‘ไมเนอร์ โฮเทลส์’ ปรับแผนขยายโรงแรมเพิ่มเท่าตัว แตะ 1,000 แห่งทั่วโลกใน 5 ปีข้างหน้า ด้านตลาดเอเชียตั้งเป้าเบื้องต้น 100 แห่ง เล็งทำเลอินเดีย 50 แห่ง พร้อมจ่อเปิดตลาดญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ครั้งแรก มั่นใจธุรกิจโรงแรมและท่องเที่ยวไทยคึกคักปีหน้า พร้อมเปิดโรงแรมเอ็นเอช กรุงเทพฯ สุขุมวิท บูเลอวาร์ด แห่งแรกในกรุงเทพฯ
ปูนีท ธวัน หัวหน้าฝ่ายบริหาร ไมเนอร์ โฮเทลส์ ประจำภูมิภาคเอเชีย บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจโรงแรมทั้งในรูปแบบลงทุนเอง รับบริหารจัดการ และร่วมลงทุน เปิดเผยว่า บริษัทได้ตั้งเป้าขยายโรงแรมเพิ่มขึ้นเท่าตัวในระหว่างปี 2568-2572 จากปัจจุบันที่มีโรงแรมและรีสอร์ตในเครือกว่า 550 แห่ง ใน 60 ประเทศทั่วโลก ตามแผนการขยายธุรกิจจะเน้นการเข้าไปรับบริหารเป็นหลัก และจะทำให้จำนวนโรงแรมเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 1,000 แห่งในปี 2572
สำหรับตลาดเอเชีย บริษัทวางแผนขยายโรงแรมอีกกว่า 100 แห่งใน 2 ปี จะเน้นตลาดอินเดียและจีนเป็นหลัก ตามแผนธุรกิจ 5 ปี บริษัทจะขยายโรงแรมในอินเดียอีก 50 แห่งภายในปี 2572 จากที่มีอยู่แล้ว 2 แห่งรวมทั้งโรงแรม อนันตรา จิลว์ บาฆ ในจัยปูร์ ที่เปิดมาก่อนหน้านี้ ส่วนจำนวนโรงแรมที่จะเปิดในจีนยังคาดการณ์ไม่ได้เนื่องจากเศรษฐกิจยังฟื้นตัวช้า
“อินเดียเป็นตลาดที่มีอนาคตมาก ไม่เพียงแต่ขนาดจำนวนประชากรสูงเท่านั้น อินเดียยังเป็นประเทศที่มีจำนวนประชากรที่เป็นชนชั้นกลางถึง 300 ล้านคน และมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก” ปูนีธกล่าว
สำหรับแผนปีหน้า บริษัทจะขยายโรงแรมในภูมิภาคเอเชียอีก 10 แห่ง ได้แก่ จีน 3 แห่งในเบื้องต้น จากที่มีอยู่แล้ว 8 แห่ง และอยู่ระหว่างเจรจาอีก 5-6 แห่ง ที่เหลือเป็นในประเทศไทย มัลดีฟส์ เป็นต้น “เรายังคงมุ่งมั่นที่จะขยายพอร์ตโฟลิโอแบรนด์โรงแรมในเครือไปสู่ประเทศใหม่ๆ ในภูมิภาคเอเชียอย่างต่อเนื่อง”
ขณะเดียวกันบริษัทยังมองหา properties ในญี่ปุ่นซึ่งจะไปเปิดตลาดเป็นครั้งแรก และสนใจขยายตลาดไปยังฟิลิปปินส์ซึ่งมีเกาะมากกว่า 7,000 แห่ง และมีเกาะสวยงามจำนวนมากรวมทั้งเกาะเซบู เป็นต้น ส่วนเวียดนาม อินโดนีเซีย ฮ่องกง ก็อยู่ในแผนขยายธุรกิจด้วยเช่นเดียวกัน
“สำหรับเมืองไทย เรามองเห็นภาพบวกของ tourism landscape ในปีหน้า จากการเพิ่มเที่ยวบินจากอิตาลีมาไทย การเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวอินเดีย และการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีนในปีหน้า ตลอดจนมาตรการการกระตุ้นการท่องเที่ยวของภาครัฐ อาทิ การยกเว้นวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยว และเมื่อซีรีส์ดัง The White Lotus ซีซั่น 3 ที่ถ่ายทำที่เกาะสมุย และภูเก็ต มีลิซ่า-ลลิษา มโนบาล สตาร์ระดับโลกสัญชาติไทย เป็นหนึ่งในทีมนักแสดง จะออกอากาศในปีหน้า จะช่วยดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยมากขึ้น เหมือนกับที่ซีรีส์ก่อนหน้านี้ของ The White Lotus ได้สร้างกระแสให้กับสถานที่ถ่ายทำอย่างฮาวาย สหรัฐฯ และอิตาลีมาแล้ว คาดการณ์ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังไทยจะมากกว่าที่รัฐบาลตั้งไว้ก่อนหน้านี้ 40 ล้านคนในปีหน้า” ปูนีทกล่าว
ปัจจุบันเครือไมเนอร์ โฮเทลส์ มีโรงแรมกว่า 60 แห่ง ใน 11 ประเทศในภูมิภาคเอเชีย ให้บริการห้องพักกว่า 8,800 ห้อง ซึ่งนอกจากโรงแรมเอ็นเอช และเอ็นเอช คอลเลคชั่น ในประเทศไทย ศรีลังกา และมัลดีฟส์แล้ว กลุ่มไมเนอร์ยังได้เปิดตัวโรงแรมภายใต้แบรนด์อื่นๆ อีกหลายแห่ง อาทิ อวานี รัชดา ในกรุงเทพฯ อนันตรา อูบุด ในบาหลี อินโดนีเซีย อนันตรา จิลว์ บาฆ ในจัยปูร์ อินเดีย ไปจนถึงบริการอื่นๆ เช่น บริการทางด้านเวลเนสเพื่อสุขภาพที่ภูเก็ต กรุงเทพฯ และหัวหิน เป็นต้น
ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวโรงแรม เอ็นเอช กรุงเทพฯ สุขุมวิท บูเลอวาร์ด เป็นแห่งแรกในกรุงเทพฯ ตั้งแต่กลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โรงแรมแห่งนี้เป็นโรงแรมภายใต้แบรนด์เอ็นเอชแห่งที่ 2 ในไทย และเป็นลำดับที่ 6 ในภูมิภาคเอเชีย
เนาวรัตน์ อรุณคง ผู้จัดการทั่วไป โรงแรม เอ็นเอช กรุงเทพฯ สุขุมวิท บูเลอวาร์ด เปิดเผยว่า โรงแรม เอ็นเอช สุขุมวิท บูเลอวาร์ด ประกอบด้วยห้องพักและห้องสวีท 9 ประเภท มีขนาดตั้งแต่ 28 ตารางเมตร ถึง 66 ตารางเมตร รวมทั้งหมด 309 ห้อง ราคาตั้งแต่ 3,500-7,500 บาท
ปัจจุบันมีอัตราเข้าพัก 80% ก่อนหน้านี้ลูกค้าหลักของโรงแรมเป็นสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ คูเวต และประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลางอื่นๆ ภายหลังการปรับโฉมไปเมื่อไม่นานมานี้ โรงแรมได้ฐานลูกค้าใหม่จากอเมริกา อังกฤษ สเปน อินเดีย และขณะนี้กำลังขยายตลาดไต้หวัน ฮ่องกง ญี่ปุ่น และเกาหลีเพิ่มขึ้น
สำหรับผลประกอบการของไมเนอร์ โฮเทลส์ใน 9 เดือนแรกของปีนี้ มีผลกำไรสุทธิอยู่ที่ 3,100 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่มีรายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ 1 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 11 จากปีที่ผ่านมา และสูงกว่าประมาณการที่ตั้งไว้
โดยได้แรงหนุนจากความต้องการเดินทางเพื่อธุรกิจและการพักผ่อนที่เพิ่มสูงขึ้นในยุโรป และการหลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่องของนักท่องเที่ยวต่างชาติและการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศที่คึกคัก ทำให้รายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืนในไทยเติบโตขึ้นร้อยละ 12 ในไตรมาส 3 แม้จะอยู่ในช่วงโลว์ซีซั่น โดยอัตราการเข้าพักเพิ่มขึ้นร้อยละ 2 อยู่ที่ร้อยละ 66 คาดการณ์ว่ารายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืนยังเติบโตสองหลักในปีหน้า
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : คนไทยชอบไป ‘ญี่ปุ่น’ มากสุด แต่ ‘จีน’ เริ่มมาแรง อานิสงส์ฟรีวีซ่า สรุปข้อมูลอินไซต์จาก Agoda
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine