“ตัน ไบเล่” เดิมพันครั้งใหม่กับน้ำส้มในตำนาน - Forbes Thailand

“ตัน ไบเล่” เดิมพันครั้งใหม่กับน้ำส้มในตำนาน

FORBES THAILAND / ADMIN
27 Apr 2015 | 05:16 PM
READ 21034
Bireley’s คือ แบรนด์น้ำส้มเก่าแก่อายุเกือบ 100 ปี ก่อกำเนิดขึ้นโดย Frank W. Bireley จนปี 1939 เขาส่งออกน้ำส้ม Bireley’s ไปทั่วโลก แล้วต่อมาขายกิจการให้ General Foods บริษัทซึ่งขายสิทธิผลิต Bireley’s ให้แก่ Asahi ผู้ผลิตเบียร์และน้ำหวานรายใหญ่ของญี่ปุ่นในปี 1951

แม้ไม่เป็นที่แน่ชัดว่า Bireley’s เข้ามาในประเทศไทยเมื่อไร แต่คนไทยอายุ 30 ปีขึ้นไป ย่อมรู้จักน้ำหวานบรรจุขวดไม่อัดแก๊สยี่ห้อนี้กันทุกคน แต่ความนิยมเริ่มเสื่อมลงในทศวรรษที่ 1980 จนในที่สุด บมจ. อิชิตัน แจ้งตลาดหลักทรัพย์เมื่อกลางเดือนพฤษภาคม ว่าใช้เงินเกือบ 1.8 พันล้านบาท เข้าซื้อ Bireley’s จาก บริษัท Sunny Herb International Beverage จำกัด และกิจการที่เกี่ยวข้อง

ท่ามกลางเสียงวิจารณ์บนการรายงานข่าวว่าเป็นการลงทุนที่มีราคาแพงมากกับแบรนด์น้ำส้มที่เสื่อมความนิยม ตัน ภาสกรนที ชี้แจงกับ Forbes Thailand ว่า “ซื้อไบเล่ถูกมากเลย” ถูกกว่าค่าใช้จ่ายที่เขาหมดไปกับการสร้างแบรนด์น้ำส้ม “เซกิ” สมัยยังอยู่ โออิชิ ที่ใช้ไปราว 300 ล้านบาท เพราะเงิน 240 ล้านบาท คือสิทธิในสูตรน้ำส้ม น้ำองุ่น น้ำมะนาว สิทธิในเครื่องหมายการค้าใน 16 ประเทศตลอดชีพ เฉพาะสิทธิในไทยมีมูลค่า 80 ล้านบาท

“ผมยังจำชื่อน้ำส้มผมไม่ได้เลย” เขากล่าวติดตลก และเสริมว่า เหตุแห่งความล้มเหลวมาจากวัตถุดิบที่สั่งซื้อจากประเทศจีนซึ่งเมื่อมาถึงโรงงานผลิตกลับต่างไปอย่างสิ้นเชิง นำไปสู่จุดจบของธุรกิจน้ำส้มครั้งนั้นตั้งแต่วางขายผลิตภัณฑ์ครั้งแรก เป็นบทเรียนที่ฝังลึกในการทำธุรกิจเครื่องดื่มว่าผลิตภัณฑ์และแบรนด์เป็นปัจจัยที่ทรงคุณค่า “จีนมีทุกอย่างยกเว้นความซื่อสัตย์”  

เมื่อตัดสินใจวางเดิมพันครั้งใหม่กับน้ำส้มที่มีตำนานเกือบ 100 ปี ให้จับจองพื้นที่ในตลาดน้ำผลไม้ของไทย ตันจึงปรับภาพลักษณ์ Bireley’s ให้ร่วมสมัยขึ้น และยังมีแนวทางนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ฉีกจากกรอบเดิมของร่มเงาอิชิตัน โดยไม่มีตัวเขาเป็นพรีเซ็นเตอร์ดังเช่นสินค้าอื่นในเครือ

“คุณตันไม่เท่ากับน้ำผลไม้ แต่ไบเล่เท่ากับน้ำส้มบวกน้ำผลไม้...ผมไม่เป็นพรีเซ็นเตอร์ของไบเล่แน่นอน เพราะสิ่งที่ไบเล่ต้องการคือความทันสมัยขึ้น”

ตันเสริมว่ากว่า 50% ของตลาดน้ำผลไม้คือน้ำส้ม อีกทั้งแบรนด์ Bireley’s ยังเป็นที่รู้จักของคนกลุ่มใหญ่ในตลาดไทย “ป้ายโฆษณาเก่าของไบเล่ที่วางขายให้นักสะสมซื้อเก็บเยอะกว่าอิชิตันอีก ประวัติศาสตร์ใช้เงินซื้อไม่ได้นะครับ ต้องอาศัยเวลา” เสียงสะท้อนถึงความมั่นใจใน Bireley’s

“คนไทยเกิดอาการอยากกินไบเล่เมื่อมาอยู่กับผม” ตันถ่ายทอดถึงโอกาสเติบโตของ Bireley’s พร้อมกับย้ำว่าแต่จะไปได้ไกลเพียงใดก็ต้องมีกลยุทธ์การตลาดมาสนับสนุน
 
ตันมั่นใจว่า Bireley’s มีโอกาสถึงจุดคุ้มทุนได้ภายในไม่เกิน 2 ปีแรกสำหรับตลาดในเมืองไทย ส่วนที่เหลืออีก 15 ประเทศ ถ้าตลาดใดทำเองแล้วไม่รุ่งก็อาจเลือกขายแบรนด์เพื่อทำกำไร หรืออาจขายสิทธิในการทำแบรนด์ Bireley’s ซึ่งใช้เวลาไม่นานก็คืนทุนได้เช่นกัน
 
จากแผนการตลาดในปี 2557 ตันวางแผนทำตลาดน้ำผลไม้ให้ครบทุกเซ็กเมนต์ ทั้งน้ำผลไม้แท้ 100% น้ำผลไม้ระดับกลาง 40% ซูเปอร์อีโคโนมีและอีโคโนมี 10% ภายใน 3 ปี โดยตันประเดิมตลาด “ซูเปอร์อีโคโนมี” และ “อีโคโน” ด้วยการดัน Bireley’s เข้าชิงส่วนแบ่งตลาด 2 ตลาดนี้ พร้อมทั้งปรับโฉมภาพลักษณ์ใหม่ให้ไบเล่เป็นน้ำผลไม้ไม่อัดลม เปลี่ยนจากขวดแก้วเป็นขวดเพ็ตเพื่อให้มีความทันสมัย โดยเริ่มต้นจำหน่ายการจำหน่ายในประเทศไทย และจะส่งออกและวางจำหน่ายใน 3 ประเทศเพื่อนบ้าน ลาว พม่า กัมพูชา  

“การเปิดตัวไบเล่ในครั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้สิ้นปีราว 600 ล้านบาท หรือมีส่วนแบ่ง 10-15% และเมื่อสู่ปีที่ 2 หวังมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท หลังจากก่อนหน้านี้ไบเล่มีรายได้ไม่ถึง 100 ล้านบาท ส่วนเป้าหมาย 3 ปีขึ้นเป็นท็อปไฟว์ในตลาดน้ำผลไม้” ตัน ภาสกรนที กล่าว

เรียบเรียงใหม่จาก "“ตัน ไบเล่” เดิมพันครั้งใหม่กับน้ำส้มในตำนาน" เรื่อง: ชญานิจญ์ ดาศรี และ นพพร วงศ์อนันต์

LEADERBOARD: ราคาค่า "Bireley's"



อ่านฉบับเต็ม “ตัน ไบเล่” เดิมพันครั้งใหม่กับน้ำส้มในตำนาน" จาก Forbes Thailand ฉบับ Augest 2014