หลังโควิด-19 คลี่คลาย ดูเหมือนว่าการท่องเที่ยวจะกลับมาคึกคักขึ้นมาบ้าง สะท้อนจากข้อมูลการค้นหาที่พักของ Agoda ในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค. - ต.ค. 2567) ที่พบว่านักท่องเที่ยวต่างชาติค้นหาที่พักในไทยเพิ่มขึ้น ขณะที่คนไทยนั้น แม้ยอดการค้นหาที่พักในต่างประเทศจะทรงตัวเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แต่ยังคงชื่นชอบการไป ‘ญี่ปุ่น’ และมีการค้นหาที่พักในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นเช่นกัน
ภาพรวมการท่องเที่ยวทั่วโลกดูเหมือนจะเริ่มมีสีสันขึ้นมา หลังการระบาดครั้งใหญ่คลี่คลาย นักเดินทางหลายชาติต่างออกเดินทางกันอีกครั้ง ซึ่งสำหรับประเทศไทย ททท. หรือการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ตั้งเป้าว่าปี 2567 นี้จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเยือนไทย 39 ล้านคน
ซึ่ง ‘ออมรี มอร์เกนสเติร์น’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Agoda ให้มุมมองว่า ถ้าไม่มีเหตุการณ์อะไร คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวน่าจะกลับไปเหมือนก่อนโควิดในปี 2562 ด้วยซ้ำ
สาเหตุที่เขามั่นใจมาจากข้อมูลการค้นหาที่พักของ Agoda ระหว่างเดือนมกราคม - ตุลาคม 2567 โดยเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่แล้ว ซึ่งพบว่าชาวต่างชาติค้นหาที่พักในไทยเพิ่มขึ้น 18% นอกจากนี้ การค้นหาที่พักในเดือนตุลาคมยังเพิ่มขึ้น 25% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลวันหยุด
โดยนักเดินทาง 3 ประเทศที่เดินทางมาไทยมากที่สุดได้แก่ มาเลเซีย เพิ่มขึ้น 21%, เกาหลีใต้ 22% และสิงคโปร์ 21% ตามลำดับ ที่น่าสนใจคือ นักท่องเที่ยวจากประเทศที่มีนโยบายยกเว้นการตรวจลงตราวีซ่าเข้าประเทศไทย มีการค้นหาที่พักในไทยเพิ่มขึ้น ดังนี้ อินเดีย 5%, จีนแผ่นดินใหญ่ 82%, ไต้หวัน 25% และซาอุดีอาระเบีย 30%
แม้สถานการณ์ต่างชาติเที่ยวไทยดูเหมือนจะฟื้นตัว แต่คนไทยเที่ยวนอกดูเหมือนจะยังไม่กลับมาขนาดนั้น โดยข้อมูลของ Agoda พบว่าการค้นหาที่พักเพื่อเดินทางไปต่างประเทศในช่วงมกราคม - ตุลาคม 2567 ยังคงทรงตัวเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ การค้นหาที่พักในต่างประเทศของคนไทยในเดือนตุลาคมเพิ่มขึ้นเพียง 2% เท่านั้น
ทั้งนี้ ญี่ปุ่นยังคงเป็นจุดหมายปลายทางต่างประเทศที่คนไทยชื่นชอบมากที่สุด โดยมีการค้นหาที่พักเพิ่มขึ้นถึง 26% โดยมี โตเกียว เป็นจุดหมายปลายทางเมืองที่คนไทยนิยมเป็นอันดับ 1 รองลงมาคือโอซาก้าและซัปโปโร
‘ออมรี’ เผยว่าสาเหตุที่คนไทยนิยมไปญี่ปุ่นเป็นเพราะหลายปัจจัยด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น ค่าเงินเยนที่อ่อนลงมาก อีกทั้งญี่ปุ่นยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายอย่างที่ประเทศไทยไม่ค่อยมี เช่น สวนสนุก ธีมปาร์ค รวมถึงมีแหล่งท่องเที่ยวอย่างลานสกี ซึ่งนับว่าเป็นลานสกีที่อยู่ใกล้ประเทศไทยมากกว่าเมื่อเทียบกับยุโรป
รองจากญี่ปุ่น ‘เวียดนาม’ ได้ขยับจากอันดับ 4 มาเป็นอันดับ 2 สำหรับจุดหมายปลายทางต่างประเทศที่นิยมของคนไทย โดยการค้นหาที่พักเพิ่มขึ้นถึง 5% ขณะที่เมืองดานังเป็นอันดับที่ 10 ของจุดหมายปลายทางเมืองที่คนไทยที่นิยม
ส่วนจุดหมายปลายทางยอดนิยมของคนไทยในอันดับ 3 คือ ฮ่องกง ตามมาด้วยอันดับ 4 คือ จีน ที่ขยับขึ้นมาจากอันดับ 10 โดยการค้นหาที่พักในจีนเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน มากถึง 206% ซึ่งอาจจะเกิดจากการยกเว้นการตรวจลงตราวีซ่าเข้าประเทศจีนและการฟื้นตัวจากโควิด
ส่วนจุดหมายปลายทางต่างประเทศที่คนไทยนิยมไปมากสุดเป็นอันดับ 5 คือ มาเลเซีย
ข้อมูลน่าสนใจจาก Agoda ยังพบอีกว่าการค้นหาที่พักในนอร์เวย์เพิ่มขึ้นถึง 49% ซึ่งอาจจะเกิดจากที่การบินไทยเปิดเส้นทางบินรายวันไปยังเมืองออสโลนั่นเอง
สำหรับการท่องเที่ยวในประเทศมีแนวโน้มดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว โดยมีการค้นหาที่พักเพิ่มขึ้น 8% จากนักท่องเที่ยวในประเทศ
ทั้งนี้ กรุงเทพมหานครยังคงเป็นจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง โดยมีการค้นหาที่พักเพิ่มขึ้นถึง 20% รองลงมาคือพัทยา และหัวหิน/ชะอำ ขณะที่ชลบุรียังคงเป็นอันดับที่ 5 โดยมีการเพิ่มขึ้นของการค้นหาที่พักถึง 11% และกำลังจะขยับตามเชียงใหม่ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 4
แม้สถานการณ์ท่องเที่ยวจะดูดีขึ้น แต่ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Agoda บอกว่า สิ่งที่น่ากังวลคือการที่ประเทศไทยกำลังจะทำ ETA หรือระบบการอนุมัติการเดินทางแบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งถ้าหากทำให้นักเดินทางลำบากมากขึ้น เช่น ต้องกรอกข้อมูลมากขึ้น ก็อาจจะมีผลต่อความรู้สึกของนักเดินทาง ไม่อยากกรอกข้อมูล จนถึงไม่อยากเดินทางได้ ดังนั้นจึงหวังว่า ETA ของรัฐบาลไทยจะเป็นระบบที่ไม่มีค่าใช้จ่าย และไม่ต้องกรอกข้อมูลที่มากเกินไป
ออมรี ยังกล่าวทิ้งท้ายอีกว่า สำหรับ Agoda นั้นยังคงยึดมั่นในการทำการตลาดในประเทศไทย ซึ่งรวมถึงการจ้างงานในประเทศไทย โดยเฉพาะด้านการพัฒนาเทคโนโลยีที่ใช้บุคลากรไทยเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังคงทำงานร่วมกับรัฐบาลไทยในการสนับสนุนการท่องเที่ยว
“เราอยู่ตรงนี้ เรารู้จักตลาด และมีข้อมูลระดับโกลบอล แน่นอนว่าสิ่งที่เราทำคือยังดึงดูดนักเดินทางด้วยการนำเสนอราคาที่ดีที่สุด เพราะตัวขับเคลื่อนที่ใหญ่ที่สุดที่ทำให้คนตัดสินใจเดินทางคือเรื่องราคา และไม่ใช่แค่กับที่ไทย แต่เราจะใช้นโยบายนี้กับทั่วโลกด้วย”
ทั้งนี้ ปัจจุบัน Agoda เป็นแอปพลิเคชั่น OTA อันดับ 1 ในเอเชียแปซิฟิก ที่มีการดาวน์โหลดไปแล้วมากกว่า 77 ล้านครั้ง มีห้องพักให้บริการมากกว่า 4.5 ล้านห้อง และมียอดจองห้องพักเติบโต 10 เท่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ไอคอนสยามดึง ‘ลิซ่า’ ร่วมเคานต์ดาวน์สะกดโลก มอบความสุขเป็นของขวัญปีใหม่คนไทย
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine