เมื่ออาหารไม่ใช่เพียงปัจจัย 4 ในการดำรงชีวิตอีกต่อไป แต่ยังหมายถึงความมั่นคงของมวลมนุษยชาติ และเอเชียแปซิฟิกก็เป็นภูมิภาคที่มีความอุดมสมบูรณ์ เต็มไปด้วยทรัพยากรในการผลิตอาหาร THAIFEX - Anuga Asia 2025 งานแฟร์ที่รวบรวมบรรดาผู้ประกอบการจากทั่วโลก โดยเฉพาะในเอเชีย จึงเป็นมากกว่าการจัดแสดงสินค้าและมองหาโอกาสทางธุรกิจ เพราะงานนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงเทรนด์ด้านอาหารต่างๆ ที่กำลังดำเนินไปในหมู่ผู้บริโภค ณ ปัจจุบัน รวมถึงแนวโน้มในอนาคตอันใกล้
ในการเข้าร่วมงานเสวนาพิเศษกับตัวแทนจาก Anuga 2025 แฟร์ด้านอาหารระดับโลกจากเยอรมนีที่เป็นแม่แบบของ THAIFEX - Anuga Asia 2025 เพื่อเจาะลึกเมกะเทรนด์อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มในปีนี้ ทำให้ทีมงาน Forbes Thailand ได้พบความเปลี่ยนแปลงด้านพฤติกรรมผู้บริโภคที่น่าสนใจ โดยเฉพาะในเอเชีย และจะขอนำมาเล่าสู่กันฟัง ณ บัดนี้
สุขภาพและสิ่งแวดล้อม: คุณค่าที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญ
เริ่มแรก Fellicia Kristianti ผู้จัดการฝ่ายความสำเร็จลูกค้า ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จาก Innova Market Insights ได้เปิดเผยว่า บริบทมหภาคที่กำลังกำหนดพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันมีอยู่ 3 ข้อหลัก ได้แก่
1. ความกังวลด้านสิ่งแวดล้อม (Enviroment) ซึ่งนำมาเป็นอับดับแรก เนื่องด้วยความเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ส่งผลกระทบต่อทั้งสุขภาพ ความมั่นคงทางอาหาร และเศรษฐกิจ
2. สุขภาพและความเป็นอยู่ดี (Health and Wellbeing) เพราะปัจจุบันนานาประเทศกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ประชากรเผชิญปัญหาสุขภาพจิตที่เพิ่มขึ้น สร้างแรงกดดันแก่ระบบสาธารณสุขมหาศาล ไหนจะยังความต้องการด้านโภชการที่มากขึ้น ทำให้สุขภาพกลายเป็นเรื่องสำคัญ
3. ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ เพราะแม้ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะมีแนวโน้มเติบโต 4.4% ในปี 2025 แต่ภาวะเงินเฟ้อ ความผันผวนของเศรษฐกิจ และความไม่มั่นคงด้านการจ้างงานยังคงมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภค

บริบททั้ง 3 ข้อนี้สอดคล้องกับค่านิยมของผู้บริโภคที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะในเรื่องของสุขภาพซึ่งไม่ได้จำกัดแค่สุขภาพของบุคคลเท่านั้น สุขภาพของโลกและสิ่งแวดล้อมได้รับความสนใจมากขึ้นเช่นกัน สะท้อนผ่านไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคชาวเอเชียในปัจจุบัน ซึ่งมีไฮไลต์น่าสนใจ ดังนี้
• 56% ของผู้บริโภคเผยว่าสุขภาพและโภชนาการคือปัจจัยสำคัญที่สุดในการเลือกแบรนด์อาหาร รองลงมาคือความปลอดภัยที่ 46% และคุณภาพคุ้มราคาที่ 42% นอกจากนี้กว่า 1 ใน 3 เลือกให้วัตถุดิบสดใหม่และมีคุณค่าทางโภชนาการเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการเติมความสุขใส่อาหาร
• 29% ของผู้บริโภคมองหาอาหารและ/หรือเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพ และ 28% มีการจำกัดการรับประทานขนบขบเคี้ยว
• 47% ของผู้บริโภคกล่าวว่า พวกเขาพึ่งพาตัวเองในการดูแลสุขภาพตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ทั้งการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ รักษาความสะอาด ฯลฯ
• ไม่ใช่แค่สุขภาพร่างกายที่พวกเขาให้ความสำคัญ โดย 1 ใน 3 ของผู้บริโภคเผยเป้าหมายสูงสุดคือการมีสุขภาวะทางจิตและอารมณ์ที่ดี
• กว่า 2 ใน 5 ของผู้บริโภคพยายามลดขยะอาหาร (food waste) ให้เหลือน้อยที่สุด และราว 1 ใน 5 มีการปลูกผัก ผลไม้ รวมถึงสมุนไพรรับประทานเอง
• กว่า 1 ใน 3 ของผู้บริโภคยังคาดหวังว่าบริษัทต่างๆ จะใส่ใจการปกป้องคุ้มครองธรรมชาติเช่นเดียวกับการยกระดับมาตรฐานด้านสุขภาพและโภชนาการ
Kristianti เผยความประหลาดใจที่เธอมีต่อเทรนด์สุขภาพว่า “สุขภาพจิตและอารมณ์ได้กลายมาเป็นเป้าหมายด้านสุขภาพอันดับหนึ่งของผู้บริโภคชาวเอเชีย แซงหน้าเรื่องน้ำหนักและการออกกำลังกาย การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้แบรนด์ต้องนิยามคำว่า ‘สุขภาพ’ ใหม่ ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องแคลอรี่หรือสารอาหาร แต่รวมถึงความเครียด อารมณ์ และสมดุลชีวิตโดยรวม”
นอกจากนี้ เธอยังพูดถึงเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่กำลังเข้ามามีบทบาทในทุกอุตสาหกรรม รวมถึงอุตสาหกรรมอาหาร “AI มีศักยภาพสูงมาก แต่เรายังต้องมีมาตรฐานที่ดีขึ้นสำหรับการแบ่งปันข้อมูลก่อนที่ AI จะสามารถขับเคลื่อนนวัตกรรมได้อย่างเต็มรูปแบบ”
เธอเผยขอบเขตที่ AI จะเข้ามามีบทบาทในอุตสาหกรรมอาหาร อาทิ การตรวจจับแนวโน้มตลาด การวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค การปรับห่วงโซ่อุปทานให้มีประสิทธิภาพ การพัฒนาอาหารที่ปรับให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล การสร้างสรรค์คอนเทนต์เพื่อสื่อสารถึงผู้บริโภค การตรวจหาอาหารที่ใกล้หมดอายุ และอื่นๆ อีกมากมาย ยกตัวอย่างเช่น Coca-Cola ที่นำ AI มาช่วยพัฒนาเครื่องดื่มรสชาติพิเศษในปี 2023 พร้อมโฆษณาว่าเป็น ‘รสชาติแห่งอนาคต’
อย่างไรก็ตาม อนาคตของมนุษยชาติไม่ได้มีเพียง AI เท่านั้น

โปรตีนทางเลือกและซูเปอร์ฟู้ด: อาหารแห่งอนาคต
ทีมงาน Forbes Thailand ลองเดินสำรวจงาน THAIFEX - Anuga Asia 2025 ที่จัดบนพื้นที่รวม 130,000 ตารางเมตร โดยมีผู้ประกอบการและธุรกิจอาหารกว่า 3,100 รายจากกว่า 50 ประเทศทั่วโลก และสังเกตเห็นนวัตกรรมด้านอาหารที่น่าสนใจ หลายคนเรียกว่า ‘อาหารแห่งอนาคต’ (Future Food) ซึ่งหนึ่งในนั้นคือโปรตีนทางเลือก (Alternative Protein) ที่นอกจากมีคุณค่าทางโภชนาการสูงแล้ว ยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าโปรตีนจากเนื้อสัตว์ที่มีการปล่อยคาร์บอนออกมามหาศาลระหว่างกระบวนการผลิต
นิทรรศการ Food Arcade ที่จัดขึ้นโดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ ภายในงาน THAIFEX - Anuga Asia 2025 คือพื้นที่ให้ความรู้เกี่ยวกับโปรตีนทางเลือก 4 ประเภทที่กำลังได้รับความสนใจจากทั่วโลก และไทยมีศักยภาพในการผลิตสูง ได้แก่
1. โปรตีนจากพืช (Plant-based Protein) โปรตีนทดแทนที่เรียกได้มาแรงที่สุด และเป็นที่แพร่หลายอย่างมากในท้องตลาด ผลิตจากพืชผลทางการเกษตรที่มีโปรตีนสูง เช่น ถั่วเหลือง เห็ด และข้าวโอ๊ต นำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะโปรตีนเกษตร เต้าหู้ และเนื้อจากพืช
2. โปรตีนจากแมลง (Insect-based Protein) คนไทยในหลายท้องถิ่นรับประทานแมลงกันมานานแล้ว โดยปัจจุบันแมลงถูกให้เป็นหนึ่งใน ‘ซูเปอร์ฟู้ด’ (Superfood) หรืออาหารที่เต็มไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการและประโยชน์ต่อร่างกาย ซึ่งแมลงนั้นมีโปรตีนสูงมาก
3. โปรตีนจากจุลินทรีย์ (Microbial-based Protein) คือโปรตีนที่ได้จากจุลินทรีย์ เชื้อรา และแบคทีเรียในกระบวนการเพาะหมัก ซึ่งปลอดภัยต่อการบริโภคของมนุษย์ โปรตีนสูง คอเลสเตอรอลต่ำ มีกรดอะมิโนที่ดีต่อสุขภาพ และไฟเบอร์
4. โปรตีนจากสาหร่าย (Algae-based Protein) สาหร่ายมีโปรตีนสูงและยังมีคุณค่าทางโภชนาการอื่นๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย นิยมนำมาสกัดเป็นอาหารเสริม ขนมขบเคี้ยว เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ และเครื่องปรุงรส โดยปริมาณโปรตีนจะแตกต่างกันไปตามสายพันธุ์และสภาพแวดล้อมที่สาหร่ายเติบโต
นอกเหนือจากโปรตีนทางเลือก อีกหนึ่งอาหารแห่งอนาคตเห็นจะเป็น ‘ซูเปอร์ฟู้ด’ (Superfood) ดังที่ได้กล่าวไปแล้วว่าแมลงคือหนึ่งในซูเปอร์ฟู้ด แต่หากถามว่ามีซูเปอร์ฟู้ดอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกไหม ขอแนะนำให้รู้จักกับ ‘ไข่ผำ’ พืชขนาดจิ๋วที่มาพร้อมคุณค่าทางโภชนาการอันยิ่งใหญ่

ไข่ผำ (Wolffia) คืออาหารท้องถิ่นในภาคเหนือและภาคอีสานที่คนไทยรับประทานกันมานานแล้ว เป็นพืชลอยน้ำที่มีดอกขนาดเล็กที่สุดในโลก และจะพบได้เฉพาะในแหล่งน้ำที่สะอาดเท่านั้น หลังงานวิจัยเกี่ยวกับคุณประโยชน์ที่ใหญ่เกินขนาดของมันถูกเผยแพร่ออกไปอย่างกว้างขวาง ทำให้ไข่ผำได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง มีทั้งโปรตีนสูง คาร์โบไฮเดรต แร่ธาตุ ไขมันดี และไฟเบอร์ ตลอดหลายปีมานี้จึงมีผู้ประกอบการหลายรายนำไข่ผำมาบรรจุขายทั้งแบบสด แบบแห้ง กระทั่งแปรรูปเป็นผงอาหารเสริม บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ต่อเนื่องไปจนถึงเครื่องปรุงเพื่อเพิ่มคุณประโยชน์ให้กับอาหารและเครื่องดื่มต่างๆ มากมาย ซึ่งพบได้หลายบูธในงาน THAIFEX - Anuga Asia 2025
เมื่อมองภาพรวม จะเห็นว่าทั้งโปรตีนทางเลือกและซูเปอร์ฟู้ด ต่างมีจุดร่วมสำคัญ ได้แก่ ‘คุณค่าทางโภชนาการ’ และ ‘เป็นมิตรต่อธรรมชาติ’ ตอบโจทย์ผู้บริโภคในปัจจุบันที่หันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้นควบคู่กับการตระหนักรู้ด้านสิ่งแวดล้อม โดยเทรนด์เหล่านี้มีแนวโน้มไปต่อในระยะยาว กลายเป็นวาระที่ผู้ประกอบการและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในแวดวงอาหารควรนำมาพิจารณาให้ความสำคัญ ไม่ใช่แค่เพื่อต่อยอดธุรกิจให้เติบโต แต่เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความมั่นคงทางอาหารและคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้คนทั่วโลก
ภาพ: Anuga 2025 และ Forbes Thailand
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : เจาะอินไซต์คนไทย ผ่าน ‘อาหารญี่ปุ่น’ เมนูไหนอยากโพสต์-ราคาไหนพร้อมจ่าย
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine