<h2><strong>สวัสดีครับท่านผู้อ่าน</strong></h2>
ท่านเป็นหนึ่งในคนไทย 5 แสนคนที่เดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นชื่นชมซากุระบาน ในวันหยุดช่วงสงกรานต์หรือเปล่าครับ <span style="color: #daa520;"><strong>Forbes Thailand</strong></span> ฉบับนี้ขอนำเรื่องราวของความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนของไทยและญี่ปุ่นมาเป็นเรื่องเด่นประจำฉบับ รับกับกระแส <strong>“เจแปนฟีเวอร์”</strong> ซึ่งว่าไปแล้ว

ไทย และ ญี่ปุ่นนั้น มีสัมพันธ์กันมายาวนานหลายร้อยปีปัจจุบัน คนไทยยิ่งมีโอกาสเข้าถึงญี่ปุ่นมากขึ้น ภายหลังการยกเลิกวีซ่าเข้าประเทศแก่นักท่องเที่ยวไทยเป็นเวลา 15 วัน ตั้งแต่ 1 กรกฏาคม 2556 ญี่ปุ่นสำหรับไทยในวันนี้กำลังเต็มไปด้วยโอกาส หลังจากที่นายกรัฐมนตรี <span style="color: #008080;"><strong>Shinzo Abe</strong></span> ประกาศนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจด้วย <span style="color: #ff0000;"><strong>“ธนู 3 ดอก”</strong></span> ซึ่งการยกเว้นวีซ่าแก่นักท่องเที่ยวจากไทยและการเปิดรับการลงทุนจากต่างชาติ ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของ Abenomics ทั้งสิ้น

กว่า 50 ปีของการลงทุนของบริษัทญี่ปุ่นในไทย ได้สร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจให้แก่ประเทศไทย สร้างงานและรายได้ต่อเนื่อง จนเกิดประชากรชนชั้นกลางมากมายที่มีรายได้พอที่จะซื้อตั๋วเครื่องบนราคาถูก และหลั่งไหลไปเที่ยวมากขึ้น เป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ เพิ่มรายได้ และการจ้างงานในดินแดนอาทิตย์อุทัย ในยามที่ประเทศเผชิญกับภาวะการชะงักงันทางเศรษฐกิจมากกว่า 2 ทศวรรษ

ขณะ เดียวกัน โอกาสทางธุรกิจของคนไทยในญี่ปุ่นก็เปิดขึ้นไม่น้อย เช่น วิกฤตโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในญี่ปุ่น ทำให้ญี่ปุ่นต้องเร่งหาโรงไฟฟ้าจากแหล่งเชื้อเพลิงอื่นมาทดแทน ผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าของไทยหลายรายได้เข้าไปลงทุนในญี่ปุ่น หรือ การหลั่งไหลเข้ามาของนักท่องเที่ยวไทย ทำให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ชาวไทยเห็นโอกาสสร้างรายได้จากธุรกิจโรง แรมรีสอร์ตในญี่ปุ่น

ส่วนอนาคตของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางการผลิตใน ภูมิภาคของญี่ปุ่น ที่หลายฝ่ายตั้งคำถามว่า เราจะสูญเสียให้เพื่อนบ้านอย่างเวียดนาม หรืออินโดนิเซียในเร็ววันนี้หรือไม่ เราพยายามหาคำตอบผ่านการพูดคุยกับหลายฝ่ายแล้วนำเสนอออกในบทวิเคราะห์ทีน่า สนใจทีเดียวครับ

それでは、また次号でお会い致しましょう。
Soredewa, matajigoude oaitashimashou.
แล้วพบกันใหม่ฉบับหน้าครับ

<strong><span style="color: #008080;">นพพร วงศ์อนันต์</span></strong>
Editor-in-Chief
Forbes Thailand

Editor’sNote: Land of the Rising Sun

<h2><strong>Forbes Thailand</strong> เรากลับมาเยือน <strong>Yamazato</strong> ร้านอาหารญี่ปุ่นของโรงแรม Okura บนถนนเพลินจิตอีกครั้ง หลังจากที่บอสของ Dine with the Boss ฉบับนี้ ได้เลือกเป็นสถานที่พบกับเราสำหรับมื้ออาหารกลางวัน เพื่อคุยกันถึงบทบาทของ <strong>JETRO</strong> หรือ <strong>องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (Japan External Trade Organization) </strong>ในการกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนระหว่างไทยและญี่ปุ่น</h2>
สำนักงาน <strong>JETRO</strong> กรุงเทพฯ ก่อตั้งเมื่อปี 2502 ถือเป็นสาขาหลักสาขาหนึ่งอีกทั้งสำนักงาน JETRO กรุงเทพฯ  ยังเป็นศูนย์กลางประสานงานของสำนักงานในภูมิภาคเอเชียอีกด้วย คณะเราไปถึงห้องอาหารหลังเวลานัด 10 นาที เนื่องจากการจราจรที่คาดการณ์ไม่ได้ แต่ <strong>Masayasu Hosumi</strong> ประธาน JETRO กรุงเทพฯ ยืนรอเราอยู่แล้ว

บทสนทนาเริ่มขึ้นเพื่อฆ่าเวลาระหว่างรออาหาร ย้อนถามกันตั้งแต่ประวัติการทำงานของเขา ซึ่งคำตอบที่ได้รับน่าสนใจไม่น้อย <strong>Hosumi san</strong> ถือว่าเป็นข้าราชการอาชีพที่ผ่านงานมาหลากหลายตำแหน่ง ซึ่งแต่ละสายแทบไม่ได้เกี่ยวข้องกัน <strong>Hosumi</strong> รับตำแหน่ง ประธาน JETRO กรุงเทพฯ เมื่อปลายเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว พร้อมด้วยประสบการณ์ในหน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาลญี่ปุ่นไม่ต่ำกว่า 30 ปี รับผิดชอบและมีประสบการณ์ในสายงานที่หลากหลาย

เขาบอกว่าสำนักงาน <strong>JETRO กรุงเทพฯ</strong> เป็นสำนักงานที่มีแขกมาเยี่ยมเยอะที่สุดแห่งหนึ่งในบรรดา 80 สำนักงานทั่วโลก แต่ละปีต้องต้อนรับให้ข้อมูลผู้มาเยือนถึงเกือบ 10,000 คน Hosumi เสริมว่า ชุมชนญี่ปุ่นในไทยมีขนาดใหญ่มากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก จำนวนนักธุรกิจและสมาชิกครอบครัวที่รายงานตัวไว้กับสถานทูตญี่ปุ่นในไทยมีราว 60,000 คน แต่ถ้ารวมบรรดาชาวญี่ปุ่นที่พำนักอยู่ทั่วประเทศและไม่ได้รายงานตัวกับสถานทูตญี่ปุ่นแล้ว อาจสูงถึง 100,000 คน

การมารับตำแหน่งของ <strong>Hosumi</strong> ในกรุงเทพฯ มาพร้อมกับการปรับนโยบายการดำเนินงานของ JETRO ที่ตอบสนองต่อนโยบายของนายรัฐมนตรี Shinzo Abe ในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศด้วยการเปิดประเทศ ชักชวนนักลงทุนต่างชาติให้เข้าไปลงทุนในญี่ปุ่นตั้งแต่ปี 2013 ภายใต้โครงการ Invest Japan

“เราหวังว่าเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศจะมีบทบาทเป็นตัวเร่งปฏิกริยาในการทำให้ญี่ปุ่นกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง รัฐบาลตั้งเป้าที่จะเห็นเงินลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นสองเท่าจากปัจจุบัน เป็น 35 ล้านล้านเยนภายในปี 2020” <strong>Hosumi</strong> กล่าว หลังผละจากจานอาหาร เพื่อค้นดูเอกสารข้อมูลตัวเลข ท่ามกลางเสียงฝนฤดูร้อนที่กระหน่ำในเมืองหลวง

ระหว่างการเยือนญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ของไทย เป็นสักขีพยานในการลงนามเอกสาร 2 ฉบับ หนึ่งในนั้น คือ บันทึกความร่วมมือ  (Memorandum of Cooperation: MOC) เกี่ยวกับการส่งเสริมธุรกิจไทยในญี่ปุ่น ญี่ปุ่นในไทย และความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างกันในประเทศที่สาม ระหว่าง JETRO กับคณะกรรมการร่วม 3 สถาบันภาคเอกชน หรือ <strong>Joint Standing Committee on Commerce, Industry &amp; Banking -- JSCCIB จ</strong>าก MOC ดังกล่าว JETRO และ <strong>JSCCIB</strong> จะร่วมมือกันจัดงานสัมมนาใหญ่ในกรุงเทพฯ ในเดือนพฤษภาคมนี้

“MOC กับภาคเอกชนไทยเพื่อส่งเสริมการลงทุนในญี่ปุ่นเป็นกรณีแรกในอาเซียน JETRO หวังว่าจะนำไปสู่ความร่วมมือกับประเทศอื่นๆ ในอนาคต”

<strong>Hosumi</strong> บอกว่า จากการสอบถามสมาชิก JSCCIB พบว่ามี 3 ธุรกิจที่นักธุรกิจไทยสนใจไปลงทุนในญี่ปุ่น ได้แก่ ธุรกิจด้านสุขภาพ (wellness) ด้านพลังงานทดแทน และด้านบรรจุภัณฑ์ (packaging) “ผมไม่ทราบมาก่อนว่าคนไทยจะสนใจธุรกิจบรรจุภัณฑ์เยอะมาก แต่ได้รับคำอธิบายว่า อุตสาหกรรมหลายชนิดของไทยที่เข้มแข็ง เช่น เครื่องสำอาง อาหาร ล้วนแต่สนใจในเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ในญี่ปุ่น” เขาอธิบายด้วยภาษาอังกฤษที่ชัดเจน

ในทางกลับกัน นักลงทุนญี่ปุ่นยังให้ความสำคัญของประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เพราะประเทศไทยคือฐานการผลิตที่สำคัญของอุตสาหกรรมญี่ปุ่นหลายประเภท มีเครือข่ายอุตสาหกรรมสนับสนุนที่แข็งแกร่งหนุนอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ จำนวนบริษัทญี่ปุ่นในไทยเยอะมาก จนทำให้หอการค้าญี่ปุ่นในประเทศไทยมีสมาชิกมากเป็นเป็นอันดับสองของโลก รองจากที่ Shanghai

&nbsp;

<em>เรื่อง: นพพร วงศ์อนันต์ ภาพประกอบ: สมเกียรติ ศิริวงศ์ศิลป์</em>

<hr />

<a href="http://goo.gl/XTYH2N">อ่านฉบับเต็ม "Masayasu Hosumi เมื่อ JETRO ชวนทุนไทยไปญี่ปุ่น" ได้ที่ <strong>FORBES THAILAND</strong> ฉบับ <strong>MAY 2015</strong></a>

Masayasu Hosumi เมื่อ JETRO ชวนทุนไทยไปญี่ปุ่น

&ldquo;Life is a journey filled with lessons, hardships, heartaches, joys, celebrations and special moments that will ultimately lead us to our destination, our purpose in life. The road will not always be smooth; in fact, throughout our travels, we will encounter many challenges.&rdquo; <strong>Shannon Spaunburg</strong><br />
<br />
<strong>สวัสดีครับท่านผู้อ่าน</strong><br />
ผมขอเปิดนำฉบับเดือนมิถุนายน 2015 ที่นับเป็นการเดินทางเข้าสู่ปีที่สามของ <span style="color:#daa520;"><strong>Forbes Thailand</strong></span> ด้วยถ้อยคำกินใจจากเว็บไซต์ <a href="http://www.motivateus.com/">www.motivateus.com</a> ที่ให้ภาพการดำเนินในแต่ละชีวิตได้เป็นอย่างดี สองประโยคที่สละสลวยแฝงด้วยปรัชญาและความจริง ที่เราทุกคนล้วนเผชิญในแต่ละวัน<br />
&nbsp;<br />
<strong>&ldquo;การเดินทาง&rdquo;</strong> ของชีวิตนั้นเต็มไปด้วยบทเรียน ความทุกข์ยากเข็ญใจ ความปิติ การเฉลิมฉลอง และหลายห้วงเวลาพิเศษที่จะนำเราไปสู่จุดหมาย นั่นคือ ความหมายของการดำรงชีวิต<br />
<br />
ตลอด 24 ฉบับที่ผ่านมา เรานำเสนอเรื่องราวของธุรกิจที่หลากหลาย เรื่องของเจ้าของธุรกิจที่ต้องต่อสู้ฟันฝ่าอุปสรรคใหญ่น้อย เต็มไปด้วยบทเรียน ก้าวข้ามความทุกข์ยากเข็ญใจ จนเกิดความปิติ การเฉลิมฉลอง เป็นเจ้าของบริษัทชั้นนำของประเทศ ตลอดไปจนถึงระดับโลก<br />
<br />
นิตยสารน้องใหม่เชิงธุรกิจอย่างเราได้ประกาศตัวเป็น <span style="color:#ff0000;"><strong>&ldquo;แรงบันดาลใจ ของผู้ใฝ่ความสำเร็จ&rdquo;</strong></span> และสร้างปรากฏการณ์ที่ฮือฮาได้หลายครั้งตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น การนำลูกชายทั้งสามคนของ <span style="color:#008080;"><strong>ธนินท์ เจียรวนนท์ </strong></span>มา ถ่ายรูปขึ้นปกพร้อมกันในฉบับกรกฎาคม 2556 หรือ การนำเรื่องราวความมั่งคั่งของวัดพระธรรมกายมาเป็นเรื่องเด่นประจำฉบับ มกราคม 2557 และล่าสุดกับ Cover Story ที่นำเสนอเรื่องราวและบทสัมภาษณ์ของ 3 ราชินีแห่งวงการค้าปลีกในฉบับมีนาคม 2558<br />
<br />
ผมขอขอบคุณท่านผู้อ่าน บุคคลในบทความ รวมทั้งสินค้าและบริการต่างๆ ที่ให้การสนับสนุนเราอย่างดีตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้กองบรรณาธิการของเรามีกำลังกาย กำลังใจ ผลิตงานเขียนคุณภาพออกมาเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ใฝ่ความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง<br />
<br />
การ เดินทางย่อมมีจุดหมายฉันใด เส้นทางอาชีพของคนย่อมมีเส้นชัยเช่นกัน เส้นทางของผมในการสร้างนิตยสารธุรกิจให้เป็นแรงบันดาลใจแก่ผู้ใฝ่ความสำเร็จ ได้ดำเนินมาถึงจุดหมายที่ผมวางไว้ &nbsp;พร้อมกับการเข้ามาของ บรรณาธิการคนใหม่ <span style="color:#008080;"><strong>ศรีวิภา&nbsp;สิริปัญญาวิทย์</strong></span> ผู้จะนำพา <span style="color:#daa520;"><strong>Forbes Thailand</strong></span> ก้าวสู่ปีที่สามและปีต่อๆ ไปบนถนนหนังสืออย่างมั่นคงและองอาจ&nbsp;<br />
<br />
สวัสดีครับ<br />
<img class="img-responsive" alt="" class="img-responsive" height="190" src="/uploads/userfiles/images/JUNE%202015/%E0%B8%9E%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%A1.jpg" width="134" /><br />
&nbsp;<br />
<em>CORRECTION: เนื่องจากความผิดพลาด ในคอลัมน์ Asean Biz ฉบับเดือนเมษายน 2015 หน้า 102 แก้ไขเป็น ณ ทางเข้าวนอุทยานเขาช่อง จังหวัดตรัง</em>

Editor’s Note: ก้าวสู่ปีที่สาม ด้วยความมุ่งมั่น

ใน พ.ศ. นี้ น้อยคนนักที่ไม่รู้จัก <strong><span style="color:#008080;">แจ็ค หม่า</span></strong> ผู้ก่อตั้ง <span style="color:#daa520;"><strong>Alibaba</strong></span> กลุ่มธุรกิจอี คอมเมิร์ซ อันทรงพลังของจีน เขาคือมหาเศรษฐีอันดับ 1 ของจีนด้วยทรัพย์สินมูลค่า <strong>1.95 หมื่นล้านเหรียญ</strong> จากการประเมินของ <strong>Forbes</strong> เมื่อ ตุลาคม 2014 นอกจากนี้ เขาคือบุคคลที่ทรงอิทธิพลอันดับ 30 จาก 72 คนทั่วโลกจากการลงมติของบรรณาธิการทั้งหมดของ <strong>Forbes</strong> &nbsp;เมื่อ พฤศจิกายน 2014<br />
&nbsp;<br />
อดีต ครูภาษาอังกฤษชาวจีนผู้เติบโตจากพ่อแม่ที่เป็นนักดนตรีพื้นเมือง ได้สร้างความสั่นสะเทือน ตกตะลึงให้แก่แวดวงการเงินของโลก เมื่อกันยายน ปีที่แล้ว ด้วยการระดมทุนถึง 2.5 หมื่นล้านเหรียญ หรือ 8.25 แสนล้านบาท จากการขายหุ้น IPO แล้วนำหุ้นบริษัทเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์ก &nbsp;IPO ครั้งนี้นอกจากทำให้หม่า กลายเป็นบุคคลที่รวยที่สุดในประเทศจีนแล้ว ยังสร้างความมั่งคั่งให้แก่ผู้ถือหุ้นดั้งเดิม 2 ราย ใน Alibaba คือ <strong>Softbank</strong> และ <strong>Yahoo</strong> ด้วย<br />
&nbsp;<br />
องค์ ประกอบที่ทำให้ชายวัย 50 ปีผู้นี้ประสบความสำเร็จ เป็นบุคคลที่ทรงอิทธิพลของจีนและของโลก ก็คือ ความมีวิสัยทัศน์ ใจกล้า ไม่ท้อต่อความล้มเหลว ทำตามฝัน ลองผิด ลองถูก เป็นนักสู้ รู้จักคว้าโอกาสที่เข้ามา ต่อยอดไปจนประสบความสำเร็จ

คำนิยม ชีวประวัติ แจ็ค หม่า นักสู้ ผู้ยิ่งใหญ่

สวัสดีครับท่านผู้อ่าน<br />
<br />
นิตยสาร <span style="color:#daa520;"><strong>Forbes</strong></span> ก่อกำเนิดในสหรัฐอเมริกา โดย B.C. Forbes คอลัมนิสต์ด้านการเงินชื่อดัง และคู่หูของเขาเมื่อปี 1917 โดยให้ชื่อเมื่อแรกตั้งว่า <strong><em>Forbes: Devoted to Doers and Doings</em></strong> ประกาศตรงๆว่า ตั้งใจมอบพื้นที่ให้แก่ผู้ที่ทำธุรกิจและการสร้างธุรกิจ ผ่านมาเกือบร้อยปี Forbes ยังเป็นนิตยสาร ที่นำเรื่องราวของการสร้างธุรกิจ และนักธุรกิจที่ประสบประสบความสำเร็จ และเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในเรื่องของการจัดอันดับมหาเศรษฐีทั้งระดับโลก และระดับประเทศ<br />
<br />
การจัดอันดับมหาเศรษฐีผู้มีทรัพย์สินตั้งแต่ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือที่เรียกว่า <strong>billionaire</strong> ทั้งโลกโดยทีมงานด้านความมั่งคั่งของกองบรรณาธิการ Forbes ในสหรัฐอเมริกาได้ทำกันมาทุกปี นับเป็นปีที่ 29 ในปีนี้ แม้เศรษฐกิจโลกในรอบปีที่ผ่านมายังไม่ฟื้นตัวดีนัก แต่ จำนวนมหาเศรษฐีพันล้านที่ Forbes รวบรวมได้ของปีนี้ เพิ่มขึ้น 181 คน เป็น 1,826 คน ทรัพย์สินของพวกเขารวมกันแล้วได้ 7.05 ล้านล้านเหรียญ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 6.5 แสนล้านเหรียญ<br />
<br />
กองบรรณาธิการ <span style="color:#daa520;"><strong>Forbes Thailand</strong></span> ตัดสินใจเลือกเรื่องนี้ขึ้นเป็น เรื่องเด่นประจำฉบับ ด้วยเหตุผลว่าความมั่งคั่งของมหาเศรษฐีทั่วโลก นั้นอยู่รอบตัวเรา ตั้งแต่ ช็อกโกแลตทาขนมปังที่เราชอบกิน แบรนด์เสื้อผ้าที่เราเลือกซื้อ ไปจนถึงโทรศัพท์มือถือ และโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่เราใช้&nbsp; &frac14; ของความมั่งคั่งของมหาเศรษฐีทั้งโลกอยู่ในเอเชียแปซิฟิก&nbsp; &nbsp;จำนวนเศรษฐีพันล้านหลายร้อยคนอยู่ในจีน ประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก<br />
<br />
<span style="color:#daa520;"><strong>Forbes Thailand</strong></span> คัดสรร รายชื่อมหาเศรษฐีที่น่าสนใจ ตั้งแต่ 20 อันดับของโลก ไปจนถึง ทำเนียบรายชื่อเศรษฐีพันล้านในเอเชียเหนือ เอเชียใต้ เอเชียตะวันออก เอเชียตะวันออกฉียงใต้ และไทย มาให้ผู้อ่านชาวไทยรู้จักคนเหล่านี้มากขึ้น<br />
<br />
นอกจากนี้ เรายังนำเสนอเรื่องราวน่าสนใจของนักธุรกิจไทยต่างวัยที่ประสบความสำเร็จ เช่นเคย รวมทั้งสรุปเคล็ดลับ บทเรียน ความสำเร็จ และคราบน้ำตาของบรรดา เหล่าทายาทมหาเศรษฐี จากเวที The Next Tycoons เมื่อ 16 มีนาคม มาให้ได้อ่านกันอย่างทันใจ<br />
<br />
แม้เมษายน คือ เดือนที่ร้อนที่สุดของปี มีวันหยุดยาวมาก หากไม่อยากเปียกน้ำ รำคาญใจ มี Forbes Thailand ฉบับนี้ไว้ข้างตัว อ่านสร้างแรงบันดาลใจก็ดีไม่น้อย<br />
<br />
<span style="color:#daa520;">สุขสันต์วันสงกรานต์ครับ</span><br />
<br />
<div id="stcpDiv" style="position: absolute; top: -1999px; left: -1988px;">
	<div>
		<span style="color:#b22222;">นพพร วงศ์อนันต์</span></div>
	<div>
		Editor-in-Chief</div>
	<div>
		Forbes Thailand</div>
</div>
<span style="color:#008080;">นพพร วงศ์อนันต์</span><br />
Editor-in-Chief<br />
Forbes Thailand

Editor’sNote: รวยล้นโลก

<h2>ตุ๊กตาสีสันสดใสขนาดเท่าคนจริง Moon, Leonard, Sally, Brown และ Cony ยืนต้อนรับผู้มาเยือนสำนักงาน LINE Thailand บนชั้น 41 ของอาคาร Empire Tower ด้วยรูปลักษณ์ที่ยิ้มแย้ม ท่วงท่าที่เป็นมิตรของ LINE Characters เหล่านั้น ทำให้อดไม่ได้ที่ต้องไปโพสต์ท่าถ่ายรูปด้วย พร้อมส่งภาพไปทาง LINE กลุ่มกองบรรณาธิการ Forbes Thailand</h2>
เราเลือกมานั่ง “ดื่มกาแฟ” พร้อม cupcakes ลาย Brown กับนายใหญ่ของในสำนักงาน <strong>LINE Thailand</strong> ที่เต็มไปด้วยบรรยากาศของความสนุกสนาน เหมาะกับธุรกิจที่ต้องอาศัยความคิดสร้างสรรค์เป็นตัวขับเคลื่อน ไม่นานนักเจ้าของบ้านดีกรีปริญญาเอก วัย 39 ปี <strong>“รัฐศาสตร์ กรสูต”</strong> Country Manager แห่ง <strong>LINE ประจำประเทศไทย</strong> ก็มาพบเราในห้องประชุมกระจกใสที่ชื่อห้อง Cony

สำหรับหลายคนแล้วจะคุ้นเคยเขาในชื่อ <strong>“เปปเปอร์ ยูเอชที”</strong> ตั้งแต่เข้าวงการบันเทิงในปี 2537 ในนามบอยแบนด์ “ยูเอชที” เขาจบรัฐศาสตร์บัณฑิตจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก่อนคว้าปริญญาโทด้านวิศวกรรมซอฟแวร์จาก Depaul University สหรัฐอเมริกา ก่อนหน้ามาเป็นผู้บริหาร <strong>LINE Thailand</strong> เขาอยู่ที่ <strong>Sanook.com</strong> เป็นเวลา 2 ปีครึ่ง ในตำแหน่ง <strong>Vice President - Head of Portal and Business Development</strong>

&nbsp;

เพิ่ม “รสชาติ” ให้ LINE กับ “Dr. Pepper” รัฐศาสตร์ กรสูต

<strong>สวัสดีครับท่านผู้อ่าน</strong><br />
<br />
<strong><span style="color:#8b4513;">Forbes Thailand</span></strong> ฉบับ มีนาคม 2558 กลับมาเยือน ธุรกิจค้าปลีก อีกครั้ง ด้วย 2 เหตุผล คือ<br />
1. การก่อกำเนิดของห้างสรรพสินค้าใหญ่ในรอบ 2-3 ปีนี้ พร้อมมอลล์ชุมชนที่กำลังผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด<br />
2. ต้อนรับวัน สตรีสากล 5 มีนาคม ด้วยเรื่องราวของผู้หญิง กับ การจับจ่าย<br />
<br />
เราเลือก <span style="color:#8b4513;"><strong>Queens of Retail</strong></span> มาเป็นเรื่องเด่นประจำฉบับ พร้อมกับตั้งคำถามว่า ฤามอลล์จะท่วมเมือง ในบทความพิเศษที่ย้อนรอยประวัติค้าปลีกไทย<br />
<br />
การช็อปปิ้งกับผู้หญิงเป็นของคู่กัน สำหรับประเทศไทยแล้ว ผู้หญิงคือ ผู้นำของศูนย์การค้า และ ห้างสรรพสินค้า<br />
<br />
สตรีที่เราเชิญขึ้นปกทั้งสาม ล้วนแต่เป็น <strong>"ราชินี"</strong> แห่ง อาณาจักรค้าปลีกของเธอ หนึ่งในนั้นดูแลเครือข่ายห้างสรรพสินค้าที่กว้างขวางที่สุดในไทย ซึ่งก่อกำเนิดโดยปู่และพ่อของเธอ และกำลังพาไพร่พลออกรุกไปในประเทศเพื่อนบ้าน และยุโรป อีกหนึ่งนั้นมาทีหลัง แต่ก่อร้างสร้างอาณาจักรจนเติบโต มีความเชี่ยวชาญ ได้รับความไว้วางใจจากแบรนด์สินค้าหรูหราระดับโลก ส่วนสตรีที่สามนั้น ร่วมปลูกสร้างอาณาจักรที่บิดาสร้างขึ้นให้เติบโต รักษาความนิยมของลูกค้าไว้ได้กว่า 50 ปี สั่งสมความเชี่ยวชาญจนหาญกล้า ออกจากชัยภูมิเดิม ไปสร้างอาณาจักรใหม่ริมแม่น้ำ ทางฝั่งตะวันตกของนครหลวง<br />
<br />
ไม่เพียง ราชินี ทั้ง เรายังคุยกับ ราชา ในอาณาจักรค้าปลีกของพวกเขา <span style="color:#008080;"><strong>ก่อศักดิ์ ไชยรัศมิศักดิ์</strong></span> แห่ง 7-Eleven และ <span style="color:#008080;"><strong>นพพร วิฑูรชาติ</strong></span> ลูกเจ้าของตลาดมีนบุรีผู้บุกเบิก มอลล์ชุมชน จนมีคนเลียนแบบทั่วประเทศ พร้อมกับการขยายไปเป็นศูนย์การค้าขนาดมหึมาตามชานเมือง<br />
ผมเชื่อว่า เรื่องราวการต่อสู้ของนักรบของแวดวงค้าปลีกจะเป็นแรงบันดาลใจให้ท่านผู้อ่าน<br />
<div id="stcpDiv" style="position: absolute; top: -1999px; left: -1988px;">
	<div>
		<span style="color:#b22222;">นพพร วงศ์อนันต์</span></div>
	<div>
		Editor-in-Chief</div>
	<div>
		Forbes Thailand</div>
</div>
<br />
<span style="color:#ff0000;">นพพร วงศ์อนันต์</span><br />
Editor-in-Chief<br />
Forbes Thailand

Editor's Note: ช็อปปิ้ง กับ ผู้หญิง

<div>
	<strong>สวัสดีปีใหม่จีนครับท่านผู้อ่าน&nbsp;</strong></div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	ฉบับกุมภาพันธ์ 2558 เราต้อนรับปีแพะไม้เขียว ตามตำราโหราศาสตร์จีน ด้วยเรื่องราวของครอบครัว <span style="color:#b22222;">&ldquo;ชายชุดน้ำเงิน&rdquo;</span> มาเป็นเรื่องเด่นประจำฉบับครับ &ldquo;ชายชุดน้ำเงิน&rdquo; เป็นคำแปลจากภาษาจีนของครอบครัว <span style="color:#b22222;">&ldquo;ล่ำซำ&rdquo;</span> &nbsp;ซึ่งบรรพบุรุษต้นตระกูล คือ <span style="color:#b22222;">อึ้งเมี่ยวเหงี่ยน</span> ผู้เป็นลูกคนที่ 3 ของครอบครัว และชอบใส่เสื้อสีน้ำเงิน ได้โดยสารเรือจากบ้านเกิดในจีนมาไทย ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 เริ่มจากงานรับจ้างในร้านขายเหล้าไปจนเปิดร้านขายไม้เป็นของตัวเอง และรับสัมปทานทำไม้สัก จวบจนปัจจุบัน รุ่นที่ 5 ของ ครอบครัวชายชุดน้ำเงิน เกี่ยวพันอยู่กับธุรกิจที่หลากหลายใช้สีสันที่แตกต่างในแต่ละธุรกิจ เช่น เขียว ของ ธนาคารกสิกรไทย ไปจนถึง ชมพูบานเย็น ของ เมืองไทยประกันชีวิต และ ฟ้า ของเมืองไทยประกันภัย</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	เราเชิญครอบครัวของ <span style="color:#b22222;">โพธิพงษ์ ล่ำซำ</span> &nbsp;คนรุ่นที่ 4 ของตระกูล ขึ้นมานำเสนอเป็นเรื่องเด่น จากสมาชิกครอบครัวล่ำซำหลายสาย เพราะชายวัยย่าง 81 ปีคนนี้คือ ผู้บุกเบิกและสร้างธุรกิจประกันภัยและประกันชีวิตให้เป็นที่ยอมรับในประเทศไทย เมื่อเขาวางมือ และส่งต่อไม้ให้ลูกชาย <span style="color:#b22222;">สาระ</span> ดูแลเมืองไทยประกันชีวิต และลูกสาว <span style="color:#b22222;">นวลพรรณ </span>ดูแลประกันภัย ด้วยกลยุทธ์การตลาดที่สนุกสนาน ทันสมัย ล้ำหน้าคู่แข่ง บริษัททั้งสองก็เติบใหญ่ขึ้น แซงหน้าคู่แข่งหลายรายในอุตสาหกรรม&nbsp;</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	ข้อคิดหนึ่งที่เราเรียนรู้จากครอบครัวนี้คือ โพธิพงษ์ผสานเรื่องงานและครอบครัวเข้าด้วยกันได้เป็นอย่างดี บ่อยครั้งเขาพาลูกๆไปทำงานต่างจังหวัด พบปะลูกค้าและพนักงานในช่วงวันหยุด ทำให้เรื่องราวของธุรกิจถูกถ่ายทอดผ่านสมาชิกรุ่นหลังอย่างเป็นธรรมชาติ ส่งผลให้คนหนึ่งเต็มใจรับไม้ต่อตั้งแต่ต้น คนหนึ่งมารับไม้ต่อในช่วงหลัง และอีกคนเดินตามความชอบของตัวเอง</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	นอกจากนี้ ความภูมิใจที่เราได้คือ การเป็นนิตยสารฉบับแรกที่ได้ลูกทั้ง 3 คนของโพธิพงษ์ มาขึ้นปกพร้อมกัน และได้ถ่ายทอดเรื่องราวความสำเร็จของ <span style="color:#b22222;">วรรณพร (ล่ำซำ) พรประภา</span> ภูมิสถาปนิกหญิงเก่ง และลูกคนกลางของบ้านที่ไม่ปรากฏตัวผ่านสื่อมวลชนมากเท่าพี่สาวและน้องชายของเธอ มาไว้ในเล่มเดียวกัน</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	<strong>Cong Xi Fa Cai ขอให้ร่ำรวย รุ่งเรืองขึ้น ในปีแพะไม้เขียว ครับ</strong><br />
	&nbsp;</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	<span style="color:#b22222;">นพพร วงศ์อนันต์</span></div>
<div>
	Editor-in-Chief</div>
<div>
	Forbes Thailand<br />
	<br />
	&nbsp;</div>

Editor's Note: ชายชุดน้ำเงิน

<div>
	<strong>LINE Thailand เตรียมหาผู้จัดการประจำประเทศไทยคนใหม่ หลัง <span style="color:#b22222;">"รัฐศาสตร์ กรสูต" </span>หรือ <span style="color:#b22222;">"เปปเปอร์"</span> ผู้จัดการทั่วไปประจำประเทศไทยยื่นใบลาออก มีผลกลางเดือนกุมภาพันธ์นี้ เพื่อย้ายไปทำงานภาครัฐต้นเดือนมีนาคม รับผิดชอบดูแลด้านเศรษฐกิจดิจิทัล รวมระยะเวลาทำงานกับ LINE Thailand เพียง 8 เดือนเท่านั้น</strong><br />
	&nbsp;</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	<span style="color:#b22222;">&ldquo;ผู้ใหญ่ของกระทรวง ICT มาชวนไปช่วยงาน ใช้เวลาคิดอยู่นาน จึงตัดสินใจออกมา&rdquo;</span> แหล่งข่าวใน LINE Thailand กล่าวกับ <em>Forbes Thailand</em><br />
	<br />
	<span style="color:#0000cd;">ล่าสุด&nbsp;วารดี วสวานนท์ หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ LINE Thailand กล่าวกับ <em>Forbes Thailand </em>ว่า การลาออกของรัฐศาสตร์มีผลตั้งแต่ 30 มกราคมที่ผ่านมา ขณะนี้อยู่ระหว่างการสรรหาผู้จัดการทั่วไปคนใหม่ ตามนโยบายของเราที่อยากได้เป็นคนไทย</span></div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	รัฐศาสตร์ เป็นนักร้อง นักแสดง และนายแบบชาวไทย โด่งดังจากเป็นหนึ่งในสมาชิกบอยแบนด์ <span style="color:#b22222;">"ยูเอชที"</span> เมื่อปี พ.ศ. 2537 พร้อมกับเป็นนักแสดงสังกัดเอ็กแซ็กท์ เครือจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ปัจจุบันเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน Internet Technology เคยเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ สาขาวิชา Computer Business, และหลักสูตรบริหารธุรกิจภาคภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต อีกทั้งเคยเป็นผู้อำนวยการเว็บไซต์ sanook.com</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	<a href="http://www.forbesthailand.com/article_detail.php?article_id=265"><span style="color:#b22222;">Dine with the Boss</span>&nbsp;ประจำ&nbsp;<em><span style="color:#b22222;">Forbes Thailand </span></em>ฉบับเดือนมกราคม 2558</a> ได้มีโอกาสพูดคุยกับรัฐศาสตร์ ในฐานะผู้จัดการทั่วไปประจำประเทศไทยของ LINE Thailand ณ สำนักงานชั้น 41 อาคาร Empire Tower ที่เต็มไปด้วยตัวการ์ตูน LINE Characters คอยต้อนรับผู้มาเยือน</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	&ldquo;LINE เป็นบริษัทที่ให้ความสำคัญกับการ localization มาก เขาตั้งใจที่จะให้ธุรกิจของ LINE ดูแลจัดการโดยคนไทย โดยคน local ที่เข้าใจตลาด เข้าใจ user insights นี่คงเป็นสิ่งแรกที่เขามองเห็นในตัวของผม&rdquo; รัฐศาสตร์ให้เหตุผลที่เขาได้รับคัดเลือกเป็นผู้จัดการประจำประเทศไทย ที่เป็นคนไทยคนแรก ตั้งแต่กรกฎาคมปี 2557</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	หลังตัดสินใจออกจาก <span style="color:#b22222;">LINE Thailand</span> เพื่อเข้าทำงานภาครัฐ อีกงานหนึ่งที่รัฐศาสตร์ทำควบคู่กันไปด้วย ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ต้นปี 2558 แล้ว คือผู้ประกาศข่าวประจำช่อง <span style="color:#b22222;">GMM Channel (GMM25)</span>&nbsp;หนึ่งในสถานีโทรทัศน์ระบบดิจิทัลของเครือจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ร่วมกับคนดังอื่นๆ เช่น นาวิน เยาวพลกุล, วรรณสิงห์ ประเสริฐกุล, นาเดีย โสณกุล, ศิรนุช โรจนเสถียร, วนิษา เรซ เป็นต้น<br />
	<br />
	<br />
	<div>
		<hr />
		<p>
			<span style="color:#808080;"><strong>อ่านประกอบ:</strong></span> <a href="http://www.forbesthailand.com/article_detail.php?article_id=265">เพิ่ม &ldquo;รสชาติ&rdquo; ให้ LINE กับ &ldquo;Dr. Pepper&rdquo; รัฐศาสตร์ กรสูต</a><br />
			<br />
			&nbsp;</p>
	</div>
</div>
<br />

update - LINE Thailand เตรียมหานายใหม่ หลัง Pepper ย้ายเข้าภาครัฐ

<h2>ในเดือนกันยายน 2014 Forbes Thailand มีนัดกับ <strong>Johnson Tan</strong> วาณิชธนากรผู้มากประสบการณ์ ที่ผันตัวเองมาเป็น CEO ของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขนาดกลางในตลาดหุ้นไทย ที่โรงแรม Four Seasons บนถนนราชดำริ  ไม่ห่างจากสำนักงานใหญ่ของ บมจ. ไรมอน แลนด์ และ 185 Rajadamri อาคารคอนโดมิเนียมหรูที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ ถือเป็นโครงการเพชรน้ำเอกของบริษัท</h2>
ผ่านไป 6 เดือนของแรกของปี 2014  ไรมอนฯ มีกำไรสุทธิ 795.7 ล้านบาท โตขึ้นจากผลกำไรสุทธิของปีก่อนหน้าถึง107% ถ้าดูรายไตรมาสพบว่า บริษัทมีกำไรติดต่อกัน 9 ไตรมาส โดยกำไรสุทธิล่าสุดของไตรมาส 2 อยู่ที่ 432.7 ล้านบาท ทำให้สามารถล้างขาดทุนสะสมได้หมดในไตรมาสนี้ และอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนลดลงมาอยู่ที่ 1.40

กว่าถึงวันนี้ ไรมอนฯ ต้องผ่านขวากหนามมากมาย เคยติดอยู่ในหมวดบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ระหว่างฟื้นฟูการดำเนินงาน เปลี่ยนผู้ถือหุ้นใหญ่มาแล้วหลายราย จนเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2013  Lionel Lee เศรษฐีน้ำมันแห่ง Ezra Holdings Limited จากสิงคโปร์ เข้ามาซื้อหุ้น 24.98% ใน Raimon Land ภายใต้ชื่อ JS Asset Management ในมูลค่า 2.14 พันล้านบาทจากผู้ถือหุ้นใหญ่รายเดิม IFA Hotels &amp; Resorts 3 Ltd.

<strong>Johnson Chin Kwang Tan</strong> ผู้เคยทำงานกับสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่าง <strong>JP Morgan</strong> และ<strong> UBS Warburg</strong> ทั้งใน <strong>New York  ฮ่องกง และสิงคโปร์</strong> คือผู้ที่ทำให้ดีลนี้ประสบความสำเร็จ

Johnson Tan CEO ผู้พลิกฟื้น Raimon Land

<div>
	<strong>สวัสดีปีใหม่ครับ</strong></div>
<div>
	<br />
	&nbsp;</div>
<div>
	ในนามของกองบรรณาธิการ ผมขอส่ง &ldquo;แรงบันดาลใจ&rdquo; มามอบแด่ทุกท่าน ในการสร้างความสำเร็จสำหรับหน้าที่การงาน และธุรกิจของทุกท่านในปี 2558 ขอให้เป็นปีแห่งความสุข ความหวัง และการเติบโตของท่าน &nbsp;&nbsp;</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	<span style="color:#b22222;"><em>Forbes Thailand</em></span> ฉบับรับศักราชใหม่ 2558 มาพร้อมกับเรื่องราวของนักธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสื่อสารและสารสนเทศ (Information and Communication Technology - ICT) และนโยบายของรัฐบาลในการกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศด้วย ICT โดยเรียกทิศทางนี้ว่าการสร้าง <span style="color:#b22222;">digital economy </span>หรือ<span style="color:#b22222;">เศรษฐกิจดิจิทัล&nbsp;</span></div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	ในเรื่องของผู้ประกอบการด้าน ICT เราเชิญ <span style="color:#b22222;">ชวัลวัฒน์ อริยวรารมย์ </span>หรือชื่อเดิม จิรยุทธ ชุษณะโชติ กรรมการผู้จัดการบริษัท เชลล์ฮัท เอ็นเทอร์เทนเม้นท์ จำกัด มาขึ้นปก เขาคือตัวอย่างของผู้ประกอบการที่เดินหน้า ฟันฝ่าอุปสรรค ทำความฝันให้เป็นจริง สร้างการ์ตูนทีวีไทยให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก พร้อมก้าวต่อไปในการยกระดับอนิเมชันไทยให้ไปสู่จอเงิน ร่วมผลิตกับ Hollywood ด้วยความฝันทำตัวการ์ตูนไทยให้โด่งดัง ความมุ่งมั่นและจิตใจที่อ่อนโยน ยังทำให้เขาเอาชนะใจทิพาภรณ์ เจียรวนนท์ ลูกสาวคนเล็กของเจ้าสัวธนินท์ &nbsp;เจียรวนนท์ จนเกิดงานวิวาห์แห่งปี ที่มีแขกมาร่วมงาน 4,000 คน เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	นอกจากนี้ เรายังเชิญ &ldquo;ผู้นำของผู้นำ&rdquo; ในหลายองค์กรธุรกิจด้านดิจิทัล มาเล่าถึงเบื้องหลังความสำเร็จ และแผนงานในอนาคต เช่น <span style="color:#b22222;">วันฉัตร ผดุงรัตน์</span> แห่ง Pantip.com <span style="color:#b22222;">รัฐศาสตร์ กรสูต</span> แห่ง LINE Thailand และ<span style="color:#b22222;">พอล ศรีวรกุล</span> แห่ง Ardent Capital</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	ทางด้านโยบายของรัฐบาลในการสร้างเศรษฐกิจดิจิทัล เรามองว่าน่าจะเป็น &ldquo;หนังเรื่องยาว&rdquo; ที่อาจไม่จบได้ในช่วง 1 ปี ของรัฐบาลรักษาการ เราจึงนำเสนอบทความที่เล่าถึงที่มาที่ไปของเรื่องนี้ และตั้งคำถามว่า <span style="color:#b22222;">&ldquo;เศรษฐกิจดิจิทัล จะพลิกโฉมประเทศไทย?&rdquo;</span> พร้อมกับนำเสนอความเห็นของคนในแวดวง IT ที่อยากเห็นทิศทางที่ควรจะเป็นของเศรษฐกิจดิจิทัลในไทย</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	หัวข้อนี้น่าจะเป็นประเด็นใหญ่ ที่ถูกพูดถึงและนำมาถกเถียงกันได้ตลอดปีนี้</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	<strong>สุขสันต์ปีมะแมครับ</strong></div>
<div>
	<br />
	&nbsp;</div>
<div>
	<strong><span style="color:#b22222;">นพพร วงศ์อนันต์</span></strong></div>
<div>
	Editor-in-Chief</div>
<div>
	FORBES THAILAND</div>

EDITOR’S NOTE: Digital economy

<div>
	<strong>&ldquo;ดร.แตน&rdquo; จับมือผู้ผลิตหนังเกาหลี-อเมริกา ลงทุน 10 ล้านเหรียญ เบิกทาง &ldquo;เชลล์ดอน&rdquo; สู่หนังฟอร์มยักษ์ จับตลาดเอเชียก่อนบุกทั่วโลก &nbsp;&nbsp;</strong></div>
<div>
	<br />
	&nbsp;</div>
<div>
	<span style="color:#b22222;">"ชวัลวัฒน์ อริยวรารมย์"</span> หรือชื่อเดิม "จิรยุทธ ชุษณะโชติ" CEO บริษัทเชลล์ฮัท เอ็นเทอร์เทนเม้นท์ จำกัด (Shellhut) เจ้าของลิขสิทธิ์และผู้ผลิตตัวการ์ตูน <span style="color:#b22222;">"เชลล์ดอน"</span> และ<span style="color:#b22222;"> "เบิร์ดแลนด์ แดนมหัศจรรย์"</span> แถลงว่า ว่า ทาง <span style="color:#b22222;">Shellhut</span> และ <span style="color:#b22222;">Creative Motion</span> บริษัทในเครือ ได้จับมือกับ Del Mar EPS แห่งฮอลลีวู้ด ทุ่มทุนกว่า 10 ล้านเหรียญเพื่อสร้างภาพยนตร์แอนนิเมชั่นเรื่องแรก <span style="color:#b22222;">Dream Team </span><span style="color:#000000;">(หรือชื่อเดิม The Angel)</span> ในแนวโรแมนติกคอเมดี้ ที่ใช้ดารานักแสดงชื่อดังกับตัวละครจากการ์ตูนซีรี่ส์เชลล์ดอนแสดงร่วมกัน โดยมี บมจ.ไทยประกันชีวิตเป็นผู้สนับสนุนการจัดสร้าง</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	<span style="color:#b22222;">"Dream Team คือโปรดักชั่นที่ท้าทายความสามารถของผม ผมเชื่อว่าสาระสำคัญของเรื่อง นั่นคือ คุณค่าความเป็นครอบครอบครัว เกียรติยศ และเกียรติภูมิ จะมีพลังดึงดูดผู้ชมจากทั่วโลกได้"</span> ชวัลวัฒน์กล่าวผ่านเอกสารแถลงข่าว เพียง 2 สัปดาห์<a href="http://www.forbesthailand.com/article_detail.php?article_id=221">หลังพิธีอภิมหาสมรสแห่งปีกับทิพาภรณ์ เจียรวนนท์</a> ลูกสาวคนเล็กของธนินท์ เจียรวนนท์ เจ้าของเครือเจริญโภคภัณฑ์ และมหาเศรษฐีอันดับ 2 ของประเทศไทยในทำเนียบ 50 มหาเศรษฐีของ Forbes &nbsp;</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	<span style="color:#b22222;">Dream Team</span> เป็นเรื่องราวของหญิงสาวนาม Cee ที่เกิดมาเพื่อตามหาฝันร่วมกับเพื่อนๆ ที่ต่างมาร่วมทีมกันเพื่อเข้าแข่งขันประชันกับทีมอื่นๆ ระหว่างเส้นทางไปสู่ชัยชนะนั่นเอง Cee และเพื่อนๆ ต่างได้เรียนรู้บทเรียนอันมีค่า เกี่ยวกับความรัก ชีวิต และเกียรติยศ โดยขณะนี้ได้ดารานำฝ่ายชายแล้ว เปิดเผยได้เพียงว่าเป็นนักแสดงเกาหลีชื่อดัง ส่วนนักแสดงหญิงที่จะมารับบท Cee ยังอยู่ระหว่างการคัดเลือก</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	การจัดสร้าง Dream Team เป็นการร่วมงานของบุคลากรจากเอเชียและฮอลลีวู้ด โดยมี <span style="color:#b22222;">Del Mar EPS</span> ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ใน Los Angeles เป็นผู้สนับสนุนด้านการผลิตและการเงิน Han Tae Jung ผู้คร่ำหวอดในวงการหนังของเกาหลี ซึ่งผ่านงานภาพยนตร์ดังจำนวนมาก เช่น The Monkey King, Forbidden City หรือ Kukje รับหน้าที่ผู้อำนวยการสร้าง ร่วมกับ <span style="color:#b22222;">Kim Jun hyung</span> ผู้อำนวยการสร้างชาวอเมริกันเชื้อสายเกาหลี และ<span style="color:#b22222;"> Anthony Fankhauser</span> ซึ่งมีชื่อเสียงในวงการหนังอินดี้ในอเมริกา รับหน้าที่ผู้ช่วยผู้กำกับ ส่วนบริษัท Footage Creative จากเกาหลีใต้ รับหน้าที่ดูแลการผลิต ส่วนผู้กำกับคือ&nbsp;<span style="color:#b22222;">KC Park</span> ชาวเกาหลี</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	บทภาพยนตร์ต้นฉบับในแนวโรแมนติกคอเมดี้ เขียนโดย<span style="color:#b22222;">วิทิตนันท์ โรจนพานิช</span> ได้รับการดัดแปลงให้เป็นสไตล์โรแมนติกคอเมดี้ดราม่าแบบเกาหลี ซึ่งเป็นแนวเรื่องที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง โดย <span style="color:#b22222;">Jung Na Myung</span> มือเขียนบทชื่อดัง ส่วนเพลงประกอบซึ่งมีบทบาทสำคัญในการเดินเรื่อง เป็นผลงานของวงดนตรีชั้นนำของเอเชียสองวง ซึ่งจะเปิดเผยชื่อในโอกาสต่อไป โดยทั้งสองวงนี้จะมาร่วมแสดงและปรากฎตัวในเรื่องด้วย</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	<span style="color:#b22222;">Dream Team</span> วางแผนเริ่มงานพรีโปรดักชั่นราวเมษายน ปี 2015 แล้วย้ายมาทำขั้นโปรดักชั่นในกรุงเทพฯ พร้อมกับ Seoul และ Busan ของเกาหลีใต้ โดยวางเป้าหมายเจาะตลาดเอเชียในเบื้องต้น ก่อนจะวางแผนจัดจำหน่ายไปทั่วโลก</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	<span style="color:#b22222;">Don Ross</span> ซีอีโอของ Del Mar EPS ระบุว่า ตื่นเต้นอย่างมากที่บริษัทได้เป็นส่วนหนึ่งในโครงการนี้ เพราะว่าหนังในแนวโรแมนติกคอเมดี้สามารถทำรายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ จนเชื่อว่ามีความเป็นไปได้สูงมากที่จะจัดจำหน่าย Dream Team ไปในหลายประเทศ</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	ข้อมูลจาก Motion Picture Association of America ระบุว่า ในปี 2013 ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกสามารถสร้างรายได้จากยอดขายตั๋วได้ถึง 1.11 หมื่นล้านเหรียญ นับเป็นปีแรกที่สามารถทำรายได้สูงสุด แซงหน้ายุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	สำหรับชวัลวัฒน์ ผู้อำนวยการสร้างนั้น ในปี 2545 ได้ตัดสินใจทิ้งข้อเสนอการเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยในอเมริกา ด้วยเงื่อนไขสอนหนังสือวันละ 6 ชั่วโมง ปีละ 9 เดือน ด้วยรายได้ปีละ 9 หมื่นเหรียญ ในวัย 35 ปี ที่เพิ่งคว้าปริญญาเอกด้านการเงินและเศรษฐศาสตร์มาครอง กลับเมืองไทยมาเป็นเซลส์แมนขายฝัน กล้าเดิมพันอนาคตด้วยการเลือกทำรายการการ์ตูนไทย ทำทุกอย่างตั้งแต่วิจัยและพัฒนา ไปจนถึงหาทีมงานผลิต ผู้ร่วมทุน และแหล่งเงินทุน&nbsp;</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	ปี 2558 ซีรีย์การ์ตูนหอยใต้ทะเล <span style="color:#b22222;">Shelldon</span> เข้าสู่ฤดูกาลที่ 6 หลังฉายไปกว่า 180 ประเทศ พร้อมเสียงพากย์ใน 30 ภาษา ก้าวต่อไปของเขาคือสร้างภาพยนตร์แอนิเมชั่นร่วมกับ Hollywood เพื่อออกฉายไปทั่วโลก และเก็บเกี่ยวรายได้จากลิขสิทธิ์ผลิตภัณฑ์</div>
<div>
	<br />
	<br />
	<hr />
	<p>
		ติดตามอ่าน <span style="color:#b22222;"><strong>เส้นทางชีวิตของชวัลวัฒน์ อริยวรารมย์ และเชลล์ดอน</strong></span> ใน <em><span style="color:#b22222;">Forbes Thailand</span></em> ฉบับมกราคม 2558 วางแผง <span style="color:#b22222;">26 ธันวาคม 2557</span></p>
</div>
<br />

เขยเล็กซีพีทุ่มกว่า 300 ล้านบาท พา "เชลล์ดอน" บุกจอเงิน

<div>
	จบไปอย่างงดงาม ท่ามกลางความหวานชื่น ซาบซึ้ง ของผู้ร่วมงานกว่า 4,000 คน ที่แน่นขนัดห้องคอนเวนชั่นเซนเตอร์บนชั้น 22 ของโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งมารวมตัวกันเพื่อร่วมเป็นเกียรติ และแสดงความยินดีแก่เจ้าสาว <span style="color:#b22222;">"ทิพาภรณ์ เจียรวนนท์"</span> หรือ<span style="color:#b22222;"> "บี" </span>ลูกสาวคนเล็กจากลูก 5 คน ของเจ้าสัวธนินท์ และคุณหญิงเทวี เจียรวนนท์ กับเจ้าบ่าว <span style="color:#b22222;">"ชวัลวัฒน์ อริยวรารมย์"</span> (ชื่อเดิม "จิรยุทธ ชุษณะโชติ") หรือ <span style="color:#b22222;">"ดร.แตน"</span> ผู้สร้างสรรค์และถือลิขสิทธิ์ตัวการ์ตูนหอยเชลล์ดอน ที่ตัดสินใจเริ่มต้นชีวิตคู่ด้วยกัน<br />
	<br />
	<br />
	<img class="img-responsive" alt="" class="img-responsive" src="/uploads/userfiles/images/%E0%B9%8CNEWS/PRCP2.jpg" /></div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	<br />
	แขกเหรื่อนับพันคนที่มาร่วมงาน ล้วนเป็นคนสำคัญ หรืออดีตคนสำคัญทั่วฟ้าเมืองไทย ทั้งนักการเมือง ข้าราชการระดับสูง นักธุรกิจชั้นนำของไทย ที่หลายรายอยู่ในทำเนียบ 50 &nbsp;มหาเศรษฐีไทยของ <span style="color:#b22222;">Forbes</span> เช่น <span style="color:#b22222;">เจริญ สิริวัฒนภักดี, สุทธิเกียรติ จิราธิวัฒน์, ประยุทธ มหากิจศิริ</span> &nbsp;และผู้บริหารระดับสูงของบริษัทในเครือเจริญโภคภัณฑ์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ &nbsp;ต่างโคจรมาพบกันในห้องประชุมขนาดยักษ์ ซึ่งถูกแปลงโฉมให้เหมือนอยู่ใต้ท้องทะเลลึก ที่มีปราสาทใต้น้ำ และประดับด้วยพุ่มดอกไม้สีขาวและครีม</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	รูปแบบของงานเลี้ยง จัดทั้งแบบค็อกเทลและนั่งโต๊ะ โดยแขกราว 600 คน จะได้รับเกียรติให้นั่งโต๊ะกลมโต๊ะละ 10 ที่นั่ง มีบริกรมาเสิร์ฟอาหารคาวหวานแบบตะวันตก ส่วนแขกที่เหลือ ต่างเดินเลือกหาอาหารตามซุ้มต่างๆ ที่เจ้าภาพจัดไว้เต็มที่ ทั้งไทย และเทศ รวมทั้งผลิตภัณฑ์อาหารปรุงสำเร็จรูปตราซีพี และไอศกรีม ete ส่วนแขกประเภท VVIP ได้นั่งอยู่โต๊ะใหญ่ใกล้เวที&nbsp;<br />
	&nbsp;</div>
<div>
	<br />
	<img class="img-responsive" alt="" class="img-responsive" src="/uploads/userfiles/images/%E0%B9%8CNEWS/PRCP3.jpg" /><br />
	&nbsp;</div>
<div>
	<img class="img-responsive" alt="" class="img-responsive" src="/uploads/userfiles/images/%E0%B9%8CNEWS/PRCP4.jpg" /><br />
	<br />
	<div>
		ประธานของงานในค่ำคืนวันที่ 29 พฤศจิกายนคือ <span style="color:#b22222;">พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา </span>นายกรัฐมนตรี และภรรยา โดยแขก VVIP นายทหารที่มีอำนาจปกครองประเทศในปัจจุบัน นั่งอยู่ฝั่งขวาของงาน (เมื่อหันหน้าเข้าเวที) เช่น พลเอกประยุทธ์, <span style="color:#b22222;">พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ</span> รองนายกรัฐมนตรี <span style="color:#b22222;">พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา</span> รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย</div>
	<div>
		&nbsp;</div>
	<div>
		ส่วนโต๊ะด้านซ้ายของเวที ประกอบไปด้วยโต๊ะของอดีตนายกรัฐมนตรีหลายคน เช่น โต๊ะของ<span style="color:#b22222;">ยิ่งลักษณ์ &nbsp;ชินวัตร</span> ที่ถูกขนาบด้วย<span style="color:#b22222;">สุวัจน์ ลิปตพัลลภ</span> และ<span style="color:#b22222;">วราเทพ รัตนากร</span> โดยมี<span style="color:#b22222;">ศุภลักษณ์ อัมพุช</span> แม่ทัพหญิงแห่งกลุ่มเดอะมอลล์ แวะมาคุยทักทาย ถัดไปอีก 2-3 โต๊ะ คือ<span style="color:#b22222;">จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา</span> ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ นั่งอยู่กับ <span style="color:#b22222;">พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข</span> องคมนตรี ส่วน<span style="color:#b22222;">พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์</span> องคมนตรีและอดีตนายกรัฐมนตรี มาร่วมงาน แต่ไม่เห็นนั่งร่วมโต๊ะนี้ ถัดไปอีก 2 แถว เป็นโต๊ะของ<span style="color:#b22222;">ชวน หลีกภัย</span> ที่นั่งกับ<span style="color:#b22222;">อภิรักษ์ โกษะโยธิน</span> และ<span style="color:#b22222;">เกียรติ สิทธิอมร&nbsp;</span></div>
	<div>
		&nbsp;</div>
	<div>
		นักการเมืองทั้งมาจากแต่งตั้งและเลือกตั้ง และอดีตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ก็มาปรากฏตัวมากมาย เช่น <span style="color:#b22222;">ยุรนันท์ ภมรมนตรี</span>, <span style="color:#b22222;">นิคม ไวยรัชพานิช</span>, <span style="color:#b22222;">พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช</span>, <span style="color:#b22222;">พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์</span> ทางด้านสื่อมวลชนก็ได้รับเกียรติเชิญไปร่วมงานด้วย เช่น <span style="color:#b22222;">สรยุทธ สุทัศนะจินดา</span>,<span style="color:#b22222;"> สันติ วิริยะรังสฤษฎ์</span> หรือ <span style="color:#b22222;">&ldquo;ไต้ฝุ่น&rdquo;</span>, <span style="color:#b22222;">สรกล อดุลยานนท์</span> หรือ <span style="color:#b22222;">&ldquo;หนุ่มเมืองจันท์&rdquo;</span> และ<span style="color:#b22222;">ประดิษฐ์ เรืองดิษฐ์</span> นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย รวมทั้งตัวแทนจาก <span style="color:#b22222;"><em>Forbes Thailand</em></span></div>
	<div>
		&nbsp;</div>
	<div>
		<span style="color:#b22222;">&ldquo;ความสม่ำเสมอคือเรื่องสำคัญสำหรับชีวิตสมรส&rdquo;</span> คือวรรคทองที่ พล.อ.ประยุทธ์อวยพรคู่บ่าวสาวบนเวที การให้เกียรติคนที่ช่วยเหลือกันอย่างสม่ำเสมอ ดูเหมือนเป็นวิถีหลักของเจ้าสัวธนินท์เช่นกัน</div>
</div>
<div>
	<br />
	<br />
	<span style="color:#696969;">-ขอบคุณภาพจากประชาสัมพันธ์เครือซีพี-</span><br />
	<br />
	&nbsp;</div>

อภิมหาวิวาห์ลูกสาวธนินท์ ภาพสะท้อนมิตรภาพซีพีกับทุกคน

<div>
	<strong>สวัสดีครับท่านผู้อ่าน&nbsp;</strong></div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	<span style="color:#b22222;"><em>Forbes Thailand</em></span> ฉบับส่งท้ายปีเก่า มาด้วยลูกเล่นใหม่ นำเสนอบุคคลที่น่าสนใจ 7 คน บนปกนิตยสารถึง 6 ปก ซึ่งผมเชื่อว่า ยังไม่มีนิตยสารแนวธุรกิจในประเทศไทยฉบับใดทำมาก่อน เรามาด้วยแนวคิดเรื่องเด่นประจำฉบับ คือ The Next Tycoons หรือ ลูกไม้ใต้ต้น ผู้กำลังพิสูจน์ฝีมือทางธุรกิจในอาณาจักรของครอบครัวให้ประจักษ์แก่บุพการี ก่อนที่ผู้อาวุโสทั้งหลายจะวางใจ วางมือ แล้วส่งต่อธุรกิจมูลค่าหลายพันล้าน หรือหมื่นล้านบาทให้แก่พวกเขา</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	หลักเกณฑ์การคัดเลือกบุคคลมาเป็นปกครั้งนี้คือทายาทของ 50 มหาเศรษฐีไทยในทำเนียบ Forbes, มีรายได้ต่อปีเกินพันล้านบาท, และอายุยังไม่เลย 40 ปี เราตั้งใจว่า จะเลือกทายาทธุรกิจหญิงและชายในสัดส่วนที่เท่าๆ กัน ทว่า ทายาทหญิงหลายคนกลับปฏิเสธข้อเสนอ ด้วยเหตุผลที่ต่างกันไป อย่างไรก็ตาม นักธุรกิจหญิงที่เราได้มาขึ้นปกครั้งนี้ มีเรื่องราวที่น่าสนใจไม่น้อย สำหรับหญิงสาววัยไม่ถึง 30 ปี ผู้มุ่งมั่นสร้างยอดขายขององค์กรให้โต 2 เท่าเป็น 1 หมื่นล้านบาทใน 5 ปี</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	นอกจากเรื่องราวของการปูทางสร้างทายาทมารับกิจการของทั้ง 7 คนแล้ว เรายังเชิญผู้เชี่ยวด้านการส่งผ่านธุรกิจครอบครัวมาพูดถึงวิธีการกำกับดูแลธุรกิจครอบครัวให้ยั่งยืน และช่องทางการระดมทุนของธุรกิจครอบครัวในตลาดทุน ผมเชื่อว่า เนื้อหาของบทความและบทสัมภาษณ์เรื่องที่เกี่ยวกับลูกไม้ใต้ต้นนี้ จะเป็นประโยชน์แก่ธุรกิจครอบครัวทุกขนาดในประเทศได้นำไปปรับใช้ครับ</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	ไม่เพียงเรื่องลูกไม้ใต้ต้น เรายังนำเสนอเรื่องราวของ &ldquo;ลูกหม้อ&rdquo; หญิงคนหนึ่งของบริษัทสินค้าอุปโภคบริโภค ผู้ก้าวขึ้นเป็นนายหญิงไทยคนแรกของยูนิลีเวอร์ในประเทศไทย กำกับดูแลพนักงานถึง 4,000 คน แนวคิดในการบริหารและการใช้ชีวิตของเธอน่าสนใจทีเดียว</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	ส่วนเรื่องแปลจากต่างประเทศนั้น ล้วนแต่อยู่ในกระแสความสนใจ และเป็นชื่อที่คุ้นเคย เช่น Victoria&rsquo;s Secret, Pinterest หรือ Jerry Yang ผู้ร่วมก่อตั้ง Yahoo รับรองว่าสนุกทุกเรื่องครับ</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	ท้ายสุดนี้ ผมขออาราธนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายมาอำนวยพรท่านผู้อ่านให้สุขภาพกายแข็งแรง สุขภาพใจดี และสุขภาพของธุรกิจของท่านให้เข้มแข็งขึ้นในปีแพะ หลังจากที่บริษัทไม่น้อยต้องถูก &ldquo;ม้าดีดใส่&rdquo; ในปี 2556</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	<span style="color:#b22222;">Happy New Year</span> ครับ</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	<strong>นพพร วงศ์อนันต์</strong></div>
<div>
	Editor-in-Chief</div>
<div>
	FORBES THAILAND</div>
<div>
	&nbsp;</div>

Editor's Note: ลูกไม้ใต้ต้น

<h2>ชายหนุ่มชาวอังกฤษวัย 30 ปีผู้นี้ คืออดีตผู้ช่วยนักการเมืองและอาสาสมัครในราชนาวีแห่งสหราชอาณาจักร ความชอบและความเชี่ยวชาญที่พัฒนาจากครอบครัวแต่วัยรุ่น ทำให้เขากลายเป็นผู้ชำนาญด้านวิสกี้ระดับโลก เป็นกรรมการตัดสินวิสกี้ในเวทีนานาชาติ และผู้ได้รับการแต่งตั้งจากรัฐบาลสกอตแลนด์ให้เป็น <strong>“เอกอัครราชทูต”</strong> แห่งการส่งเสริมความรู้ด้านสกอตช์วิสกี้ในจีน และทั่วเอเชีย</h2>
เส้นทางของ <strong>Stephen Notman</strong> ผู้บุกเบิกวงการสกอตช์วิสกี้พรีเมียมในจีน เริ่มต้นจาก Mansfield อดีตเมืองอุตสาหกรรมเหมืองแร่และสิ่งทอในตอนกลางของอังกฤษ พ่อเขาเป็นเจ้าของธุรกิจผลิตบรรจุภัณฑ์ให้วิสกี้ในสกอตแลนด์ เริ่มลิ้มชิมรสวิสกี้ครั้งแรกเมื่ออายุ 14 ปี จากแม่ที่มีเชื้อสายไอริช พออายุ 16 พ่อเขาสอนให้หัดดมกลิ่น และแยกแยะความต่างของวิสกี้หลากชนิด แล้วพัฒนาความชอบ และต่อยอดความสามารถจนกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญชั้นนำของโลก และนักส่งเสริมการบริโภควิสกี้ที่ถูกวิธี ได้รับการยกย่องจากอุตสาหกรรมวิสกี้ของสกอตแลนด์ให้ได้รับรางวัล Keeper of the Quaich ที่อายุน้อยที่สุดในปี 2012 ในวัย 27 ปี

ประสบการณ์ครั้งเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิจัยการเมืองให้แก่ Nicholas Soames สมัยเป็นรัฐมนตรีเงากระทรวงกลาโหมของอังกฤษ ผู้เป็นหลานของ Winston Churchill ขณะที่ Notman เรียนด้านการเมืองและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ Hull University และ เป็นกำลังทหารสำรองในราชนาวีอังกฤษ

Notman พูดถึงวัฒนธรรมการดื่มของจีนว่า ถ้าเป็นคนจีนรุ่นเก่าจะนิยมดื่มเหล้าขาวผลิตในประเทศ ปริมาณแอลกอฮอล์ 53-58% เข้มข้นพอกับสกอตช์วิสกี้ที่อยู่ในถังบ่ม (Cask Strength Whisky) นอกจากนี้คนจีนยังเชื่อว่าเหล้ายิ่งเก่ายิ่งดี ทำให้คนจีนรุ่นต่อมาจนถึงปัจจุบันซื้อเหล้าด้วยการดูที่อายุการผลิต ด้วยเหตุนี้วิสกี้ชนิดที่ระบุอายุจึงขายดี พฤติกรรมเหล่านี้ได้จุดประกายความคิดให้ Notman เห็นช่องทางธุรกิจ

ในปี 2008 เขาเริ่มจับงานแสดงสินค้าประเภทวิสกี้ เป็นการเริ่มต้นธุรกิจครั้งแรกในต่างแดนด้วยวัยเพียง 24 ปี โดยเสี่ยงเขียนจดหมายไปถึงรัฐบาลสกอตแลนด์ ให้ส่งตัวแทนมาร่วมเปิดงาน ในที่สุด Alex Salmond ซึ่งเป็น First Minister หรือหัวหน้าคณะรัฐบาลสกอตแลนด์ มาร่วมเปิดงานแสดงที่ Shanghai ในปี 2009 พร้อมกับการตอบรับเป็นอย่างดียิ่ง  ล่าสุด เมื่อปลายเดือนกรกฎาคม เขาเดินทางมากรุงเทพฯ เพื่อบรรยายให้ความรู้เรื่อง Single Malt แก่นักดื่ม และนักลงทุนชาวไทยระหว่างงานเลี้ยงอาหารค่ำ ณ 2 โรงแรมหรู ซึ่งจัดโดย <em>Forbes Thailand</em>

ด้วยวัยเพียง 30 เส้นทางของเขายังยาวไกล จากความสำเร็จที่เขาสร้างขึ้นได้ภายในชั่วเวลาสั้นๆ น่าจับตาต่อไปอย่างยิ่งว่า คนเอเชียอีกกี่ล้านคนจะกลายเป็นสาวก Single Malt จากฝีมือเขา
<div>

<hr />

ติดตามอ่าน <strong>"Stephen Notman: หนุ่มอังกฤษผู้สอนชาวจีนให้ชื่นชม Scotch Whisky"</strong> ฉบับเต็มได้ใน <em>Forbes Thailand</em> ฉบับ NOVEMBER 2014

</div>

Stephen Notman : หนุ่มอังกฤษผู้สอนชาวจีนให้ชื่นชม Scotch Whisky

<div>
	<strong>สวัสดีครับท่านผู้อ่าน</strong></div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	<span style="color:#b22222;"><em>Forbes Thailand</em></span> ฉบับนี้ เราหยิบเรื่อง <span style="color:#b22222;">Digital TV </span>มาเป็นเรื่องเด่นประจำฉบับ รับกับการประกาศของรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหารว่าจะวางรากฐานพัฒนาเศรษฐกิจไทยให้ไปสู่ Digital Economy ซึ่งหลายคนอาจยังงงว่าจะมีนโยบายอะไร และจะทำให้เป็นจริงได้มากน้อยแค่ไหนในช่วงเวลาสั้นๆของการบริหารประเทศ แต่ที่รู้แน่ๆ คือ เรายังตกลงกันไม่ได้ว่า จะใช้ภาษาไทยกับคำ digital อย่างไรดี ดิจิตัล ดิจิตอล หรือดิจิทัล</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	เนื้อหาส่วนใหญ่ในฉบับนี้ วนเวียนอยู่กับเรื่องราวของโลกดิจิทัล (สะกดตามหลักการทับศัพท์ของราชบัณฑิตยสถาน) คอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ต การค้าขายออนไลน์ และการนำเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ล่าสุดมาก่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในกระบวนการผลิต รวมถึงการแข่งรถ</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	<em><span style="color:#b22222;">Forbes Thailand </span></em>เลือกเรื่อง <span style="color:#b22222;">Digital TV</span> มาศึกษาเปรียบเทียบในแง่มุมระหว่างความฝันกับความจริง ผลกำไรและขาดทุน และนำเสนอให้เห็นถึงความเชื่อมโยงของผู้มั่งคั่งหลายคนในทำเนียบมหาเศรษฐีไทยของ Forbes ที่ผันตัวมาคลุกในวงการ Digital TV หลังจากที่เห็นมหาเศรษฐีอย่างน้อย 2 รายในทำเนียบ Forbes ที่ร่ำรวยมาด้วยธุรกิจโทรทัศน์แบบดั้งเดิม Analogue TV ในตลาดที่มีผู้เล่นน้อยราย</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	เนื่องจากธุรกิจไทยทั้งใหญ่และเล็กต่างให้ความสนใจในตลาดจีน เราจึงเปิดพื้นที่เฉพาะกิจสำหรับ <span style="color:#b22222;">Greater China </span>พูดถึงอาณาจักรของเครือเจริญโภคภัณฑ์ในจีน โอกาสทางธุรกิจของไทยในฮ่องกง ตลาดนักท่องเที่ยวจีนขนาดใหญ่จาก Guangzhou สู่ไทย &nbsp;และโอกาสขายสินค้าไทยในตลาดออนไลน์ในจีน ธุรกิจทั้งหมดต่างอาศัยเทคโนโลยีดิจิทัลในการบริหารจัดการทั้งสิ้น</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	ในเรื่องแปลจากต่างประเทศ เราเปิดอาณาจักรที่เร้นลับของ<span style="color:#b22222;"> Herm&egrave;s</span> แล้วไปดูเพื่อนสาวคู่หูผู้ทำธุรกิจให้เช่าเสื้อผ้าเครื่องประดับแบรนด์ดังไปทั่วสหรัฐอเมริกา ด้วยแผนธุรกิจที่แหวกแนว และความช่วยเหลือของเทคโนโลยีดิจิตัล ธุรกิจของเธอมีมูลค่าพันล้านเหรียญในเวลาไม่นาน เป็นแนวคิดทางธุรกิจที่น่าจะนำมาปรับเข้ากับเมืองไทยได้</div>
<div>
	<br />
	ผมเชื่อว่า เนื้อหาและข้อมูลในเล่มนี้ หลากหลาย เข้มข้น และท่านผู้อ่าน นำไปประยุกต์ใช้ทางธุรกิจได้แน่นอนครับ</div>
<div>
	<br />
	&nbsp;</div>
<div>
	<strong>นพพร วงศ์อนันต์</strong></div>
<div>
	Editor-in-Chief</div>
<div>
	FORBES THAILAND<br />
	<br />
	<strong>หมายเหตุ: ติดตามเรื่องเด่นของ Forbes Thailand ฉบับ พ.ย. 2014 "Digital TV เดิมพันแสนล้าน ฟองสบู่ลูกใหม่ รอวันแตก?" ได้ที่</strong>&nbsp;<a href="http://www.forbesthailand.com/cover_detail.php?cover_id=18">http://www.forbesthailand.com/cover_detail.php?cover_id=18</a><br />
	<img class="img-responsive" alt="" class="img-responsive" src="/uploads/userfiles/images/Covers/COVER%20Nov14.jpg" /></div>

EDITOR'S NOTE: อะไร อะไร ก็ไป Digital

<div style="text-align: center;">
	<span style="color:#696969;"><span style="font-size:11px;">ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล และ Steve Forbes ประธาน Forbes Media บนเวที &nbsp;Forbes Global CEO Conference</span></span></div>
<div>
	<br />
	<strong>สิงคโปร์: ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ กล่าวกับเจ้าของและผู้บริหารธุรกิจระดับโลก เมื่อพุธที่ผ่านมาว่า รัฐบาลที่มาจากทหารกำลังทำงานแข่งกับเวลา โดยเฉพาะงานปฏิรูปประเทศทางด้านการเมืองและเศรษฐกิจ ให้เสร็จทันกรอบเวลาตามที่สัญญาไว้ เพื่อวางรากฐานการบริหารงานที่ซื่อสัตย์และมีประสิทธิภาพ ให้กับรัฐบาลพลเรือนในอนาคต</strong></div>
<div>
	<br />
	&nbsp;</div>
<div>
	ผู้กุมกลไกเศรษฐกิจของไทย กล่าวระหว่างงานสัมมนา <strong>Forbes Global CEO Conference</strong> ว่า &nbsp;นโยบายเศรษฐกิจสำคัญเพื่อกระตุ้นการแข่งขันของประเทศ เวลานี้มี 2 เรื่องใหญ่ เรื่องแรกคือ การช่วยเหลือกิจการของคนไทยให้สามารถไปลงทุนยังต่างประเทศได้ และอีกเรื่องคือ การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี เพื่อจูงใจบริษัทข้ามชาติ ให้มาตั้งสำนักงานใหญ่ระดับภูมิภาคในประเทศไทย ส่วนรายละเอียดของนโยบายนั้น จะแถลงให้ทราบภายในเดือนนี้&nbsp;</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	สำหรับการเลือกตั้งนั้นได้วางแผนจัดขึ้นในปีหน้า ขณะที่สภาปฏิรูปแห่งชาติและคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญจะได้ยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพื่อสกัดกันการคอร์รัปชั่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถลงโทษผู้กระทำผิดได้รวดเร็วยิ่งขึ้น &nbsp;</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวกับผู้บริหารธุรกิจชั้นนำกว่า 300 คน อาทิ ธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการเครือเจริญโภคภัณฑ์, Binod Chaudhary มหาเศรษฐีพันล้านเหรียญหนึ่งเดียวของเนปาล และ Sri Prakash Lohia นักธุรกิจเชื้อสายอินเดีย ประธานกรรมการ Indorama Ventures ราชาพลาสติกแห่งอินโดนีเซีย&nbsp;</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	<span style="color:#b22222;">"ต้องเป็นเรื่องที่น่าเกลียดเอามากๆ หากรัฐบาลนี้อยู่ไปจนปีครึ่งแล้วมาบอกว่า ต้องขอเลื่อนการเลือกตั้งออกไปก่อน เพราะกลัวพวกเสื้อแดงจะชนะ ทั้งที่พวกเขาเป็นคนไทยเหมือนกัน ก็ต้องให้พวกเขาได้เลือกตั้ง ผมไม่กลัวการเลือกตั้งเลย แต่ต้องมั่นใจว่าต้องมีกฎหมายที่เข้มแข็งพอที่จะไม่ให้เกิดการคอร์รัปชั่น และต้องสามารถลงโทษพวกที่ทำผิดได้"</span> ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ตอบคำถามนักธุรกิจไทย-ออสเตรเลีย Michael Ma ที่เสนอให้ชะลอการเลือกตั้งออกไป เนื่องจากฝ่ายผู้สนับสนุนอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร จะได้รับชัยชนะแน่นอน เพราะยังคงได้รับความนิยมในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	<span style="color:#b22222;">"คุณไม่มีทางที่จะประวิงเวลาการเลือกตั้งให้ยาวออกไป อีกสัก 3-4 เดือนจากนี้ ประชาชนอาจจะเริ่มเบื่อหน่ายการทำงานของรัฐบาลแล้วก็ได้ เรื่องแบบนี้ไม่มีใครรู้ เราควรต้องเคร่งครัดต่อกรอบเวลาที่กำหนด และเร่งรัดทำงานทุกอย่างให้เร็วที่สุด"</span></div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า "เสื้อแดง" ก็เป็นประชาชน "คนธรรมดา" ที่รักในประเทศและพระเจ้าอยู่หัวเหมือนกัน เพียงแต่ว่าแกนนำทางการเมืองได้ "ล้างสมอง" พวกเขา</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	รองนายกฯ กล่าวอีกว่า ตลอดช่วงเกิดวิกฤตทางการเมืองราว 6 เดือนนั้น ได้แช่แข็งกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การลงทุน และยังทำให้ผู้คนเดือดร้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนยากจน การยึดอำนาจจึงเป็นการนำเสถียรภาพกลับคืน และรัฐบาลกำลังตั้งต้นเดินเครื่องเศรษฐกิจด้วยมาตรการระยะสั้น ผ่านการใช้จ่ายภาครัฐที่รวดเร็วไปยังแผนงานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานย่อยๆ กว่าหมื่นรายการทั่วประเทศ</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	เขาย้ำว่า ประชาชนจะเริ่มได้รับอานิสงส์ของการกระตุ้นเศรษฐกิจ ตั้งแต่เดือนธันวาคมเป็นต้นไป</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	สำหรับแผนงานเศรษฐกิจในระยะยาวนั้น รัฐบาลกำลังเตรียมความพร้อมของประเทศ เพื่อให้ก้าวไปสู่ระดับเดียวกับประเทศสิงคโปร์หรือญี่ปุ่น ในฐานะชาติที่มีศักยภาพในการแข่งขันด้านการค้า</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	<span style="color:#a52a2a;">"สำหรับเราแล้วไม่ใช่เป็นแค่ความฝัน ที่สักวันจะเป็นประเทศแห่งการค้าของภูมิภาค เพราะอย่างน้อยที่สุดก็ได้บรรลุในสิ่งที่บอกว่าคุณนั้นเป็นเลิศแล้ว"&nbsp;</span></div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	ม.ร.ว.ปรีดิยาธร บอกด้วยว่า ได้สั่งให้คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนตั้งหน่วยงานใหม่ เพื่อช่วยเหลือกิจการของคนไทย ให้สามารถขยายธุรกิจไปยังต่างแดน เพื่อแสวงหาตลาดใหม่ๆ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน นอกจากนี้เขายังอยู่ระหว่างตระเตรียมข้อเสนอสิทธิประโยชน์ทางภาษี เพื่อเชื้อเชิญบรรษัทข้ามชาติย้ายสำนักงานใหญ่จากสิงคโปร์มายังไทย โดยให้คำมั่นว่าจะขจัดอุปสรรคต่างๆ ทางภาษีที่มีอยู่</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	รัฐบาลยังสนใจวิธีการพัฒนาระบบเศรษฐกิจดิจิตอลของสิงคโปร์ เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ว่ามีวิธีการอย่างไร ในฐานะที่เวลานี้รัฐบาลกำลังพยายามสร้างบรอดแบนด์และเกตเวย์แห่งชาติ</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	เมื่อสอบถามเกี่ยวกับช่วงเวลาการเปลี่ยนผ่านทางการเมือง เขากล่าวว่า สภาปฏิรูปแห่งชาติและคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญจะได้ยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่จะจัดการกับปัญหาคอร์รัปชั่นและการใช้อำนาจในทางมิชอบของผู้บริหารระดับสูงและนักการเมือง</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	<span style="color:#b22222;">"สำหรับวาระทางการเมืองนั้น ผมเองเห็นความต้องการของคนจำนวนมากอย่างชัดเจน ว่าต้องการให้แยกอำนาจฝ่ายบริหารและอำนาจฝ่ายนิติบัญญัติออกจากกัน รัฐธรรมนูญทุกฉบับที่ผ่านมาล้วนแต่ยอมให้อำนาจทั้งสองฝ่ายมาจากกลุ่มการเมืองเดียวกัน แต่ในอนาคตแล้ว เราต้องการอำนาจนิติบัญญัติและอำนาจบริหารที่แบ่งแยกกัน นั่นคือสิ่งที่ผมหวังว่าจะทำให้สามารถถ่วงดุลอำนาจกันได้ เพื่อเป็นสิ่งดีสำหรับประเทศไทย"</span></div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	ทว่า Lohia จาก Indorama ได้ซักว่า การแยกอำนาจทั้งสองนั้น หมายถึงระบอบประธานาธิบดีแบบประเทศอินโดนีเซียหรือไม่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ตอบว่า ระบอบประธานาธิบดีนั้น <span style="color:#a52a2a;">"เป็นเรื่องที่ห่างไกลสำหรับไทย ด้วยพื้นฐานทางประวัติศาสตร์ และสภาพแวดล้อมของไทยเอง ไม่มีคนไทยคนไหนจะคิดถึงเรื่องนี้"</span></div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	รองนายกฯ ได้ยกตัวอย่างกลไกการแบ่งแยกอำนาจว่า อาจเป็นผู้ที่จะเป็นรัฐมนตรี ต้องมาจากความเห็นของรัฐสภา ที่มาจากการเลือกตั้งแบบปาร์ตี้ลิสต์ ส่วนสมาชิกสภาผู้แทนฯ ที่มาจากการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญนั้น ให้ทำหน้าที่เฉพาะออกกฎหมายเท่านั้น</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	<span style="color:#a52a2a;">"ผมหวังไว้ด้วยว่ารัฐบาลในอนาคตจะเกรงกลัวการทุจริตมากขึ้น หรือไม่ก็ไม่กล้ากระทำอย่างโจ่งแจ้งเช่นในอดีต เพราะชัดเจนแล้วว่าหากเขายังฉ้อฉลต่อไป ประชาชนในกรุงเทพฯ ก็จะออกมาบนท้องถนนอีกครั้ง เป็นบทเรียนสำคัญที่จะช่วยป้องกันการคอร์รัปชั่น มากกว่าการบังคับใช้กฎหมาย"</span></div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าวว่า รัฐบาลที่มาจากรัฐประหารจะพยายามดำเนินงานตามแผนปฏิรูปให้มากเท่าที่จะทำได้ เพื่อเป็นแบบอย่างให้กับรัฐบาลอื่นๆ เดินตาม ซึ่งเวลาที่เหลืออาจจะไม่พอที่จะทำให้สำเร็จได้ทุกเรื่อง ก่อนการเลือกตั้งครั้งหน้าจะเกิดขึ้น</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	<span style="color:#a52a2a;">"เรากำลังแข่งขันกับเวลา เวลานี้เป็นช่วงที่ผมต้องทำงานอย่างหนัก จนภรรยาผมเริ่มบ่นแล้ว"</span> เขากล่าวพร้อมเสียงหัวเราะ</div>
<div>
	&nbsp;</div>

ปรีดิยาธร: รัฐบาลจากกองทัพจะเป็นตัวอย่างให้รัฐบาลอื่นเดินตาม

<div>
	<strong>Lee Hsien Loong นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์บอกมหาเศรษฐีกลางวงสัมมนา Forbes Global CEO Conference ว่า ประชาธิปไตยอาจไม่ได้นำมาซึ่งรัฐบาลที่สามารถแก้ปัญหาที่ท้าทายของประเทศในเอเชียได้ พร้อมเรียกร้องให้คนสิงคโปร์ ตื่นตัว และวิตกกังวล ว่า ความสุขที่เคยมีอาจต้องถูกคนชาติอื่นแย่งไป ถ้าไม่พัฒนาตัวเองตลอดเวลา</strong></div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	<span style="color:#b22222;">Forbes Global CEO Conference</span> ครั้งที่ 14 งานชุมนุม 3 วันของมหาเศรษฐีระดับพันล้านเหรียญเริ่มขึ้นแล้วที่โรงแรม Shangri-La ในสิงคโปร์ ในคืนวันอังคาร 28 ตุลาคม โดยมี <span style="color:#b22222;">Lee Hsien Loong</span> นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ให้เกียรติร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำ และสนทนาบนเวทีกับ <span style="color:#b22222;">Steve Forbes</span> บรรณาธิการบริหารของนิตยสาร Forbes &nbsp;แห่งสหรัฐอเมริกา เป็นเวลา 35 นาที ท่ามกลางผู้ร่วมงาน 400 คน จากทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก&nbsp;</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	ตอนหนึ่งของการสนทนา Lee ถูกถามถึงความเห็นถึงสถานะความเป็นประชาธิปไตยของประเทศต่างๆ ทั่วเอเชีย เขาอธิบายว่า การเมืองในหลายประเทศในเอเชียมีความ &ldquo;ซับซ้อน&rdquo; ทั้งโครงสร้างทางการเมือง และบทบาทของกลุ่มต่างๆ ในสังคม เช่น ในประเทศไทย แม้จัดให้มีการเลือกตั้งบ่อยครั้ง แต่กองทัพกลับมีบทบาทสำคัญยิ่งยวดมาตลอด บางครั้งออกมาอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นเช่นนี้มาช้านานแล้ว&nbsp;</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	<em>&ldquo;ถ้าคุณมองมาที่อินเดีย ซึ่งมีประชาธิปไตยแบบหนึ่ง ที่ได้ทำหน้าที่จัดตั้งรัฐบาลใหม่ขึ้นมาครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ในแง่ของการแก้ปัญหาพื้นฐานที่ประเทศเผชิญอยู่ ระบบแบบนี้ทำให้การแก้ปัญหายากกว่าการจัดการกับปัญหาแบบในจีน&rdquo;</em> Lee ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของประเทศเกาะเล็กๆ แห่งนี้มาตั้งแต่ปี 2004 กล่าวกับเจ้าของธุรกิจชั้นนำในเอเชีย</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	เขาเสริมว่า ในจีนเอง แม้ไม่ได้มีการเลือกตั้ง แต่ก็ไม่ได้แปลว่ารัฐบาลจะไม่ถูกวิจารณ์เรื่องความชอบธรรม การทำงานที่มีประสิทธิภาพ และการตรวจสอบถ่วงดุล</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	สำหรับสิงคโปร์ ประเทศที่จะมีอายุครบครึ่งศตวรรษในปีหน้า Lee บอกว่า...<br />
	<br />
	<span style="color:#b22222;">&ldquo;แม้ประเทศนี้จัดให้มีการเลือกตั้งบ่อยครั้ง มีรัฐสภา มีรัฐบาลที่มาจากการเลือกของประชาชน แต่ถ้าคุณถามว่าสูตรสำเร็จนี้จะสร้างรัฐบาลที่ดี และสร้างประเทศให้ประสบผลสำเร็จในอีก 50 ปีข้างหน้าหรือไม่ ไม่มีใครสามารถบอกได้ แต่มันขึ้นกับประชาชน ค่านิยมของสังคม คุณภาพของผู้นำ และความเชื่อมโยงระหว่างผู้นำกับประชาชน ไม่ใช่มาบอกว่า เราจำต้องมีประชาธิปไตยให้มากขึ้น แล้วจะทำให้ประเทศเจริญรุดหน้าขึ้น&rdquo;&nbsp;</span></div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	Lee ปัจจุบันอายุ 62 ปี คือ นายกรัฐมนตรีคนที่ 3 ของสิงคโปร์ เขาถูกวางตัว แล้วสร้างพื้นฐานการศึกษาและการเมือง ให้สืบทอดตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อจากบิดา คือ <span style="color:#b22222;">Lee Kuan Yew </span>ผู้ประกาศแยกตัวจากมาเลเซียเมื่อ 49 ปีก่อน Lee ผู้ลูก ผ่านตำแหน่งสำคัญในรัฐบาลก่อนมารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เช่น รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า รัฐมนตรีคลัง รัฐมนตรีกลาโหม และประธานกรรมการธนาคารกลางของสิงคโปร์&nbsp;</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	ต่อคำถามที่ว่าสิงคโปร์จะเป็นอย่างไร หลังการเฉลิมฉลองครบ 50 ปีแห่งการประกาศเอกราชจากมาเลเซีย นายกรัฐมนตรีตอบว่า <em>&ldquo;สิ่งที่สิงคโปร์จำเป็นต้องทำคือ ตระหนักรู้ และวิตกกังวลไว้เสมอว่า อาจมีใครมาแย่งอาหารกลางวันของคุณไปได้ ขณะเดียวกัน ก็ต้องมีความมั่นใจว่า ฉันมีพื้นฐานที่ดี มีสถานะที่แข็งแรง และมุ่งมั่นที่จะทำวันพรุ่งนี้ให้ดีขึ้น&rdquo;&nbsp;</em></div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	สันติภาพในภูมิภาคคือ สิ่งที่ทำให้ Lee กังวลมากที่สุด เขามองว่าข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ และข้อพิพาทดินแดนระหว่างญี่ปุ่นและจีนกรณีหมู่เกาะ Senkaku/Diaoyu เป็นเรื่องที่ต้องคุมไม่ให้ลุกลาม รวมทั้งการแพร่ระบาดของแนวคิดของกลุ่มหัวรุนแรง ติดอาวุธ ในตะวันออกกลางเช่น ISIS เข้ามาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อีกครั้ง นอกจากนี้ แต่ละประเทศในภูมิภาคยังต้องพยายามสร้างความยึดเหนี่ยวทางการเมืองและสังคมท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วในโลกที่มีช่องว่างระหว่างรายได้สูง</div>
<div>
	&nbsp;</div>

ผู้นำสิงคโปร์ชี้ ประชาธิปไตยแก้ปัญหาของประเทศในเอเชียไม่ได้

<div>
	All the world&#39;s a stage,</div>
<div>
	And all the men and women merely players.<span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span></div>
<div>
	They have their exits and their entrances,<span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span></div>
<div>
	And one man in his time plays many parts&hellip;<br />
	<br />
	<div>
		<em>โลกนี้ คือละครโรงใหญ่</em></div>
	<div>
		<em>ชายหญิงไซร้ เปรียบตัวละครนั่น</em></div>
	<div>
		<em>ต่างมียามเข้าออกอยู่เหมือนกัน</em></div>
	<div>
		<em>คนหนึ่งนั้น ย่อมเล่นตัวนานา...</em></div>
</div>
<div>
	<br />
	&nbsp;</div>
<div>
	สวัสดีครับท่านผู้อ่าน ผมทักทายท่านด้วยบทพูดท่อนหนึ่งจากบทละครเรื่อง <em>As You Like It </em>ของ <strong>William Shakespeare </strong>และคำแปลเป็นไทยในบทพระราชนิพนธ์ เรื่อง ตามใจท่าน ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เพื่อให้เหมาะกับเรื่องเด่นประจำฉบับนี้ นั่นคือ ธุรกิจโรงภาพยนตร์ และภาพยนตร์</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	อุตสาหกรรมนี้ก่อให้เกิดการจ้างงานกว่า 3 หมื่นคน และสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจกว่า 4.2 หมื่นล้านบาท เมื่อปี 2543 (อ้างอิงจากรายงานของ กลต. มี.ค. 2557) ทว่ามีผู้เล่นอยู่น้อยรายทั้งในธุรกิจโรงภาพยนตร์ และสร้างภาพยนตร์</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	หนึ่งในผู้เล่นหลักที่มีบทบาทในธุรกิจโรงภาพยนตร์มากว่า 5 ทศวรรษ คือ ตระกูล <strong>&ldquo;พูลวรลักษณ์&rdquo; </strong>นับตั้งแต่ที่เปิดโรงภาพยนตร์แรกของครอบครัวเมื่อปี 2504 สมาชิกในครอบครัวจากรุ่นพ่อสู่รุ่นลูก ต่างผลัดเปลี่ยนกันเข้ามาเกี่ยวข้องในธุรกิจตลอดระยะเวลากว่า 50 ปีที่ผ่านมา</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	เราหยิบเรื่องราวของ 3 ตัวละครเด่นของตระกูลมานำเสนอ ได้แก่ <strong>วิสูตร วิชัย</strong> และ<strong>วิชา</strong> สองคนแรกไปจับมือกับต่างชาติทำโรงหนังสมัยใหม่จนเป็นผู้นำตลาด แล้วคนที่สามมาทำแข่ง แล้วเข้าซื้อกิจการและขยายต่อเนื่องจนกลายเป็นเจ้าตลาดโรงหนัง ส่วนคนที่หนึ่งหันไปสร้างหนังจนสร้างสถิติทำรายได้สูงสุดหลายเรื่อง ด้านคนที่สองก็หันไปทุบโรงหนังเก่าของครอบครัว มาสร้างโรงแรม และคอนโดมิเนียมแทน สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	นอกจากนี้ เรายังนำเรื่องราวของมวยรองในตลาดโรงภาพยนตร์ คือ ครอบครัว <strong>&ldquo;ทองร่มโพธิ์&rdquo;</strong> เจ้าของเครือโรงภาพยนต์ เอสเอฟ มาเสนอเรื่องราวการต่อสู้นับแต่วัยหนุ่มของสองพ่อลูก และชีวิตที่ล้มลุกคลุกคลานของหญิงสาว ผู้หันกลับมาพัฒนาต่อยอดธุรกิจงานวัดของครอบครัวที่เธอคลุกคลีมาแต่เด็ก ผสมความทันสมัยและกลิ่นอายของอดีตให้เป็นอีเวนต์แห่งศตวรรษที่ 21</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	ขอให้เรื่องราวการต่อสู้และความสำเร็จของคนในธุรกิจบันเทิง เป็นแรงบันดาลใจสร้างความสำเร็จแก่ท่านผู้อ่านในทุกธุรกิจครับ</div>
<div>
	<br />
	&nbsp;</div>
<div>
	<strong>นพพร วงศ์อนันต์</strong></div>
<div>
	Editor-in-Chief</div>
<div>
	FORBES THAILAND<br />
	OCTOBER 2014<br />
	<br />
	<br />
	<img class="img-responsive" alt="" src="/uploads/userfiles/images/Covers/FB_017%201-page-001.jpg"  /></div>

EDITOR'S NOTE: โลกคือละคร

<div>
	สวัสดีครับท่านผู้อ่าน <em>Forbes Thailand </em>ฉบับเดือนกันยายน ขอนำเสนออาหารคาว-หวานสำรับใหญ่แด่ทุกท่าน เราหยิบธุรกิจอาหารมาเป็นเรื่องเด่นประจำฉบับอีกครั้ง หลังจากที่เราเพิ่งนำเสนอธีมนี้ไปเมื่อฉบับครบรอบ 1 ปีเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เหตุผลก็คือ เรื่องกินเป็นเรื่องใหญ่ครับ ธุรกิจอาหารเกี่ยวข้องกับผู้คนหลายสิบล้านคนในประเทศนี้ ตั้งแต่เกษตรกรผู้ผลิต ไปจนถึงแม่ค้าในตลาด พนักงานในโรงงานแปรรูป พนักงานเสิร์ฟ แม่ครัวในร้าน และเราก็มีผู้ประกอบการด้านอาหารที่ประสบความสำเร็จในระดับประเทศและระดับโลกมากมาย</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	ฉบับนี้ เราเชิญเจ้าของธุรกิจที่ &ldquo;ทำมาหากิน&rdquo; กับการกิน อย่าง <strong>ฤทธิ์ ธีระโกเมน</strong> วิศวกรไฟฟ้า ผู้หันมาเอาดีทางธุรกิจร้านอาหารกับครอบครัวของภรรยา บุกเบิกร้านสุกี้ในศูนย์การค้าเป็นเจ้าแรก จากร้านแรกเมื่อปี 2529 จนเป็น 400 สาขาในปีนี้ ด้วยรายได้เกือบ 1.4 หมื่นล้านบาทเมื่อปีที่แล้ว เขาติดอันดับ 13 ในทำเนียบ 50 มหาเศรษฐีไทยของ Forbes ในปีนี้ ด้วยทรัพย์สิน 4.73 หมื่นล้านบาท แนวคิดในการสร้างธุรกิจ บริหารคน และตอบแทนสังคมน่าสนใจ และน่าศึกษาไม่น้อย</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	ด้วยระยะเวลาใกล้เคียงกัน ร้านขายอาหารและของฝากจากขอนแก่นแก่คนกรุง ติดตรา <strong>ส.ขอนแก่น </strong>หรือ คำย่อของ สินค้าขอนแก่น ได้พัฒนาตัวเองจากร้านเล็กๆ มาเป็น เจ้าแห่งอาหารแปรรูปจากหมู เช่น หมูหยอง หมูยอ หมูแผ่นกรอบ และไส้กรอกอีสาน ที่จำหน่ายไปทั่วไทย และต่างประเทศ โดยมียอดจำหน่ายปีที่แล้วอยู่ที่ 2 พันล้านบาท มาติดตามกันครับว่า ส.ขอนแก่น ภายใต้การบริหารของทายาทรุ่นที่ 2 จะเจาะตลาดในประเทศมุสลิมได้อย่างไร</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	มาขอนแก่น ก็ต้องเลยไปอุดรธานี มารู้จักกับลูกชายของผู้อพยพที่หนีภัยสงครามเวียดนาม ผู้พัฒนาตัวเองมาสร้าง <strong>VT แหนมเนือง</strong> ของฝากชื่อดังจากอีสานที่ทำรายได้มากกว่าวันละ 1 ล้านบาท และกำลังพัฒนาโครงการศูนย์ของฝากแห่งใหม่ในจังหวัดอุดรธานี มูลค่า 650 ล้านบาท</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	นอกจากนี้ เรายังมีเรื่องราวน่าสนใจของ &ldquo;เจ้าชาย&rdquo; วัย 32 ทายาทรุ่นที่ 3 แห่งอาณาจักรถั่วและขนมขบเคี้ยว <strong>Heritage </strong>ผู้มุ่งพัฒนาธุรกิจของครอบครัวจากยี่ปั๊วขายส่งของแห้งในเยาวราชในรุ่นที่ 1 ให้เป็นส่งออกผลิตภัณฑ์ถั่ว &ldquo;ราชา&rdquo; สู่ 60 ประเทศทั่วโลก และสารพัดผลไม้อบแห้ง ด้วยเป้าหมายรายได้รวม 5 หมื่นล้านบาทภายใน 1 ปี และชีวิตที่สนุกสนานของพี่น้องสองสาว ผู้ผนึกกำลังสร้าง <strong>Gourmet One </strong>ให้เป็นบริษัทผู้จัดหาส่วนประกอบและเครื่องปรุงอาหารชั้นเลิศจากทั่วโลกให้แก่โรงแรมสุดหรูทั่วไทย แล้วปิดท้ายกันด้วยเรื่องราวดีๆ จาก <strong>กรณ์ จาติกวณิช</strong> และ <strong>นลิน วนาสิน</strong> ถึงวิธีช่วยชาวนาของชาวกรุง</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	ขอให้ความสำเร็จของผู้ประกอบการด้านอาหาร เป็นสารอาหารชั้นดี สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้อ่านทุกท่านครับ</div>
<div>
	<br />
	&nbsp;</div>
<div>
	<strong>นพพร วงศ์อนันต์</strong></div>
<div>
	Editor-in-Chief</div>
<div>
	FORBES THAILAND</div>
<div>
	&nbsp;</div>

EDITOR'S NOTE: ทำ มา หา กิน

<div>
	<strong>ปตท.จับมือ <a href="http://www.daddydough.com/portal/home">Daddy Dough</a> โดนัทสัญชาติไทย รุกเปิดสาขาในปั๊มทั่วไทย ตั้งเป้า 11 สาขาถึงสิ้นปี และเปิดอีก 25 สาขาในปีหน้า&nbsp;</strong><br />
	&nbsp;</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	ท่ามกลางกระแสกดดันให้ บมจ. ปตท. บริษัทด้านพลังงานอันดับ 1 ของประเทศ และบริษัทมหาชนใหญ่ที่สุดของไทย ลดราคาน้ำมันให้แก่ผู้บริโภค และ &ldquo;คืน&rdquo; ท่อก๊าซให้แก่ชาติ มาร์จินกำไรของราคาขายปลีกน้ำมันก็ไม่สูงตามที่ ปตท.ต้องการ จำต้องหาธุรกิจอื่นๆมาเสริมรายได้และกำไร ไม่ว่าจะเป็น ร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven หรือร้านกาแฟอเมซอน ล่าสุด ปตท.จับมือกับ Daddy Dough แฟรนไชส์โดนัทสัญชาติไทย เพื่อร่วมกันขยายสาขาในประเทศ</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	นายปีเตอร์ ทวีผลเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัทแด๊ดดี้ โด (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผย Forbes Thailand ว่า บริษัทได้ลงนามข้อตกลงกับ บมจ. ปตท. เพื่อร่วมกันพัฒนาธุรกิจ และการตลาดของผลิตภัณฑ์โดนัท Daddy Dough ในประเทศไทย โดยในขณะนี้ Daddy Dough ได้เปิดให้บริการในสถานีบริการของ ปตท.แล้ว 6 สาขา มีแผนที่จะเปิดเพิ่มอีก 5 สาขาในปีนี้ และ 25 สาขาในปีหน้า และยังได้เตรียมแผนขยายสาขาในประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	&ldquo;เราเป็นโดนัทแบรนด์พรีเมี่ยมเจ้าเดียวที่เป็นของไทย ร่วมขายในปั๊มน้ำมันของคนไทย ขายในประเทศไทย&rdquo; ปีเตอร์ให้เหตุผลถึงการที่ ปตท.เลือก Daddy Dough เป็นคู่ค้าในการขยายสาขาในสถานีบริการ&nbsp;</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	ปัจจุบัน Daddy Dough มี 30 สาขา เป็น แฟรนส์ไชสซี 6 และสาขาของบริษัท 24 แห่ง คิดค้นสูตรโดย สมชาย ทวีผลเจริญ บิดาของปีเตอร์ และประธานกรรมการของบริษัท ขณะเปิดร้านเบเกอรี่เล็กๆ ในสหรัฐอเมริกา ในปี 1985 แล้วตั้ง Daddy Dough สาขาแรก ในปี 2549 ที่ร้านอาหาร Maria Pizzeria ย่านสีลมของครอบครัว</div>
<div>
	<br />
	<img class="img-responsive" class="img-responsive" alt="" class="img-responsive" src="/uploads/userfiles/images/%E0%B9%8CNEWS/service_delivery_content.png" /></div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	<span style="color:#a9a9a9;"><span style="font-size:10px;">ภาพจากเว็บไซต์&nbsp;daddydough.com</span></span><br />
	<br />
	ไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ ปตท. ให้สัมภาษณ์กับ Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤษภาคม ว่า ปตท.จะรุกในตลาดค้าปลีก และพัฒนาธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน หรือ &ldquo;น็อนออยล์&rdquo; เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในยุคนี้ แม้ว่าปัจจุบันสัดส่วนของธุรกิจดังกล่าวจะยังเล็กมากเมื่อเทียบกับสัดส่วนของธุรกิจน้ำมัน แต่อัตรากำไรกลับมีการเติบโตขึ้นทุกปี&nbsp;</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	&ldquo;สถานีบริการของ ปตท. เราเรียกว่า สถานีเติมความสุข เราไม่ได้เติมน้ำมัน เราต้องการให้คนที่เข้ามามีความสุข... ท่านสามารถซื้อของ นัดเจอกับลูก เอาเสื้อผ้าไปซัก ซื้อหนังสือ กินข้าวเย็น...&rdquo;</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	ปัจจุบันโครงสร้างของรายได้กลุ่มน็อนออยล์มาจาก 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ คอนวีเนี่ยนสโตร์ แบ่งเป็นเซเว่นอีเลฟเว่น, จิฟฟี่, ร้านกาแฟอเมซอน ณ สินปี 2556 ในปตท มี ปั๊มน้ำมัน 1382 &nbsp;แห่ง มีร้านกาแฟอเมซอนอยู่ 995 แห่ง&nbsp;<br />
	<div>
		&nbsp;</div>
	<div>
		ล่าสุดแหล่งข่าวจาก บมจ. ปตท. กล่าวกับ Forbes Thailand ว่า ขณะนี้ ปตท.ได้กลายเป็นผู้ให้สิทธิ Daddy Dough franchise แก่ปั๊ม ปตท.ทั่วประเทศ ที่สนใจทำธุรกิจโดนัท และในปีหน้าจะสามารถให้สิทธิแก่ผู้สนใจเปิดร้านนอกปั๊มด้วย ถือเป็นสินค้าแรกที่ ปตท.ทำตัวเป็นผู้ให้สัมปทานแฟรนไชส์เอง โดยมีแผนที่จะเปิด 100 สาขาภายใน 10 ปี &nbsp;นอกจากนี้ ปตท.ยังยินดีที่จะร่วมพัฒนาธุรกิจกับสินค้าใหม่ที่ต้องการจำหน่ายในปั๊ม ปตท.ด้วย เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยหน้าใหม่ และเพื่อเพิ่มยอดขายสินค้าที่ไม่ใช่น้ำมันในปั๊ม ปตท.ทั่วประเทศด้วย</div>
	<div>
		&nbsp;</div>
	<div>
		ยอดขายของ ปตท.เมื่อปีที่แล้วอยู่ที่ 2.84 ล้านล้านบาท โดย 20% มาจากธุรกิจน้ำมัน ท่ามกลางสภาวะค่าน้ำมันแพงในปัจจุบัน ยอดขายในปั๊ม ปตท.ขนาดใหญ่ตามต่างจังหวัด ประกอบด้วยยอดขายน้ำมัน 45% และจากสินค้าอื่นๆ ที่ไม่ใช่น้ำมันถึง 55%</div>
	<br />
	&nbsp;</div>
<br />

เมื่อ ปตท.มาขายโดนัท

<div>
	ปั้นน้ำเป็นตัว เป็นสำนวนไทยโบราณ หมายถึง การพูดที่ไม่จริง ปั้นสิ่งที่ไม่มีมูลให้เป็นเรื่องขึ้น แต่ ปั้นน้ำเป็นเงิน คือ ธุรกิจเครื่องดื่มในประเทศไทย ที่พัฒนาสินค้าให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค ใช้หลักการตลาดที่ชาญฉลาด กระตุ้นยอดขาย จนกลายเป็นบริษัทมูลค่าหลายพันล้านบาทในตลาดหุ้น เฉพาะตลาดชาเขียวพร้อมดื่มอย่างเดียวในประเทศไทยในปีนี้ น่าจะมีมูลค่าสูงถึง 2 หมื่นล้านบาท</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	Forbes Thailand ฉบับเดือนสิงหาคม เลือก ตัน ภาสกรนที มาขึ้นปก และเรียกเขาว่า &ldquo;ผู้ชายหลายน้ำ&rdquo; ด้วยเหตุผลที่พ่อมดการตลาดผู้นี้ล้มลุกคลุกคลานกับธุรกิจมาหลายครั้งในวัยหนุ่ม จนประสบความสำเร็จกับธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นและชาเขียวบรรจุขวดถึง 2 แบรนด์ เปรียบได้กับปลาที่ว่ายผ่านลำน้ำแห่งความล้มเหลวและความสำเร็จ ระหว่างทางเขาทดลองวางตลาดเครื่องดื่มอีกหลายชนิด ทั้งน้ำสมุนไพร และน้ำผลไม้ แต่ไม่โด่งดังเท่าชาเขียว ล่าสุด เขาทุ่มเงินเกือบ 1.8 พันล้านบาท สำหรับสิทธิการผลิตและจำหน่าย Bireley&rsquo;s น้ำส้มอายุเกือบศตวรรษ ในไทยและอีก 15 ประเทศ รวมทั้งในสหรัฐอเมริกาแหล่งกำเนิดด้วย เป็นเดิมพันครั้งล่าสุดของชายชื่อ &ldquo;ตัน&rdquo; เรื่องราวของเขาสนุกสนานไม่แพ้ละครหลังข่าวทีเดียว</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	อีกรายคือเรื่องราวของครอบครัวโรงงานทำขนมส่งหน้าร้าน ที่มุ่งพัฒนาธุรกิจและผลิตภัณฑ์ หาช่องว่างในตลาด จนพัฒนาขึ้นเป็นเครื่องดื่มขบเคี้ยว และเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพและความงามส่งออกไปขายทั่วโลก โดยใช้เวลารวม 40 ปี จากรุ่นพ่อสู่รุ่นลูก ในวันนี้ Sappe กลายเป็นบริษัทมหาชนมูลค่า 7 พันล้านบาทในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ภายใต้การนำของ CEO หนุ่มวัย 37 ปี อดิศักดิ์ รักอริยะพงศ์ โดยมีบิดา อนันท์ รักอริยะพงศ์ นั่งเป็นประธานกรรมการ</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	นอกจากเรื่องในประเทศอื่นๆ แล้ว เรายังมีเรื่องราวต่างประเทศที่น่าสนใจ ตั้งแต่ 50 มหาเศรษฐีสิงคโปร์ ไปจนถึงเส้นทางรายได้ของราชาเพลงป๊อปผู้วายชนม์ Michael Jackson มาดูว่า คนตายเลี้ยงคนเป็น ได้อย่างไร</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	อ่านเรื่องสร้างแรงบันดาลจากเราแล้ว อย่าลืมไปท่องเที่ยวในประเทศในช่วงหยุดยาว 9-12 สิงหาคม พาทั้ง &ldquo;คุณแม่&rdquo; และ &ldquo;แม่คุณ&rdquo; ไปจับจ่าย กระตุ้นการบริโภคในภาคโรงแรมและการท่องเที่ยวนะครับ<br />
	<br />
	<br />
	<strong>นพพร วงศ์อนันต์</strong><br />
	Editor-in-Chief<br />
	FORBES THAILAND<br />
	AUGUST 2014</div>
<div>
	&nbsp;</div>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events