มหาเศรษฐีไทย ไม่หวั่นกระแสเศรษฐกิจ เล็งซื้อ ‘เรือยอชต์’ เป็นของเล่นชิ้นใหม่ - Forbes Thailand

มหาเศรษฐีไทย ไม่หวั่นกระแสเศรษฐกิจ เล็งซื้อ ‘เรือยอชต์’ เป็นของเล่นชิ้นใหม่

มหาเศรษฐีไทย ไม่หวั่นกระแสเศรษฐกิจ เล็งซื้อเรือยอชต์เป็นของเล่นชิ้นใหม่ หลังมีพร้อมทั้งเพนต์เฮ้าส์หรูใจกลางเมือง คอนโดฯ ริมแม่น้ำ, เสื้อผ้าแบรนด์เนม, ไพรเวทเจ็ต จนถึงรถซูเปอร์คาร์ เรือยอชต์แบรนด์ใหม่-แบรนด์เก่าจ่อเปิดรุ่นใหม่อีกเพียบปีนี้


    ข้อมูลการสำรวจประเทศที่มีจำนวน “มหาเศรษฐีพันล้านเหรียญ” ซึ่งมีทรัพย์สินในครอบครองมากกว่าพันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 36,500 ล้านบาทของ Hurun Report ประจำปีนี้ เมืองไทยติดอันดับ 12 ของโลก ด้วยจำนวนมหาเศรษฐีพันล้านถึง 49 คน สูงสุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ น่าจะสร้างแรงกระเพื่อมในวงการเรือยอชต์ในบ้านเรามากขึ้น

    ความนิยมเรือยอชต์ในเมืองไทยมีมานานกว่า 30 ปี และค่อยๆ เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละปี วัดจากความหนาแน่นของการจอดเรือที่มารีน่าต่างๆ นอกจากภูเก็ตและพัทยาแล้ว มีการเปิดมารีน่าเพิ่มขึ้นในจังหวัดติดทะเลหลายจังหวัด

    และที่สำคัญ ผู้นำเข้าได้ขยายพอร์ตนำเข้าเรือขนาดที่หลากหลายเข้ามาทำตลาดมากขึ้น พร้อมกับแบรนด์ใหม่ๆ ที่ทยอยพาเหรดเข้ามาสู่ตลาดเมืองไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มหาเศรษฐีไทยหน้าใหม่ หรือกลุ่ม New Rich ได้มีของเล่นชิ้นใหม่มาเติมเต็ม Luxury Lifestyle และสะท้อนตัวตนของตนเอง

    และการที่เมืองไทยมีทรัพยากรทางทะเลที่สวยงาม ทำให้จังหวัดทางฝั่งอันดามันติด Top 10 Destination ท่องเที่ยวของโลก ล้วนเป็นปัจจัยหนุนให้ตลาดเรือยอชต์เพื่อการท่องเที่ยวในเมืองไทยเติบโตต่อเนื่อง

    โดยใน 4-5 ปีให้หลังมานี้ เศรษฐีไทยมีรสนิยมและไลฟ์สไตล์ทางด้านท่องเที่ยวเพื่อสันทนาการ และการเล่นกีฬาทางแม่น้ำมากขึ้น นอกจากนี้ การเปิดใหม่ของท่าเทียบเรือในแม่น้ำเจ้าพระยา ก็ยังเป็นตัวช่วยเร่งการเติบโตของเรือยอชต์และ Recreation Boat หรือกลุ่มเรือสันทนาการด้วยเช่นกัน

    สิ่งที่สะท้อนให้เห็นว่าธุรกิจเรือยอชต์ในไทยยังคงความสดใสในอนาคตอีกอย่างหนึ่งคือ การลงทุนขยายที่จอดเรือของมารีน่ารายเดิมอย่าง ริเวอร์เดล มารีน่า และแผนขยายเข้าสู่ธุรกิจมารีน่าของ บริษัท เอ็มจีซี มารีน แอนด์ ชาร์เตอร์ (เอเชีย) จำกัด ภายใต้ บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็มจีซี-เอเชีย

    ปัจจุบันมหาเศรษฐีทั้งที่รวยเงียบและรวยแบบเปิดเผยทั้งประเทศไทยและจากต่างประเทศ อาทิ จีน รัสเซีย ในวงการต่างๆ ตั้งแต่อสังหาริมทรัพย์ ธนาคาร รถยนต์ เครื่องประดับเพชร ธุรกิจค้าปลีก จนถึงการเมือง น่าจะครอบครองเรือยอชต์เพื่อท่องเที่ยวส่วนตัวทางทะเลกับครอบครัว เพื่อนฝูง และเพื่อสันทนาการทางแม่น้ำในไทยมากกว่า 2,000 ลำ รวมทั้งเรือยอชต์ต่างประเทศที่เข้ามาท่องเที่ยวในอันดามันและอ่าวไทยด้วย

    ผู้ประกอบการรายใหญ่ในวงการเรือยอชต์ในไทยประมาณการว่า มูลค่าตลาดเรือยอชต์และเรือสำราญในแม่น้ำเมืองไทยน่าจะเกือบ 1,000 ล้านบาทต่อปี แต่หากรวมมูลค่าตลาดเรือยอชต์และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ตลาดน่าจะสูงถึงหลายพันล้านบาทต่อปี

    “การมีเรือยอชต์ไว้ในครอบครองเป็นความฝันของมหาเศรษฐีเกือบจะทุกคน ไม่ต่างจากมหาเศรษฐีในยุโรป หรือในตะวันออกกลาง ลูกค้ากลุ่มนี้หลังจากที่มีคอนโดฯ บ้านหรูริมแม่น้ำหรือติดทะเลแล้ว ก็จะเริ่มมองหาอิสระในการเดินทาง หาความสำราญในแบบเฉพาะตัว และเรือยอชต์ เรือสันทนาการ ก็เป็นทรัพย์สินชิ้นใหม่ที่มาเติมเต็มไลฟ์สไตล์การพักผ่อนระดับลักชัวรี และความฝันของคนกลุ่มนี้” ฉัตรชัย แก้วผ่องศรี ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอ็มจีซี มารีน แอนด์ ชาร์เตอร์ (เอเชีย) จำกัด ภายใต้ บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็มจีซี-เอเชีย กล่าว

    การเติบโตของเรือยอชต์ หรือเรือสำราญเพื่อสันทนาการในเมืองไทย สังเกตได้จากการเติบโตของธุรกิจมารีน่า เมื่อหลายสิบปีก่อนเมืองไทยมีมารีน่าไม่กี่แห่ง อาทิ โอเชียน มารีน่า ยอชต์คลับ พัทยา และอีก 3-4 มารีน่าในภูเก็ต แต่ตอนนี้มีมารีน่าเกิดขึ้นในหลายจังหวัดภาคใต้ และเชื่อว่าจะมีมารีน่าใหม่ๆ เกิดขึ้นอีกในอนาคต


เอ็มจีซี มารีน เปิด 4 รุ่นใหม่ Azimut และ Chris Craft ปีนี้

    ดังนั้น บริษัท เอ็มจีซี มารีน แอนด์ ชาร์เตอร์ (เอเชีย) จำกัด จึงเตรียมเปิดตัวเรือ Azimut Yachts ทั้งหมด 4 รุ่นในปีนี้ รวมทั้ง Azimut Yachts The New S7 ขนาด 71 ฟุต ราคา 125 ล้านบาท ที่เพิ่งเปิดตัวที่โอเชี่ยนมารีน่า ยอชต์คลับ พัทยา ไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

    โดย Azimut Yachts The New S7 รุ่นล่าสุดนี้ เป็น Smart Sport Yacht ทรงสปอร์ตจากอิตาลี มีดีไซน์ทันสมัย ลดการสิ้นเปลืองพลังงาน ลดการปล่อยมลพิษ และมีความสะดวกสบายในการใช้งานได้มากขึ้น มีระเบียงขนาดใหญ่พร้อมพื้นที่อาบแดด

Azimut Yachts The New S7


    ขณะที่พื้นที่ภายในเรือประกอบด้วยห้องนอนขนาดมาตรฐาน 4 ห้อง พร้อมห้องน้ำ 3 ห้อง รองรับผู้โดยสารได้ถึง 8 คน กลุ่มเป้าหมายของ Azimut Yachts รุ่นนี้คือผู้ที่เคยใช้เรือยอชต์อยู่แล้ว และต้องการมาใช้เรือขนาดใหญ่ขึ้น สามารถขับขี่ได้อย่างสนุก ควบคุมได้อย่างมั่นใจ

ภายใน Azimut Yachts The New S7


    “เรือยอชต์ระดับราคามากกว่า 100 ล้านบาท ไม่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจ ในช่วงที่เศรษฐกิจโลกถดถอยช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา เชื่อหรือไม่ว่าความต้องการเรือยอชต์เติบโตขึ้นอย่างมาก ผู้คนยังซื้อเรือยอชต์เพราะเป็นประสบการณ์การท่องเที่ยว สามารถพักผ่อนและทำกิจกรรมต่างๆ ได้เป็นส่วนตัว และมีประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร” ฉัตรชัยระบุ

    นอกจาก Azimut Yachts แล้ว บริษัทยังได้เปิดตัว “Chris Craft” เรือสันทนาการทางแม่น้ำจากอเมริกาซึ่งมีอายุครบ 150 ปีในปีนี้ โดยมีเรือทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่ Catalina, Calypso, Launch ราคาเริ่มต้นที่ 8.29 ล้านบาท

Chris Craft


    กลุ่มลูกค้าที่มุ่งหวังคือคนที่มีแนวโน้มต้องการมีประสบการณ์ที่แตกต่างและสรรหาความสุขให้กับตนเองและครอบครัวในแบบฉบับที่ไม่เหมือนใครและเป็นส่วนตัว โดย Chris Craft มีโชว์รูมแห่งแรกและศูนย์บริการครบวงจร ณ ริเวอร์เดล มารีน่า ปทุมธานี

Chris Craft


    “การโปรโมตการท่องเที่ยวริมแม่น้ำเจ้าพระยาของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ทำให้กิจกรรมสันทนาการทางแม่น้ำเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เรือสันทนาการถูกซื้อเพื่อการลงทุนเยอะ และเรือมือสองทั้งแบรนด์ Azimut Yachts และ Chris Craft ก็ได้รับความนิยม เพราะมูลค่าเรือเพิ่มขึ้นอย่างน้อยปีละ 5-10%” ฉัตรชัยกล่าว และว่า บริษัทตั้งเป้าขายเรือ Chris Craft ในปีนี้เพิ่มขึ้น 100% จากในปีที่ผ่านมา

    “บริษัท เอ็มจีซี มารีน แอนด์ ชาร์เตอร์ (เอเชีย) จำกัด มีประสบการณ์ขายและบริการเรือยอชต์เข้าสู่ปีที่ 10 บริษัทมีความมั่นใจในการให้บริการและการดูแลลูกค้าเป็นอย่างดี โดยมีพันธมิตรในกลุ่มบริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) คอยให้การสนับสนุนและซัพพอร์ต ทั้งยังได้เรียนรู้ประสบการณ์จากลูกค้ากลุ่ม Ultra Luxury อย่าง Rolls-Royce, Aston Martin, Maserati และ BMW เป็นต้น และได้นำมาต่อยอดธุรกิจทางด้านมารีนในการดูแลและให้บริการ” ฉัตรชัยกล่าว และว่า ธุรกิจมารีน ยังมีโอกาสเติบโตอีกมากและจะยังคงเป็นตลาดที่เป็นที่ต้องการของลูกค้ากลุ่ม Ultra Luxury เสมอมาและตลอดไป


Princess และ Jeanneau เปิดอีก 3 รุ่นใหม่ปีนี้

    วริศ ยงสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โบ๊ต ลากูน ยอร์ตติ้ง จำกัดผู้นำเรือ Princess, Burgess, Sacs และ Jeanneau จากต่างประเทศ เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเปิดตัวเรือยอชต์ในเมืองไทยปีนี้ทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่ “Princess” รุ่น X 80 และรุ่น Y 95 พร้อมกับเปิดตัว “Jeanneau DB 37” จากฝรั่งเศสในกลางปีนี้ และจะเพิ่มการขาย Sacs Strider 15 ซึ่งเป็นเรือธงของ Sacs ในปีนี้ด้วย

Jeanneau DB 37


    “ตลาดเรือยอชต์ในไทยคึกคักมากในปีนี้ เพราะดีลเลอร์นำเรือใหม่ๆ มาเปิดตลาด และหลังจากลูกค้าคุ้นเคยกับเรือขนาด 30-40 ฟุตแล้ว ก็เริ่มอัปเกรดมาใช้เรือขนาดใหญ่ขึ้น เป็นสเปกของตนเองมากขึ้น เศรษฐกิจถดถอยในยุโรป อาจทำให้คนไทยได้ครอบครองเรือขนาด 75 ฟุต ซึ่งเป็นเรือยอดนิยมของไทยได้มากขึ้น” วริศกล่าว

    วริศ ระบุอีกว่า ด้วยการเข้าถึงทางการเงินที่ง่ายขึ้น และการมีทรัพยากรทางทะเลที่สวยงามของไทย ทำให้ที่จอดเรือขนาด 50-80 ฟุตจากมารีน่าที่มีอยู่ 3-4 แห่งในภูเก็ต โดยถูกใช้ไปแล้วถึง 85%

    นอกจากบริการเรือส่วนตัวแล้ว ความตั้งใจของรัฐบาลที่จะทำให้ภูเก็ตเป็น Marina Hub และพัฒนาไทยให้เป็นที่เที่ยวทางทะเล บริษัทได้เริ่มให้บริการเรือเช่าขนาดตั้งแต่ 30 ฟุต ถึง 80 ฟุต เพื่อทำกิจกรรรมต่างๆ ทั้งเช่าไปเกาะ เช่าเพื่อดำน้ำ ตกปลา หรือสำหรับองค์กร

    “ดังนั้นตลาดเรือยอชต์ยังโตได้อีกเรื่อยๆ ในทุกเซ็กเมนต์ โดยเฉพาะตลาดเรือขนาด 50-80 ฟุต มีการปล่อยเช่าเหมาลำมากขึ้น เป็นการลงทุนไลฟ์สไตล์ แต่มีรายได้ด้วย” วริศกล่าว และว่า ตามแผน 5 ปีของบริษัท เราจะเพิ่มบริการให้ครบวงจรมากขึ้น ทั้งเรื่องการขยายที่จอดเรือบนบก ขยายพื้นที่ซ่อมเรือ อุปกรณ์ยกเรือ รวมถึงการจัดสัดส่วนเรือที่จอดระยะยาวและระยะสั้น


โฟลว์ ยอชต์ คลับ เตรียมเปิด De Antonio ในไทย พ.ค.นี้

    นฤมล ยงสกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โฟลว์ ยอชต์ คลับ กล่าวว่า เนื่องจากมีการตื่นตัวเรื่องการท่องเที่ยวทางน้ำมากขึ้นในเมืองไทย บริษัทจึงเตรียมเปิดตัว De Antonio Yachts รุ่น D 50 Coupe ปลายเดือนพฤษภาคมนี้

De Antonio Yachts รุ่น D 50 Coupe


    D50 coupe เป็นเรือยอชต์เครื่อง Hidden Outboard ที่มีต้นกำเนิดจากประเทศสเปน มีความคล่องตัวและสามารถวิ่งได้ทั้งแม่น้ำและทะเล ตัวเรือมีขนาด 50 ฟุต ราคา 50 ล้านบาท

De Antonio Yachts รุ่น D 50 Coupe


    เพื่อตอกย้ำถึงความต้องการที่จะผลักดันวงการเรือยอชต์ของประเทศไทย บริษัทได้ทำการจัดตั้ง Yacht Experience Center by Flow Yacht Club ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ณ ศูนย์การค้าเทอร์มินอล21 เพื่อให้การรองรับกลุ่มผู้สนใจที่จะเล่นเรือทั้งซื้อหรือเช่าและต้องการข้อมูลเกี่ยวกับเรือในประเทศไทย

    นอกจาก De Antonio Yachts รุ่น D 50 Coupe แล้ว ในอนาคตบริษัทเตรียมนำเข้าเรือยอชต์ไฟฟ้าขนาด 23 ฟุตสำหรับสันทนาการในแม่น้ำ มาเปิดตัวในไตรมาส 3-4 ของปีนี้ด้วย

    ไม่เพียงเท่านั้น เนื่องจากเห็นข้อจำกัดของการซื้อเรือและการดูแลรักษาในช่วงที่ผ่านมา บริษัทได้เริ่มให้บริการลงทุนเรือในลักษณะ Co-Ownership สำหรับผู้ที่สนใจ และสามารถซื้อเรือร่วมกันกับคนอื่นได้ นอกจากจะใช้บริการจากเรือของตนเองแล้ว ลูกค้ายังสามารถนำจำนวนวันที่เหลือไปใช้บริการเรือในจังหวัดอื่นๆ ที่บริษัทมีเครือข่ายได้ด้วย ภายใต้สัญญา 3 ปี

    “ด้วยประสบการณ์กว่า 20 ปี เราพร้อมจะจัดการดูแลรักษาเรือ บริการเรื่องกัปตัน รวมถึงที่จอดเรือ หรือการปล่อยเช่าเพื่อหารายได้พิเศษ ด้วยเรือหลากหลายขนาดตั้งแต่ 20 ฟุตขึ้นไป หลังจาก 3 ปีแล้ว เจ้าของเรือจะต่อสัญญากับบริษัท หรือจะนำเรือไปขาย หรือดูแลรักษาเองก็ได้ ทั้งนี้อยู่ภายใต้ข้อตกลงที่ทำร่วมกันในสัญญา โดยบริการนี้จะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่สนใจมีไลฟ์สไตล์ทางนี้ แต่ไม่อยากเป็นเจ้าของเรือคนเดียว” นฤมลอธิบาย


V Yachts Asia เน้นคนไทยมากขึ้น เปิดตัว Riva 76’ Perseo Super ครั้งแรกในไทย

    V Yachts Asia ก่อตั้งขึ้นในปี 2021 ปัจจุบันเป็นตัวแทนจําหน่าย Ferretti Yachts, Riva Yacht และ Pershing Yachts เรือยอชต์สุดหรูของ Ferretti Group จากอิตาลีแต่เพียงผู้เดียวในเมืองไทย

    ภายหลังการปรับโครงสร้างการบริหารใหม่ V Yachts Asia จะมุ่งเน้นการทำตลาดเรือยอชต์ในกลุ่มเศรษฐีชาวไทย และต่างชาติที่ทำงานในไทยมากขึ้น

    คณิศร เปรมประเสริฐ หนึ่งในกรรมการบริษัท กล่าวว่า ลูกค้าที่สนใจเรือยอชต์ Riva 76 Perseo Super ขนาด 76 ฟุต ระดับราคา 200 ล้าน ซึ่งเป็นรุ่นที่มีชื่อเสียง และมีบุคคลที่มีชื่อเสียงระดับโลกใช้หลายท่าน สามารถติดต่อบริษัทเพื่อพาไปชมเรือได้ นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างการนำเข้าเรือยอชต์รุ่นใหม่ๆ เข้ามาจำหน่ายในอนาคตด้วย

Riva 76 Perseo Super


    “ความนิยมของเรือยอชต์ลักชัวรีเพิ่มขึ้นทั่วเอเชียแปซิฟิก จากสถิติของ SuperYacht Times พบว่ามีการซื้อขายลักชัวรียอชต์ในปริมาณเพิ่มขึ้นและขนาดใหญ่ขึ้นทุกปี สำหรับตลาดเมืองไทย ธุรกิจเรือยอชต์ค่อยๆ เติบโต และเริ่มมีความนิยมมากขึ้นในช่วงหลัง เจ้าของเรือเดิมก็มีการอัปเกรดเป็นเรือที่ใหญ่ขึ้น และคนที่ทำงานในอุตสาหกรรมเรือยอชต์ในไทย ก็มีความสามารถมากขึ้นทั้งในด้านบริการและการดูแลรักษา” คณิศร เปรมประเสริฐ กล่าว

Riva 76 Perseo Super


    นอกจากบริการขายเรือยอชต์และนำเข้าเรือยอชต์ V Yacht Asia ยังร่วมมือกับบริษัทในเครือธนาคารขนาดใหญ่ของไทย เพื่อให้บริการทางการเงินกับลูกค้าของบริษัทเอง และมีทีมดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิดหลังการขาย มีช่างเทคนิคที่เชี่ยวชาญการบํารุงรักษาเรือยอชต์กว่า 20 ปีให้ความช่วยเหลือ หรือแม้แต่การจัดกิจกรรมและประสบการณ์เพื่อเชื่อมโยงลูกค้ากับชุมชนการแล่นเรือยอชต์ที่มีชีวิตชีวาด้วย


คาดเรือต่ำกว่า 40 ฟุต โตทะลุ 200 ล้าน

    ชัญโญ มานะกุลสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มารีนเอ็กซ์พลอเรอร์ จำกัด กล่าวว่า จากประสบการณ์ในการทำตลาดเรือยอชต์มานาน พบว่าใน 2-3 ปีนี้มีจำนวนคนซื้อเรือยอชต์มากขึ้น แต่ส่วนใหญ่ต้องการวิ่งในทะเลและแม่น้ำด้วย ในปีนี้บริษัทจึงได้นำ 2 โมเดลใหม่ล่าสุดของ "ปาร์คเกอร์ (Parker)" มาให้ลูกค้าสัมผัสเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ได้แก่ ปาร์คเกอร์ รุ่น เก้า สอง ศูนย์ เอ็กซ์พลอเรอร์ แม็กซ์ ราคา 9.49 ล้าน และปาร์คเกอร์ รุ่นซอร์เรนโต้ ราคา 13.49 ล้านบาท ทั้งสองรุ่นเป็นสเปกเรือยอชต์วิ่งทะเลและเคลื่อนย้ายทางบกได้


ปาร์คเกอร์ รุ่นซอร์เรนโต้


    ปาร์คเกอร์ รุ่น เก้า สอง ศูนย์ เอ็กซ์พลอเรอร์ แม็กซ์ มีห้องนอนส่วนหน้าและไพลอต เฮาส์ ติดแอร์ สำหรับการพักค้างคืนในเรือ พร้อมมีหลังคาซันรูฟรับแสงท้องเรือสองสเต็ปใหม่ นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับ deep V-shaped ที่ลงตัวกับเครื่องยนต์ ช่วยเพิ่มความเร็วสูงสุด ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง มีสมรรถนะสูง รองรับผู้โดยสาร 10 คน

    ส่วนปาร์คเกอร์ รุ่น ซอร์เรนโต้ มีห้องนอนติดแอร์ 2 ห้อง ท้องเรือสองสเต็ป ทำความเร็วสูงถึง 50 น็อต รองรับผู้โดยสารได้ 10 คน

    “เรานำปาร์คเกอร์ เรือแม่น้ำสเปกเรือยอชต์หรู มาตรฐาน CE หมวดหมู่ B ที่ครองผู้นำอันดับหนึ่งของตลาดเรือขนาด 30-40 ฟุต มาทำตลาดครั้งแรกในไทย ตอบโจทย์กลุ่ม young lifestyle ผลตอบรับดีเกินคาด ตอนนี้มีจองแล้ว 4 ลำ คาดว่าจะขายได้ทั้งหมด 10 ลำปีนี้” ชัญโญกล่าว

    เขายังมั่นใจว่าแนวโน้มเรือหรูขนาดต่ำกว่า 40 ฟุต จะมีขนาดตลาดพุ่งสูงถึง 200 ล้านบาทต่อปี จากการมีมารีน่าระดับ A คลาสใกล้กรุงเทพฯ


ริเวอร์เดล มารีน่า ลงทุนขยายที่จอดเรือ

    อภิมงคล กิจวัตร์ กรรรมการผู้จัดการ บริษัท พี อาร์จี พร็อพเพอร์ตี้ส์ จำกัด ซึ่งบริหารโครงการริเวอร์เดล มารีน่า ปทุมธานี กล่าวว่า บริษัทเริ่มเปิดโครงการริเวอร์เดล มารีน่า ท่าเทียบเรือริมแม่น้ำเจ้าพระยาในพื้นที่ 100 ไร่ มาประมาณสองปี รองรับการจอดเรือได้ 63 ลำ

    ด้วยความนิยมการท่องเที่ยวในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีการเช่าที่จอดเรือเต็มภายในเพียงปีครึ่งจากเดิมที่ตั้งใจจะปิดการให้เช่าภายใน 3 ปี บริษัทจึงกำลังลงทุนอีก 100 ล้านบาท ขยายที่จอดเรือทั้งบนบกและในน้ำเพิ่มอีก 60 ลำ แบ่งเป็น ในน้ำ 12 ลำ และบนบก 48 ลำ ทำให้ริเวอร์เดล มารีน่าจะมีที่จอดเรือให้บริการได้ทั้งหมดราว 123 ลำในปีหน้า

    “อุตสาหกรรมเรือสันทนาการแม่น้ำเจ้าพระยาเติบโตมากขึ้น นอกจากท่าเทียบเรือของเราจะบริการที่จอดเรือระดับราคา 3-24 ล้านบาทแล้ว ในอนาคตเราจะมีโชว์รูมเรือแบรนด์ใหม่ๆ มาเปิดที่นี่มากขึ้น พร้อมจำหน่ายอุปกรณ์ และบริการเกี่ยวกับเรือที่ครบวงจรมากขึ้น” อภิมงคล กล่าว

    เขายังระบุอีกว่า เนื่องจากความสนใจซื้อเรือเพื่อสันทนาการทางน้ำขยายตัวไปทุกวงการ ในปี 2026 บริษัmจึงเตรียมลงทุนเพิ่มอีก 100 ล้านบาท เพื่อสร้างที่จอดเรือเพิ่มอีก 80 ลำ ทำให้ในอนาคต ริเวอร์เดล มารีน่า จะมีที่จอดเรือทั้งสิ้น 200 ลำ



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : AWC ผนึก Melia ร่วมพัฒนาสองโรงแรมใหม่ในพัทยา

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine