แอสตร้าเซนเนก้า เผย การผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในประเทศไทยมีความคืบหน้าเป็นอย่างมาก ยืนยันพร้อมทยอยส่งมอบวัคซีนล็อตแรกที่ผลิตโดยสยามไบโอไซเอนซ์ให้แก่รัฐบาลไทยตามกำหนดภายในเดือนมิถุนายนนี้
-โรงงานสยามไบโอไซเอนซ์ได้รับการอนุมัติ อย. ให้เป็นสถานที่ผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของ แอสตร้าเซนเนก้า -เตรียมส่งมอบให้กับประชาชนชาวไทย และประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภายในเดือนมิถุนายน -สยามไบโอไซเอนซ์เป็นผู้ผลิตเพียงรายเดียวให้ผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้าอาเซียน สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ประกาศรับรองสยามไบโอไซเอนซ์เป็นโรงงานผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้าแล้ว ซึ่งจากการสนับสนุนของอย.และรัฐบาลไทย ส่งผลให้การผลิตวัคซีนคืบหน้าไปอย่างรวดเร็วและเป็นไปตามแผน ขณะนี้ ทั้งสองบริษัทกำลังเร่งผลิตวัคซีนและจะทยอยส่งมอบให้กับรัฐบาลไทยเพื่อนำไปดำเนินการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนต่อไป โรงงานสยามไบโอไซเอนซ์แห่งนี้ได้รับการรับรองมาตรฐานคุณภาพและการผลิตในระดับสากลมากมาย อาทิ GMP, ISO9001, ISO17025 และ ISO13485 จึงได้รับคัดเลือกจากแอสตร้าเซนเนก้าให้เป็นฐานการผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของประเทศไทย และอีก 8 ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐานแล้ว แอสตร้าเซนเนก้ายังให้ความสำคัญกับคุณภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ ดังนั้น วัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้าในแต่ละรุ่นการผลิตจึงต้องผ่านการตรวจสอบมาตรฐานคุณภาพต่างๆ รวมกันมากกว่า 60 ครั้ง นับตั้งแต่เริ่มกระบวนการผลิตไปจนถึงการฉีดวัคซีน ซึ่งการตรวจสอบคุณภาพแต่ละครั้งนั้นใช้เวลาและถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้เข้ารับการฉีดวัคซีนมั่นใจได้ว่าจะได้รับผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงตามมาตรฐานสากล James Teague ประธาน บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “แอสตร้าเซนเนก้าและสยามไบโอไซเอนซ์ตระหนักถึงหน้าที่สำคัญในการผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้ได้มาตรฐานคุณภาพและความปลอดภัยสูงสุด เราตรวจสอบและควบคุมคุณภาพของวัคซีนอย่างเคร่งครัดในทุกขั้นตอน เพื่อส่งมอบวัคซีนที่มีคุณภาพให้กับรัฐบาลไทยใช้ยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ให้ได้โดยเร็วที่สุด” ประเทศไทย กับบทบาทศูนย์กลางการผลิตวัคซีนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ James Teague กล่าวต่อไปว่า “แอสตร้าเซนเนก้าเชื่อมั่นว่าสยามไบโอไซเอนซ์มีมาตรฐานการผลิตสูงและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล บริษัทฯ จึงได้เลือกสยามไบโอไซเอนซ์ให้เป็นผู้ผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้กับประเทศไทยและอีก 8 ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่งผลให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตและกระจายวัคซีนให้กับประชาชนในประเทศต่างๆ ได้เข้าถึงวัคซีนอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม” วัคซีนที่มีความปลอดภัย “แอสตร้าเซนเนก้าให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของผู้ป่วยเป็นอันดับแรก วัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้าจึงมีประสิทธิผลและความปลอดภัยสูง โดยสามารถช่วยเหลือผู้คนมากมายที่มีอาการเจ็บป่วยจากโรคโควิด-19 อีกทั้งยังขนส่งและจัดเก็บได้ง่าย วัคซีนของเราได้ผ่านการตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานด้านความปลอดภัยและประสิทธิผลอย่างละเอียดและเคร่งครัดโดยหน่วยงานกำกับดูแลในประเทศต่างๆ” James Teague กล่าว James Teague กล่าวทิ้งท้ายว่า “ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดที่ยังดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่องและหลายประเทศทั่วโลกกำลังเร่งฉีดวัคซีนให้กับประชาชน แอสตร้าเซนเนก้ายังคงมีภารกิจสำคัญในการผลิตและกระจายวัคซีนเพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียมในช่วงเวลาที่กำลังเผชิญวิกฤตโรคระบาดนี้ โดยไม่หวังผลกำไร ” ทั้งนี้ วัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้าได้รับอนุมัติให้ใช้ในกรณีฉุกเฉินในกว่า 70 ประเทศทั่วโลก ซึ่งรวมถึงองค์การอนามัยโลก และการได้รับอนุมัติทะเบียนโดยองค์การอนามัยโลกนี้จะช่วยเร่งการเข้าถึงวัคซีนโดยผ่านกลไกการจัดซื้อและจัดสรรวัคซีนของโครงการโคแวกซ์สำหรับ 142 ประเทศทั่วโลก ผลการทดลองทางคลินิก ยืนยันว่า ผู้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้าสามารถทนต่อผลข้างเคียงของวัคซีนได้ดีและวัคซีนยังช่วยป้องกันอาการเจ็บป่วยจากโรคโควิด-19 ในทุกระดับความรุนแรง นอกจากนี้ จากข้อมูลการใช้วัคซีนในประชากรหลายสิบล้านคนทั่วโลกยังแสดงให้เห็นว่า วัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้ามีประสิทธิผลลดความรุนแรงของโรคโควิด-19 ในระดับที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ได้มากถึงร้อยละ 80 หลังจากการฉีดเข็มแรก หน่วยงานกำกับดูแลด้านยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพในสหราชอาณาจักร สหภาพยุโรป รวมไปถึงองค์การอนามัยโลกให้ข้อสรุปว่าประโยชน์ที่ได้รับจากวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 นั้นมีมากกว่าความเสี่ยงที่อาจเกิดอาการไม่พึงประสงค์ อ่านเพิ่มเติม: ‘บมจ.เซนต์เมด’ เปิดกลยุทธ์เครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine