ในสหรัฐอเมริกาพบแนวโน้มผู้เสียชีวิตจากการใช้จักรยานเพิ่มสูงขึ้น ปี 2010 มียอดผู้เสียชีวิตทั่วทั้งประเทศ 621 ราย เพิ่มเป็น 722 รายในปี 2012 ตัวเลขทางสถิตินั้นสัมพันธ์กับการเดินทางไปกลับที่ทำงานด้วยการใช้จักรยานที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แต่จากรายงานของ OECD (Organisation for Economic Co-operation and Development) ได้แสดงให้เห็นว่า หากในประเทศมีจำนวนผู้ใช้จักรยานเพิ่มมากขึ้น จะทำให้แนวโน้มการสูญเสียชีวิตน้อยลง
ปรากฏการณ์ "ความปลอดภัยเชิงปริมาณ" (safety in numbers) มิใช่เรื่องยากเกินความเข้าใจ ยิ่งนักปั่นจักรยานเพิ่มจำนวนขึ้น ก็ยิ่งเพิ่มการรับรู้ให้มากขึ้นตาม ผู้ใช้จักรยานเพียงลำพังในเขตตัวเมืองที่จราจรคับคั่ง ย่อมมีโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุและได้รับบาดเจ็บ ในประเทศอย่างเช่นเนเธอร์แลนด์หรือเดนมาร์กนั้น พบว่ามีคนใช้จักรยานเป็นพาหนะเฉลี่ยแต่ละปี 864 กิโลเมตร และ 513 กิโลเมตร ตามลำดับ กลับเกิดอุบัติเหตุกับนักปั่นจนถึงแก่ความตายในทุกๆ การเดินทางพันล้านกิโลเมตรเพียง 10.7 และ 14.6 ตามลำดับ
หากเปรียบเทียบกับที่เกิดในสหรัฐฯ ที่มีค่าเฉลี่ยของการเดินทางด้วยจักรยานเพียงปีละ 47 กิโลเมตร แต่กลับมีผู้เสียชีวิตในทุกๆ พันล้านกิโลเมตรถึง 44 ราย ชี้ให้เห็นชัดเจนว่า ยิ่งมีผู้ใช้จักรยานเพื่อสัญจรน้อยเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุจนถึงแก่ความตายมากขึ้นเท่านั้น ข้อเท็จจริงนี้สำคัญตรงที่ว่าจักรยานเป็นยานพาหนะประจำในชีวิตของคนในเดนมาร์กและเนเธอร์แลนด์มานานหลายทศวรรษ ช่วยพัฒนาให้เกิดโครงสร้างพื้นฐานที่สมบูรณ์แบบในสองประเทศ เอื้ออำนวยให้เกิดความปลอดภัยแก่นักปั่นจักรยาน
สำหรับสหรัฐฯ แล้ว ความสงสัยย่อมเกิดขึ้นว่าทำไมยอดผู้เสียชีวิตจากการใช้จักรยาน ยังคงเพิ่มมากขึ้นตามการใช้งาน รายงาน OECD ระบุว่า ประเด็นนั้นอยู่ที่ไอเดียเรื่อง "ความปลอดภัยเชิงปริมาณ" ต้องอาศัยเวลา ทั้งคนขับจักรยานและรถยนต์ต้องอาศัยเวลาปรับรับซึ่งกันและกัน จำนวนจักรยานที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วบนท้องถนนอาจนำไปสู่อุบัติเหตุที่เพิ่มขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ รอจนกระทั่ง "ความปลอดภัยเชิงปริมาณ" แสดงผลปรากฎขึ้นในระยะยาว
อ่านประกอบ: ลงทุนเพื่อสุขภาพกับจักรยาน ใช่เพียงกระแสนิยม
เรียบเรียงจาก The More Cyclists In A Country, The Fewer Fatal Crashes