Messe Berlin บริษัทผู้จัดมหกรรมการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยว่า ปัจจุบัน 1 ใน 3 ของมนุษย์โลกได้เข้าสู่กิจกรรมการเดินทางแล้ว ไม่ว่าจะเดินทางในหรือระหว่างประเทศ นี่หมายถึง เดินทางอย่างถูกต้องตามกฎหมายนะครับ ไม่นับประเภทลักลอบหรืออพยพลี้ภัย ธุรกิจกี่ยวกับการเดินทางจึงได้เข้าสู่ทำเนียบผู้สร้างเศรษฐกิจของชาติต่าง ๆ อย่างผ่าเผยยิ่ง
ชนชั้นกลางรุ่นใหม่เติบโตขึ้นมากในชาติกำลังพัฒนา และได้กลายเป็นผู้เดินทางของโลกเชิงปริมาณภายในเวลาอันรวดเร็ว ตัวเลขนักท่องเที่ยวในปี 2013 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนอย่างมีนัยสำคัญ จีน (+26%) รัสเซีย (+12%) บราซิล (+6%) เป็นต้น ปริมาณผู้เดินทางคับคั่ง ขึ้นอย่างคึกคัก จนบางครั้ง น่าอึดอัด
ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวในโลกตะวันตก ที่ค่อย ๆ คืนชีพกลับขึ้นมา (ยกเว้นกรีซ) ได้ทำให้ “บิ๊กทรี” ในการส่งออกนักเดินทาง คือ เยอรมนี สหรัฐอเมริกา และสหราชอาณาจักร ยังคงยืนหยัดอยู่ใน “ท๊อปไฟว์” ต่อไปได้
ที่หลุดจากลำดับห้า ไปเป็นลำดับที่ 6, 7 บ้างแล้วคือ ฝรั่งเศส และแคนาดา แต่ก็ยังเดินทางกันชุกชุมอยู่ดี และเพิ่มขึ้นด้วย พูดง่าย ๆ นักเดินทางผมดำพุ่งทะยานไม่หยุด ส่วนนักเดินทางผมทองก็ไม่อ่อนกำลังแล้วในการออกเที่ยว สำรวจ หรือพักผ่อน
IPK International บริษัทวิจัยทางการตลาดด้านการท่องเที่ยวระดับนานาชาติ ซึ่งติดตามทำข้อมูล World Travel Monitor พบว่า ปัจจุบันพื้นที่ปลายทางของการเดินทางท่องเที่ยวของโลกเปลี่ยนไป ที่หมายอันดับหนึ่ง คือ ไปเยือนเมืองหรือมหานครเพิ่มมากขึ้นถึง 47% ส่วนที่วางเป้าหมายไปหาดทราย ชายทะเลโตเพียง 12% แต่ที่น่าคิดเลยได้แก่ การหดตัวของการไปเที่ยวย่านชนบทนอกเมืองซึ่งหดลดลงไป 10%
นี่เป็นภาพรวมระดับโลกของการเดินทางท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไป คนชั้นกลางเพิ่งรวย ถนัดที่จะไปแหล่งความเจริญทางวัตถุมากกว่า
มาดูข้อมูลและแนวโน้มด้านที่พักแรมกันบ้าง ใน 3-4 ปีมานี้ แม้โรงแรมยังครองสัดส่วนที่พักเดินทางราว 60% อยู่ แต่นักเดินทาง 40% ที่เหลือ แยกไปเช็คอินบ้านพักสุดสัปดาห์ 20% กับไปหาที่พักประเภทอื่น ๆ อีก 20% เช่น อพาร์ทเมต์ หรือที่พัก ที่เจ้าของห้องปล่อยเช่ารายวันทางอินเตอร์เน็ท ซึ่งกลุ่มหลังนี้เองที่กำลังโตอย่างรวดเร็วถึง 31% แย่งแขกจากโรงแรมไปมากขึ้น
โรงแรมจึงขยับตัวหนีจากความจำเจเดิม ๆ ไปสู่ที่พักชนิดหรูหรา ซึ่งโตขึ้นถึง 19% อีกเซ็กเม้นท์ของโรงแรมโลกที่โตขึ้น คือ กลุ่มโรงแรมโลวคอสต์ ซึ่งโตอีก 15% ทิ้งประเภท 2 ดาว 3 ดาว ทั่ว ๆ ไป ให้เหลือการเติบโตเพียง 8%
แต่ 8% ก็โตเยอะกว่าเศรษฐกิจเฉลี่ยของโลกตั้งหลายเท่าล่ะ นี่จึงทำให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยว ผงาดยืนบนแท่นดาวรุ่งเศรษฐกิจ
World Travel & Tourism Council (WTTC) อธิบายว่า ในปี 2013 อุตสาหกรรมท่องเที่ยว เป็นสัดส่วนราว 2.9% ของ GDP โลก และว่าการลงทุนภาคโรงแรมชะลอตัวจากเศรษฐกิจโลก แปลว่า ถ้าเศรษฐกิจโลกไม่ตกสะเก็ด ป่านนี้โลกจะได้เห็นภาคโรงแรมขยายตัวมากกว่านี้ด้วยซ้ำ
WTTC ยกย่องอุตสาหกรรมท่องเที่ยวว่า เป็นภาคที่ก่อให้เกิดตำแหน่งงานสำคัญๆ ทางเศรษฐกิจ แก่สตรีและวัยรุ่นหนุ่มสาวมากมาย ห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวก็ยาวมากพอที่จะช่วยพยุงคนเล็กคนน้อยอีกนับไม่ถ้วนทั่วโลก
เรายังจะได้เห็นรัฐ และเอกชนในประเทศต่าง ๆ จับมือทำงานเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิต ผ่านนโยบายการท่องเที่ยวอีกเยอะ เมืองต่าง ๆ ทั่วโลกเร่งพัฒนาแบรนด์กันมากมายโดยเฉพาะในเอเชีย ซึ่งนอกจากจะแข่งกันเองแล้ว ชาวตะวันตกก็ห่วงว่าวัฒนธรรมเอเชียยังมีบุคลิกเด่นด้านความอ่อนน้อมในการดูแล “แขก” ผู้มาเยือนมากกว่าวัฒนธรรมตะวันตกมาก
และมีแนวโน้มจะยังขยายการลงทุนด้านท่องเที่ยวของทุนเอเชียสู่แดนต่าง ๆ ทั่วโลกเต็มไปหมด
วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ เลขาธิการสมาคมสมาพันธ์ภาพยนตร์แห่งชาติ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และอดีตผู้อำนวยการสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (องค์การมหาชน)