Cortina Holdings ฉลองครบรอบ 50 ปีบริษัทในปี 2022 หลังขยายธุรกิจค้าปลีกนาฬิกาหรูไปทั่วทวีปเอเชีย เดินหน้าฉลองต่อเนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปีด้วยนาฬิการุ่นพิเศษและมีแผนที่จะขยายไปยังตลาดใหม่ๆ
Cortina จัดตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1972 โดยมีจุดประสงค์เพื่อแบ่งปันความชื่นชอบและความหลงใหลในนาฬิกาหรูไปให้ทั่วประเทศสิงคโปร์ โดยเริ่มต้นจากบูติกค้าปลีกขนาดเล็กที่โคลัมโบ คอร์ท พัฒนาจากร้านเดี่ยวของธุรกิจครอบครัวสู่บริษัทข้ามชาติและขยายตัวไปทั่วภูมิภาค ตั้งแต่เอเชียตะวันออกไปจนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และล่าสุดในออสเตรเลีย เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีนี้ ทางบริษัทฯ ได้ร่วมมือกับผู้ผลิตนาฬิกาหรูชั้นนำระดับโลก อาทิ เช่น Patek Phillippe, Chopard, Corum, Franck Muller, H. Moser & Cie., TAG Heuer และ Blancpain ผลิตนาฬิการุ่นพิเศษ โดยนาฬิการุ่นพิเศษเหล่านี้จะถูกเปิดตัวตลอดทั้งปี โดยจะเริ่มต้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ค้นหารายละเอียดเพิ่มเติมของนาฬิกาแต่ละรุ่นผ่านเว็บไซต์ (www.50thanniversary.cortinawatch.com) เส้นทางของการก้าวขึ้นสู่หนึ่งในผู้นำของตลาดค้าปลีกนาฬิกาหรูที่ทรงอิทธิพลที่สุดในภูมิภาคนี้ และมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จนวันนี้ Cortina Watch มีบริษัทฯ จัดตั้งอยู่ในตลาดต่างๆ ทั้ง สิงคโปร์ มาเลเซีย ประเทศไทย ฮ่องกง ตลอดจนตลาดใหม่และตลาดที่กำลังพัฒนาในเอเชียแปซิฟิก
50 ปีแห่งความร่วมมืออันแข็งแกร่ง
หนึ่งในฐานะผู้นำด้านการค้าปลีกนาฬิกาหรูชั้นนำและตัวแทนจำหน่ายนาฬิกาชั้นสูงทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก Cortina Watch ได้สนับสนุน ช่วยเหลือ และสร้างความร่วมมืออันยาวนานกับผู้ผลิตนาฬิกาชั้นสูงหลากหลายแบรนด์ อาทิ เช่น นาฬิกา Blancpain, Breguet, Breitling, Bvlgari, Cartier, Chopard, Corum, Longines, Omega, Patek Phillippe, Rolex, TAG Heuer, Tudor, Zenith และแบรนด์อื่นๆ อีกมากมาย Cortina Watch ยังเป็นผู้จัดจำหน่ายนาฬิกาหรูในร้านบูติกต่างๆ เช่น H. Moser & Cie. และ Hautlence ในเอเชีย โดยการนำเอาแบรนด์ใหม่ๆ เหล่านี้มาสู่ภูมิภาค เผยแพร่ความหลากหลายและมรดกอันยาวนานของการผลิตนาฬิกาชั้นสูงไปยังนักสะสมหน้าใหม่ในตลาด ทำให้แบรนด์เหล่านี้สามารถเข้าถึงกลุ่มนักสะสมนาฬิกาทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ได้อย่างทั่วถึง หุ้นส่วนทางการค้าเหล่านี้เจริญรุ่งเรืองขึ้นตามลำดับจากการที่บริษัทฯ มีการนำเอาความคิดสร้างสรรค์ทางการค้าปลีกมาใช้ในการสร้างกลยุทธ์การขายอย่างต่อเนื่องโดยจากหลายปีผ่านมา พัฒนาพื้นที่ค้าปลีกให้มีความสวยงาม มีการจัดตั้งร้านบูติกแบบแบรนด์รวมหลายแห่งในโลเคชั่นที่เป็นจุดการค้าสำคัญ โดยรวมไปถึงบูติกแบบคอนเซ็ปต์สโตร์ และโมโนแบรนด์บูติกเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีและแตกต่างให้แก่ลูกค้า และบริษัทฯ ยังเป็นร้านค้าปลีกนาฬิกาแห่งแรกในประเทศสิงคโปร์ ที่นำเสนอแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เพื่อมอบประสบการณ์การช้อปปิ้งไร้พรมแดนและสร้างความสะดวกสบายให้แก่นักสะสมนาฬิกานำประสบการณ์ใหม่ๆ ไปยังธุรกิจการค้าปลีก
ตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน Cortina Watch ได้พัฒนาและหากลยุทธ์ใหม่ๆ เพื่อสร้างประสบการณ์สุดพิเศษให้กับนักสะสมและผู้ที่รักนาฬิกา และด้วยความชอบ ความสนใจในนาฬิกาหรูของชาวสิงคโปร์ ทำให้สิงคโปร์เป็นตลาดนาฬิกาที่เติบโตเต็มที่มากที่สุดในโลกเกิดกระแสความสนใจในนาฬิกาชั้นเลิศอันหรูหราและเป็นงานฝีมือที่หาชมได้ยากและบางเรือนไม่ได้ถูกกล่าวถึงอย่างกว้างขวางมากนัก Cortina Watch จึงเปิดนิทรรศการ Jewellery Time ขึ้นในปี 2000 โดยนิทรรศการนี้ได้รวมเอาอัญมณีชั้นสูงและนาฬิกาชั้นเลิศของทั้งสองโลกมารวมไว้ที่เดียวกัน และจัดขึ้นทุกๆ สองปี โดยมีการจัดแสดงนาฬิกาที่ประดับด้วยเพชรพลอยที่หรูหราที่สุดจากแบรนด์ของนาฬิกาชั้นนำระดับโลก ตั้งแต่ปี 2000 มาจนถึง 2011 มีการจัดงานนี้ไปแล้วถึง 6 ครั้ง โดยนำเอานาฬิกาที่เป็นสุดยอดมาแสดงและเสนอให้กับนักสะสมนาฬิกาได้เป็นเจ้าของ Raymond Lim ประธานบริษัท Cortina Holdings เผยว่าขอยกความสำเร็จของบริษัทให้กับพนักงานที่ทุ่มเท และเสียสละอย่างยิ่ง ซึ่งพนักงานหลายคนนั้นทำงานกับบริษัทจนกระทั่งเกษียณอายุ และขอขอบคุณลูกค้าที่ซื่อสัตย์และไว้วางใจในการทำธุรกิจตลอด 50 ปีที่ผ่านมาของ Cortina Watch ปัจจุบันนั้นมาจาก 3 ยุคสมัยของนักสะสมนาฬิกาที่มีความต้องการในนาฬิกาหรูตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา

50 ปีแห่งการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
Cortina Watch เติบโตอย่างต่อเนื่องแม้ท่ามกลางวิกฤตที่ท้าทายที่สุดที่โลกได้เห็นในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา ผลประกอบการด้านการเงินที่แข็งแกร่งทำให้เราสามารถก้าวผ่านปัญหาโรคระบาดโควิด-19 ได้ และได้ใช้โอกาสนี้ในการซื้อกิจการของบริษัท Sincere Watch ทำให้บริษัทฯ มีร้านบูติกเพิ่มขึ้นอีก 22 แห่งและขยายกิจการเข้าไปสู่ประเทศ ออสเตรเลีย โดยการซื้อกิจการนั้น ทำให้บริษัทฯ ได้แบรนด์นาฬิกาหรูมาเพิ่มเติมจาก Sincere Watch ได้แก่ Franck Muller, Ferdinand Berthoud, Greubal Forsey, Parmigiani และแบรนด์อื่นๆ อีกมากมาย Raymond กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า “จาก 50 ปีที่เราได้ทำธุรกิจนี้มา เราจะสร้างสรรค์เติมพลังไปสู่ความสำเร็จด้านการค้าปลีกนาฬิกาและขยายกิจการเพิ่มสินค้าไปให้ทั่วทุกตลาด เราจะสร้างประสบการณ์ให้เป็นแบบมาตรฐานสากลและสร้างความน่าสนใจ เพื่อลูกค้าและนักสะสมนาฬิกาจะได้รับรู้ถึงมาตรฐานที่ดีไม่ว่าจะไปซื้อนาฬิกาที่บูติกไหนในสาขาของเรา แพลตฟอร์มค้าปลีกของเรามีพนักงานขายโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการขายที่รู้จักผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นอย่างใกล้ชิด เพื่อช่วยให้ลูกค้าของเราค้นหานาฬิกาที่เหมาะสมกับพวกเขา เมื่อเราเข้าสู่ยุคใหม่ของการค้าปลีก เราต้องการเป็นแพลตฟอร์มการค้าปลีกที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ชมทุกราย และแบ่งปันความหลงใหลในการผลิตนาฬิกาอย่างดีกับพวกเขา” อ่านเพิมเติม: พญ.จันทิมา องค์โฆษิต ไกรฤกษ์ การเดินทางของ “โรงพยาบาลมนารมย์”ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine