โควิดระบาดทำตลาดเครื่องบินส่วนตัวในเอเชียโตแรง MJets บริษัทธุรกิจเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวที่มีเจ้าของร่วมคือ วิลเลียม เอ็ลล์วู๊ด ไฮเน็ค แห่งกลุ่มไมเนอร์ ประกาศลงทุนกว่า 17 ล้านเหรียญสิงคโปร์ ใน ‘วิงส์โอเวอร์เอเชีย’ ตั้งเป้าขยายธุรกิจขึ้นแท่นผู้นำการให้บริการเครื่องบินส่วนตัวในเอเชีย
นับตั้งแต่โควิดระบาดซึ่งทำให้การเดินทางด้วยเครื่องบินพาณิชย์เป็นเรื่องยาก นักธุรกิจหลายรายหันมาใช้บริการ ‘เครื่องบินส่วนตัว’ หรือเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวในการเดินทางแทน และนั่นทำให้ตลาดนี้เติบโตมากขึ้น โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
อ้างอิงจากการคาดการณ์ขององค์กรวิจัยการตลาด Mordor Intelligence ที่วิเคราะห์อัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีแบบทบต้น (CAGR) ของอุตสาหกรรมดังกล่าวที่ 14.36% ซึ่งคาดว่ามูลค่าตลาดจะเพิ่มขึ้นจาก 463.39 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2567 สู่ 906.39 ล้านเหรียญในปี 2572 จากการเติบโตของภาคการท่องเที่ยว รวมถึงการเพิ่มของลูกค้ากลุ่มสินทรัพย์สูงและสูงพิเศษ (High & Ultra-High Net Worth Individuals) ที่แสวงหาประสบการณ์การเดินทางเหนือระดับ ตลอดจนการจัดกิจกรรมทางธุรกิจอย่างการประชุม มหกรรม หรือการพูดคุยระหว่างองค์กรในภูมิภาคดังกล่าวมากขึ้น
แนวโน้มการเติบโตดังกล่าวทำให้ MJets ผู้ดำเนินธุรกิจเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวและการบินส่วนบุคคลครบวงจรที่มีเจ้าของร่วมคือ ‘วิลเลียม เอ็ลล์วู๊ด ไฮเน็ค’ แห่งกลุ่มไมเนอร์ เดินหน้าขยายธุรกิจ ล่าสุดประกาศลงทุนใน ‘วิงส์โอเวอร์เอเชีย’ บริษัทจากสิงคโปร์ มูลค่าการลงทุนในครั้งนี้กว่า 17 ล้านเหรียญสิงคโปร์ เพื่อขยายเครือข่ายการให้บริการไปยังประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และประเทศในเอเชียได้ครอบคลุมยิ่งขึ้น
กิริต ชาห์ เจ้าของร่วมและกรรมการบริษัท เอ็มเจ็ท จำกัด กล่าวว่า “เอ็มเจ็ท เริ่มดำเนินธุรกิจในประเทศไทยในปี 2550 ต่อมาในปี 2553 บริษัทฯ เล็งเห็นศักยภาพและช่องว่างการเติบโตของธุรกิจการบินส่วนบุคคลในประเทศไทย จึงเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างเต็มรูปแบบ ด้วยการสร้างศูนย์บริการอากาศยานส่วนบุคคลครบวงจร (FBO) แห่งแรกในประเทศไทย ซึ่งได้รับการโหวตให้เป็น FBO ที่ดีที่สุดในเอเชียต่อเนื่องกันถึง 9 ปีโดย Aviation International News (AIN)
ปัจจุบันเอ็มเจ็ทให้บริการใน 7 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่
1.บริการเครื่องบินเช่าเหมาลำ ได้แก่เครื่องบินรุ่น Cessna Citation Bravo จำนวน 2 ลำ, Cessna Citation X 1 ลำ ซึ่งเป็นเครื่องบินเจ็ทที่บินได้เร็วที่สุดเป็นอันดับ 2 หรือ 3 ของโลก, Gulfstream GV 1 ลำ ซึ่งเป็นเครื่องบินขนาด 14 ที่นั่ง สามารถบินเส้นทางกรุงเทพฯ – ลอนดอน ได้โดยไม่ต้องจอดพัก และเครื่องบินลำล่าสุด Gulfstream G550 1 ลำ
2.บริการเครื่องบินพยาบาล 3.การบริหารเครื่องบิน 4.บริการอาคารผู้โดยสารส่วนบุคคลพร้อมห้องรับรองพิเศษ 5.บริการซ่อมบำรุงเครื่องบิน 6.บริหารธุรกิจการบินส่วนบุคคลและการบริการภาคพื้นแบบครบวงจร และ 7.บริการให้คำปรึกษาและดำเนินการซื้อขายเครื่องบิน
