ประเทศไทยเปลี่ยน ลุ้นก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาล - Forbes Thailand

ประเทศไทยเปลี่ยน ลุ้นก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาล

ผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นที่แน่นอนแล้วว่าพรรคก้าวไกล ของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดทนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของไทย จะได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ตลาดทุนขานรับขั้วการเมืองเปลี่ยน


ผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) (ณ เวลา 05.00 น.) พรรคก้าวไกล ได้คะแนนรวมสูงสุด 151 คะแนน ตามด้วยพรรคเพื่อไทย 141 คะแนน พรรคภูมิใจไทย 70 คะแนน พรรคพลังประชารัฐ 40 คะแนน และพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ 36 คะแนน ทำให้ประเทศไทยเปลี่ยนขั้วการเมืองจากขั้วอำนาจเดิมไปสู่กลุ่มอำนาจใหม่ ที่เรียกตัวเองว่า “เสรีประชาธิปไตย”
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แคนดิเดทนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ของประเทศ ประกาศความพร้อมจัดตั้งรัฐบาล โดยสูตรแรกคือการรวมพรรคฝ่ายค้านเดิม ประกอบด้วยเพื่อไทย ประชาชาติ ไทยสร้างไทยและเสรีรวมไทย ซึ่งจะได้คะแนนรวม 308 คะแนน ขณะที่ พิธา หัวหน้าพรรคก้าวไกล ต้องรอผลการตัดสินของกกต. กรณีที่ เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ยื่นตรวจสอบการถือหุ้นไอทีวี


ฝ่ายเสรีนิยมจัดตั้งรัฐบาลส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ


EIC ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ประเมินฉากทัศน์การเลือกตั้งไว้หากฝ่ายเสรีนิยมได้จัดตั้งรัฐบาล จะทำให้การผลักดันงบประมาณปี 2567 ได้เร็วขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวม โดยหลังการเลือกตั้งรัฐบาลรักษาการจะทำหน้าที่ถึงเดือนสิงหาคม 2566 การทำหน้าที่ของรัฐบาลชุดใหม่จะเริ่มขึ้นในไตรมาส 4 ของปีนี้เป็นต้นไป

    เอเอฟพี รายงานว่า ตัวเลขผู้มาใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าที่สูงถึง 90% ชี้ให้เห็นว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้งต้องการการเปลี่ยนแปลง แต่ฝ่ายค้านก็ยังต้องเผชิญกับการต่อสู้ที่ยากลำบากจากการที่รัฐธรรมนูญปี 2560 กำหนดให้สมาชิกวุฒิสภา 250 คน มีสิทธิเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ร่วมกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 500 คน

    สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รายงานข่าวการเลือกตั้งไทยในครั้งนี้ ว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 52 ล้านคนจะลงคะแนนเลือก ส.ส.500 คน โดยจะได้รับบัตรลงคะแนน 2 ใบ ประกอบด้วยบัตรเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขต และบัตรเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อหรือที่เรียกว่า ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ หัวหน้าพรรคการเมืองที่ได้คะแนนเสียงมากที่สุดไม่จำเป็นต้องได้เป็นนายกรัฐมนตรีหรือแม้แต่เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล เพราะพรรคที่ได้ ส.ส.25 คนขึ้นไปจะสามารถเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เพื่อให้รัฐสภาที่ประกอบด้วย ส.ส. 500 คน และ ส.ว. 250 คนเป็นผู้ลงคะแนนเลือก และผู้ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีจะต้องได้เสียงข้างมากทั้ง 2 สภา หรือไม่ต่ำกว่า 375 เสียง

    พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า ส.ว.ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากกองทัพอาจจะลงคะแนนเลือกแคนดิเดตของพรรคที่สนับสนุนกองทัพ ทำให้พรรคฝ่ายค้านหรือพันธมิตรฝ่ายค้านต้องได้ ส.ส.มากกว่าพรรคสนับสนุนกองทัพประมาณ 3 เท่าจึงจะสามารถเลือกแคนดิเดตที่ต้องการ นั่นอาจทำให้สูตรในการจัดตั้งรัฐบาลยังคงไม่นิ่ง


ผลเลือกตั้งหนุนเศรษฐกิจในประเทศ


ประกิต สิริวัฒนเกตุ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จำกัด กล่าวว่า ผลคะแนนที่ออกมาถือว่าไม่พลิกโผมากนัก หากพรรคเพื่อไทยรวมกับพรรคก้าวไกล จะเป็นกรณีที่ดีที่สุดในตลาดทุน ขณะเดียวกันเชื่อว่าจะเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนต่างชาติได้

    ขณะที่บลูมเบิร์ก รายงานว่าผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ โดยพรรคก้าวไกลได้คะแนนเสียงข้างมากและเป็นแกนนำในการจัดตั้งตั้งรัฐบาลจะช่วยฟื้นความเชื่อมั่นและเศรษฐกิจในประเทศ โดยเฉพาะใน 3 อุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ ท่องเที่ยว โดยพรรคเพื่อไทยประกาศเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวเป็น 3 ล้านล้านบาทในปี 2570 พร้อมยกระดับสนามบินเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวจำนวน 120 ล้านคนใน 4 ปีข้างหน้า ส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว สายการบิน เช่น AOT การบินไทย MINOR DUSIT เป็นต้น รวมทั้งอุตสาหกรรมค้าปลีก อาหารและการบริโภคในประเทศ

    บลูมเบิร์ก ระบุด้วยว่า ธุรกิจที่จะเผชิญกับความไม่แน่นอน คือ กัญชา อุตสาหกรรมไฟฟ้า ที่พรรคฝ่ายเสรีนิยมมีนโยบายที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลง

    ขณะที่สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) สรุปมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-12 พฤษภาคม 2566 แยกเป็นสถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 22,355.45 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์)ขายสุทธิ 4,923.80 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 69,843.61 ล้านบาทนักลงทุนในประเทศ (รายย่อย) ซื้อสุทธิ 52,411.96 ล้านบาท

    ศูนย์วิจัยกสิกรไทยรายงานภาพรวมตลาดหุ้นไทยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาแม้หุ้นไทยขยับขึ้นจากสัปดาห์ก่อนแต่ลดช่วงบวกลงบางส่วนในช่วงปลายสัปดาห์ ทั้งนี้หุ้นไทยดีดตัวขึ้นในช่วงต้นสัปดาห์ หลังตลาดกลับมาเปิดทำการหลังช่วงวันหยุด โดยมีแรงหนุนจากแรงซื้อของต่างชาติและนักลงทุนสถาบัน

    ท่ามกลางการคาดการณ์ว่า ทิศทางเงินเฟ้อของสหรัฐฯ น่าจะชะลอตัวลง ซึ่งทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)มีแนวโน้มคงดอกเบี้ยในการประชุมรอบถัดไป ขณะที่หุ้นกลุ่มไฟแนนซ์ปรับขึ้นมากสุด เนื่องจากมีแรงหนุนเพิ่มเติมจากประเด็นการซื้อหุ้นคืนของบริษัทไฟแนนซ์แห่งหนึ่ง
อย่างไรก็ดี หุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบแคบก่อนจะเผชิญแรงเทขายช่วงปลายสัปดาห์ระหว่างรอติดตามการเลือกตั้งของไทยซึ่งมีขึ้นในวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 รวมถึงประเด็นเพดานหนี้ของสหรัฐฯ ที่ยังไม่มีข้อสรุป


อ่านเพิ่มเติม: "การบินไทย" รายได้พุ่งไตรมาส 1 ปี 66 ทำกำไรสุทธิ 1.2 หมื่นล้านบาท


ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine