ปรีดิยาธร: รัฐบาลจากกองทัพจะเป็นตัวอย่างให้รัฐบาลอื่นเดินตาม - Forbes Thailand

ปรีดิยาธร: รัฐบาลจากกองทัพจะเป็นตัวอย่างให้รัฐบาลอื่นเดินตาม

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล และ Steve Forbes ประธาน Forbes Media บนเวที  Forbes Global CEO Conference

สิงคโปร์: ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ กล่าวกับเจ้าของและผู้บริหารธุรกิจระดับโลก เมื่อพุธที่ผ่านมาว่า รัฐบาลที่มาจากทหารกำลังทำงานแข่งกับเวลา โดยเฉพาะงานปฏิรูปประเทศทางด้านการเมืองและเศรษฐกิจ ให้เสร็จทันกรอบเวลาตามที่สัญญาไว้ เพื่อวางรากฐานการบริหารงานที่ซื่อสัตย์และมีประสิทธิภาพ ให้กับรัฐบาลพลเรือนในอนาคต

 
ผู้กุมกลไกเศรษฐกิจของไทย กล่าวระหว่างงานสัมมนา Forbes Global CEO Conference ว่า  นโยบายเศรษฐกิจสำคัญเพื่อกระตุ้นการแข่งขันของประเทศ เวลานี้มี 2 เรื่องใหญ่ เรื่องแรกคือ การช่วยเหลือกิจการของคนไทยให้สามารถไปลงทุนยังต่างประเทศได้ และอีกเรื่องคือ การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี เพื่อจูงใจบริษัทข้ามชาติ ให้มาตั้งสำนักงานใหญ่ระดับภูมิภาคในประเทศไทย ส่วนรายละเอียดของนโยบายนั้น จะแถลงให้ทราบภายในเดือนนี้ 
 
สำหรับการเลือกตั้งนั้นได้วางแผนจัดขึ้นในปีหน้า ขณะที่สภาปฏิรูปแห่งชาติและคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญจะได้ยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพื่อสกัดกันการคอร์รัปชั่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถลงโทษผู้กระทำผิดได้รวดเร็วยิ่งขึ้น  
 
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวกับผู้บริหารธุรกิจชั้นนำกว่า 300 คน อาทิ ธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการเครือเจริญโภคภัณฑ์, Binod Chaudhary มหาเศรษฐีพันล้านเหรียญหนึ่งเดียวของเนปาล และ Sri Prakash Lohia นักธุรกิจเชื้อสายอินเดีย ประธานกรรมการ Indorama Ventures ราชาพลาสติกแห่งอินโดนีเซีย 
 
"ต้องเป็นเรื่องที่น่าเกลียดเอามากๆ หากรัฐบาลนี้อยู่ไปจนปีครึ่งแล้วมาบอกว่า ต้องขอเลื่อนการเลือกตั้งออกไปก่อน เพราะกลัวพวกเสื้อแดงจะชนะ ทั้งที่พวกเขาเป็นคนไทยเหมือนกัน ก็ต้องให้พวกเขาได้เลือกตั้ง ผมไม่กลัวการเลือกตั้งเลย แต่ต้องมั่นใจว่าต้องมีกฎหมายที่เข้มแข็งพอที่จะไม่ให้เกิดการคอร์รัปชั่น และต้องสามารถลงโทษพวกที่ทำผิดได้" ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ตอบคำถามนักธุรกิจไทย-ออสเตรเลีย Michael Ma ที่เสนอให้ชะลอการเลือกตั้งออกไป เนื่องจากฝ่ายผู้สนับสนุนอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร จะได้รับชัยชนะแน่นอน เพราะยังคงได้รับความนิยมในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
 
"คุณไม่มีทางที่จะประวิงเวลาการเลือกตั้งให้ยาวออกไป อีกสัก 3-4 เดือนจากนี้ ประชาชนอาจจะเริ่มเบื่อหน่ายการทำงานของรัฐบาลแล้วก็ได้ เรื่องแบบนี้ไม่มีใครรู้ เราควรต้องเคร่งครัดต่อกรอบเวลาที่กำหนด และเร่งรัดทำงานทุกอย่างให้เร็วที่สุด"
 
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า "เสื้อแดง" ก็เป็นประชาชน "คนธรรมดา" ที่รักในประเทศและพระเจ้าอยู่หัวเหมือนกัน เพียงแต่ว่าแกนนำทางการเมืองได้ "ล้างสมอง" พวกเขา
 
รองนายกฯ กล่าวอีกว่า ตลอดช่วงเกิดวิกฤตทางการเมืองราว 6 เดือนนั้น ได้แช่แข็งกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การลงทุน และยังทำให้ผู้คนเดือดร้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนยากจน การยึดอำนาจจึงเป็นการนำเสถียรภาพกลับคืน และรัฐบาลกำลังตั้งต้นเดินเครื่องเศรษฐกิจด้วยมาตรการระยะสั้น ผ่านการใช้จ่ายภาครัฐที่รวดเร็วไปยังแผนงานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานย่อยๆ กว่าหมื่นรายการทั่วประเทศ
 
เขาย้ำว่า ประชาชนจะเริ่มได้รับอานิสงส์ของการกระตุ้นเศรษฐกิจ ตั้งแต่เดือนธันวาคมเป็นต้นไป
 
สำหรับแผนงานเศรษฐกิจในระยะยาวนั้น รัฐบาลกำลังเตรียมความพร้อมของประเทศ เพื่อให้ก้าวไปสู่ระดับเดียวกับประเทศสิงคโปร์หรือญี่ปุ่น ในฐานะชาติที่มีศักยภาพในการแข่งขันด้านการค้า
 
"สำหรับเราแล้วไม่ใช่เป็นแค่ความฝัน ที่สักวันจะเป็นประเทศแห่งการค้าของภูมิภาค เพราะอย่างน้อยที่สุดก็ได้บรรลุในสิ่งที่บอกว่าคุณนั้นเป็นเลิศแล้ว" 
 
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร บอกด้วยว่า ได้สั่งให้คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนตั้งหน่วยงานใหม่ เพื่อช่วยเหลือกิจการของคนไทย ให้สามารถขยายธุรกิจไปยังต่างแดน เพื่อแสวงหาตลาดใหม่ๆ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน นอกจากนี้เขายังอยู่ระหว่างตระเตรียมข้อเสนอสิทธิประโยชน์ทางภาษี เพื่อเชื้อเชิญบรรษัทข้ามชาติย้ายสำนักงานใหญ่จากสิงคโปร์มายังไทย โดยให้คำมั่นว่าจะขจัดอุปสรรคต่างๆ ทางภาษีที่มีอยู่
 
รัฐบาลยังสนใจวิธีการพัฒนาระบบเศรษฐกิจดิจิตอลของสิงคโปร์ เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ว่ามีวิธีการอย่างไร ในฐานะที่เวลานี้รัฐบาลกำลังพยายามสร้างบรอดแบนด์และเกตเวย์แห่งชาติ
 
เมื่อสอบถามเกี่ยวกับช่วงเวลาการเปลี่ยนผ่านทางการเมือง เขากล่าวว่า สภาปฏิรูปแห่งชาติและคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญจะได้ยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่จะจัดการกับปัญหาคอร์รัปชั่นและการใช้อำนาจในทางมิชอบของผู้บริหารระดับสูงและนักการเมือง
 
"สำหรับวาระทางการเมืองนั้น ผมเองเห็นความต้องการของคนจำนวนมากอย่างชัดเจน ว่าต้องการให้แยกอำนาจฝ่ายบริหารและอำนาจฝ่ายนิติบัญญัติออกจากกัน รัฐธรรมนูญทุกฉบับที่ผ่านมาล้วนแต่ยอมให้อำนาจทั้งสองฝ่ายมาจากกลุ่มการเมืองเดียวกัน แต่ในอนาคตแล้ว เราต้องการอำนาจนิติบัญญัติและอำนาจบริหารที่แบ่งแยกกัน นั่นคือสิ่งที่ผมหวังว่าจะทำให้สามารถถ่วงดุลอำนาจกันได้ เพื่อเป็นสิ่งดีสำหรับประเทศไทย"
 
ทว่า Lohia จาก Indorama ได้ซักว่า การแยกอำนาจทั้งสองนั้น หมายถึงระบอบประธานาธิบดีแบบประเทศอินโดนีเซียหรือไม่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ตอบว่า ระบอบประธานาธิบดีนั้น "เป็นเรื่องที่ห่างไกลสำหรับไทย ด้วยพื้นฐานทางประวัติศาสตร์ และสภาพแวดล้อมของไทยเอง ไม่มีคนไทยคนไหนจะคิดถึงเรื่องนี้"
 
รองนายกฯ ได้ยกตัวอย่างกลไกการแบ่งแยกอำนาจว่า อาจเป็นผู้ที่จะเป็นรัฐมนตรี ต้องมาจากความเห็นของรัฐสภา ที่มาจากการเลือกตั้งแบบปาร์ตี้ลิสต์ ส่วนสมาชิกสภาผู้แทนฯ ที่มาจากการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญนั้น ให้ทำหน้าที่เฉพาะออกกฎหมายเท่านั้น
 
"ผมหวังไว้ด้วยว่ารัฐบาลในอนาคตจะเกรงกลัวการทุจริตมากขึ้น หรือไม่ก็ไม่กล้ากระทำอย่างโจ่งแจ้งเช่นในอดีต เพราะชัดเจนแล้วว่าหากเขายังฉ้อฉลต่อไป ประชาชนในกรุงเทพฯ ก็จะออกมาบนท้องถนนอีกครั้ง เป็นบทเรียนสำคัญที่จะช่วยป้องกันการคอร์รัปชั่น มากกว่าการบังคับใช้กฎหมาย"
 
ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าวว่า รัฐบาลที่มาจากรัฐประหารจะพยายามดำเนินงานตามแผนปฏิรูปให้มากเท่าที่จะทำได้ เพื่อเป็นแบบอย่างให้กับรัฐบาลอื่นๆ เดินตาม ซึ่งเวลาที่เหลืออาจจะไม่พอที่จะทำให้สำเร็จได้ทุกเรื่อง ก่อนการเลือกตั้งครั้งหน้าจะเกิดขึ้น
 
"เรากำลังแข่งขันกับเวลา เวลานี้เป็นช่วงที่ผมต้องทำงานอย่างหนัก จนภรรยาผมเริ่มบ่นแล้ว" เขากล่าวพร้อมเสียงหัวเราะ