“ทำให้ MJets ถือเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการรายใหญ่และครบวงจรที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากนี้ยังได้ขยายกิจการธุรกิจการบินส่วนบุคคลไปยังประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชีย ทั้งประเทศอินเดีย เมียนมา และกัมพูชา”
วิลเลียม เอ็ลล์วู๊ด ไฮเน็ค เจ้าของร่วมและกรรมการบริษัท เอ็มเจ็ท จำกัด กล่าวเสริมว่า “ปัจจัยทั้งหมดที่กล่าวไป ถือเป็นโอกาสทางธุรกิจที่สำคัญ ทำให้ MJets ตั้งเป้าเพิ่มการลงทุนและขยายเครือข่ายการบินในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น ทั้งในปีนี้และในอนาคต เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำอุตสาหกรรมการบินส่วนบุคคล พร้อมผลักดันให้องค์กรบรรลุเป้าหมายการเป็นผู้ดำเนินธุรกิจด้านเครื่องบินส่วนตัวครบวงจรระดับเวิลด์คลาส อันดับ 1 ของเอเชียได้สำเร็จ”
ทั้งนี้ ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบข้อมูลผลการดำเนินงานของบริษัท เอ็มเจ็ท จำกัด ดังนี้
-ปี 2563 รายได้ 601.7 ล้านบาท ขาดทุน 26.5 ล้านบาท
-ปี 2564 รายได้ 659.4 ล้านบาท ขาดทุน 83.5 ล้านบาท
-ปี 2565 รายได้ 1,137.8 ล้านบาท กำไร 184.8 ล้านบาท
ณัฏฐภัทร สีบุญเรือง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็มเจ็ท จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมผลประกอบการที่ดีขึ้นจนพลิกกลับมามีกำไรได้นั้น เป็นผลมาจากช่วงโควิดบริษัทมีการปรับตัวให้เหมาะกับสถานการณ์ให้การดำเนินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไปข้างหน้าได้ทัน
“การระบาดของโควิดทำให้เครื่องบินเจ็ทส่วนตัวเริ่มถูกให้ความสำคัญจากผู้บริโภค และเมื่อเขาใช้แล้วพบว่า effective มากขึ้น ประหยัดเวลาไปได้มากกว่าเดิมเยอะ ทำให้แม้โควิดคลี่คลายแล้วหลายคนก็ยังเลือกใช้บริการนี้อยู่ โดยหลังโควิดเป็นต้นมา ลูกค้าให้เราจัดหาเครื่องบินส่วนตัวมากขึ้น ปัจจุบันเราดูแลเครื่องบินให้ลูกค้าในจำนวนระดับเลข 2 หลักแล้ว จากปีก่อนหน้าอยู่ที่หลักเดียว”
“ด้วยผลการดำเนินงานที่มั่นคง ประกอบกับเทรนด์การเติบโตของอุตสาหกรรมการบินส่วนตัวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอ็มเจ็ทจึงลงทุนในวิงส์โอเวอร์เอเชีย บริษัทผู้ให้บริการด้านการบินส่วนตัวชั้นนำ ที่มีเครือข่ายแข็งแกร่งในอาเซียน ตลอดจนอาคาร สิ่งอำนวยความสะดวก และบริการที่ครบครันในประเทศสิงคโปร์ เพื่อเป็นรากฐานให้บริษัทสามารถขยายธุรกิจทั่วภูมิภาคดังกล่าว
“โดยการลงทุนในครั้งนี้ถือเป็นแผนการลงทุนในระยะยาว เพื่อให้เอ็มเจ็ทสามารถพัฒนาธุรกิจสู่ตำแหน่งผู้นำในระดับโลก ซึ่งเรามีความเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า ความร่วมมือทางธุรกิจในครั้งนี้จะเป็นก้าวที่ทำให้เอ็มเจ็ทสามารถบรรลุเป้าหมายที่คาดหวังได้สำเร็จ พร้อมกันนี้ เอ็มเจ็ทได้ตั้งเป้าหมายขยายการดำเนินธุรกิจให้ครอบคลุมทุกประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายในปี 2569 และตั้งเป้าการเติบโตในระดับตัวเลข 2 หลักภายใน 2-3 ปีข้างหน้า”
ณัฏฐภัทร ระบุเพิ่มเติมอีกว่า เอ็มเจ็ทยังมีแผนลงทุนเพิ่มอีก 1 ดีลในปีนี้ในธุรกิจที่คล้ายๆ กับธุรกิจของเอ็มเจ็ท แต่จะเป็น Local Player ในประเทศนั้น
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : Singapore Airlines เตรียมแจกโบนัสพนักงานเกือบ 8 เดือน หลังทำกำไร 2.68 พันล้านเหรียญ ทุบสถิติปีก่อน
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine