทบต่อการผลิตรถยนต์ทั่วโลก อย่างไรก็ดี บริษัทฯ ได้เตรียมความพร้อมทางธุรกิจอย่างรอบด้าน เพื่อรองรับโอกาสการเติบโตในอนาคต อ่านเพิ่มเติม: Schroders เผยนักลงทุนจับตาปัญหาภูมิอากาศและสินทรัพย์ดิจิทัลไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine