เพราะเมนูผลไม้ชื่อดังของไทยไม่ได้มีแต่ข้าวเหนียวมะม่วง แต่ ‘ทุเรียน’ ก็เป็นอีกหนึ่งพระเอก เห็นจากยอดส่งออกอันดับ 1 โลกหลายปีซ้อน ‘ไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ สุขุมวิท’ หนุนทุเรียนสู่ที่สุดแห่งซอฟต์พาวเวอร์ผลไม้ไทย พร้อมรับเทรนด์ ‘การท่องเที่ยวเชิงอาหาร’ เติบโต จับมือสวนทุเรียนพรีเมียม “Toby’s Farm” เปิดแคมเปญหมอนทอง “Durian Decadent Afternoon Tea” หยิบราชาผลไม้ไทยมาเป็นวัตถุดิบหลักในการรังสรรค์เมนูพิเศษสำหรับเซตน้ำชายามบ่าย
แซมมี่ คาโรลุส ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ สุขุมวิท กล่าวว่า “ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีของดีหลายอย่าง ไม่ใช่เพียงข้าวเหนียวมะม่วงเท่านั้นที่เป็นซอฟต์พาวเวอร์ แต่ ‘ทุเรียน’ ก็เป็นอีกหนึ่งซอฟต์พาวเวอร์ที่สำคัญเช่นกัน ทำให้เราอยากโปรโมตราชาผลไม้นี้ให้นักท่องเที่ยวต่างชาติได้รู้จักมากขึ้น จึงจัดแคมเปญชุดน้ำชายามบ่ายในธีมทุเรียนหมอนทองขึ้นมา
“หลายโรงแรมไม่อนุญาตให้นำทุเรียนเข้ามาในที่พัก แต่เราเป็นโรงแรมแห่งแรกเลยด้วยซ้ำที่มีเมนูทุเรียนให้บริการ นั่นเป็นเพราะเราอยากโปรโมตสินค้าท้องถิ่นไทยให้นักท่องเที่ยวต่างชาติรู้จัก ซึ่งเราเคยทำแคมเปญนี้เมื่อปีที่แล้ว โดยเราสามารถควบคุมกลิ่นได้เป็นอย่างดี ใช้ทุเรียนหมอนทองซึ่งมีกลิ่นน้อยกว่า จึงได้รับตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า ทำให้เรากลับมาทำแคมเปญนี้อีกครั้ง ซึ่งนอกจากจะสร้างประสบการณ์ใหม่ให้นักท่องเที่ยว ยังช่วยส่งเสริมเกษตรกรไทยด้วย” แซมมี่ กล่าว

ทั้งนี้ อุตสาหกรรมโรงแรมและการท่องเที่ยวไทยกำลังเข้าสู่ช่วงฟื้นตัวที่แข็งแกร่ง ด้วยรายได้ธุรกิจโรงแรมที่คาดการณ์ว่าจะมีมูลค่าราว 9.0-9.6 แสนล้านบาทในปี 2567-2568 อัตราการเข้าพักและราคาห้องพักเฉลี่ยกลับมาใกล้เคียงระดับก่อนโควิด
โดยครึ่งแรกของปี 2567 ไทยได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 17.5 ล้านคน หรือ 88% ของระดับปี 2562 ช่วงเวลานี้จึงเป็นโอกาสทองของผู้ประกอบการในการสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่แตกต่างและโดดเด่น โดยเฉพาะการใช้แคมเปญเชิงวัฒนธรรมและอาหาร เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศที่กำลังกลับมาเที่ยวเมืองไทยอย่างคึกคักอีกครั้ง
“เมืองไทยไม่ใช่จุดหมายปลายทางแปลกใหม่สำหรับนักท่องเที่ยวแล้ว ทำให้นักท่องเที่ยวที่มาเยือนต่างต้องการประสบการณ์ใหม่ๆ มากขึ้น เราเชื่อว่าแคมเปญนี้จะมอบประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้นักท่องเที่ยวได้”

ทั้งนี้ การท่องเที่ยวเชิงอาหาร (Gastronomy Tourism) กำลังก้าวขึ้นมาเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของภาคการท่องเที่ยวโลก และ “ประเทศไทย” ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังจากวัฒนธรรมทางอาหาร ก็กำลังได้รับความนิยมในฐานะประเทศต้องห้ามพลาดของนักชิมทั่วโลก
โดย Credence Research บริษัทวิจัยตลาดได้คาดการณ์ว่าตลาดการท่องเที่ยวด้านอาหารของไทยจะเติบโตจาก 32,489.66 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2567 เป็น 80,730.95 ล้านเหรียญภายในปี 2575 คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่สูงถึง 12.05%
นอกจากนี้ ยังพบว่า 53% ของนักท่องเที่ยวทั่วโลกเลือกเมืองท่องเที่ยวจากอาหารและเครื่องดื่มที่อยากลิ้มลอง ด้วยเหตุนี้ ทำให้โรงแรมระดับ 5 ดาวอย่างไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ สุขุมวิท ผนึกกำลังกับสวนคุณภาพในท้องถิ่นเพื่อนำเสนอประสบการณ์ทางอาหารที่เป็นเอกลักษณ์เพื่อรองรับนักชิมจากทั่วโลก
ขณะที่ทุเรียนเองก็เป็นหนึ่งในผลไม้ที่ได้รับความนิยมเช่นกัน ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า ประเทศไทยส่งออกทุเรียนสดมูลค่า 3,219.42 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2565 คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดโลกสูงถึงร้อยละ 93.3 โดยมีตลาดหลักคือจีน ฮ่องกง และไต้หวัน
อย่างไรก็ตาม ตลาดทุเรียนไทยยังเผชิญความท้าทายจากการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซียและเวียดนาม รวมถึงผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศและมาตรฐานการส่งออกที่เข้มงวด
ด้วยเหตุนี้ การยกระดับคุณค่าของทุเรียนไทยผ่านโมเดลธุรกิจใหม่ เช่น การสร้างประสบการณ์ตามเทรนด์ Gastronomy Tourism ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวยุคใหม่จึงเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่จะช่วยเสริมศักยภาพและเพิ่มมูลค่าให้ราชาผลไม้ไทย
แซมมี่ เผยอีกว่า ช่วงปีที่แล้วที่จัดแคมเปญนี้ ส่งผลให้โรงแรมมียอดลูกค้าเข้าใช้บริการห้องอาหารนี้มากกว่าช่วงเวลาอื่นๆ ถึง 41% โดยปีที่แล้วประสบความสำเร็จด้วยปริมาณทุเรียนที่ใช้ทั้งหมด 200 กิโลกรัม เป็นลูกค้าต่างชาติ 70% ส่วนปีนี้ตั้งเป้าที่ 350 กิโลกรัม มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นชาวจีน ไต้หวัน และสิงคโปร์

“แคมเปญนี้ไม่ได้มีผลต่ออัตราการเข้าพักของเรา ทั้งนี้ ปีที่ผ่านมาเรามีอัตราการเข้าพัก (Occupancy Rate) อยู่ที่ 80% นักท่องเที่ยวที่มาพักอันดับ 1 เป็นชาวสหรัฐอเมริกา รองลงมาคือจีน, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้ และสิงคโปร์ ภาพรวมเป็นเอเชีย 75% สำหรับภาพรวมไตรมาส 1/2025 ดีกว่าช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า 20% แม้มีเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ลูกค้าบางส่วนยกเลิกห้องพัก แต่ก็เริ่มกลับมาแล้ว สำหรับปีนี้ตั้งเป้าอัตราการเข้าพักอยู่ที่ 80% เท่าๆ กับปีที่แล้ว”

ด้าน ธวัชชัย จุงสุพงษ์ เจ้าของ Toby’s Farm สวนทุเรียนพรีเมียมจาก จ.จันทบุรี กล่าวว่า “เราภูมิใจที่ได้ร่วมแคมเปญกับไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ สุขุมวิท ต่อเนื่องเป็นปีที่สอง ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้ทุเรียนคุณภาพของไทยเป็นที่รู้จักในมิติใหม่ๆ Toby’s Farm คัดเลือกทุเรียนอย่างพิถีพิถัน ตั้งแต่กระบวนการปลูก ไปจนถึงการเก็บเกี่ยว โดยเลือกใช้ทุเรียนหมอนทองเกรดพรีเมียมที่มีรสชาติ กลิ่น และเนื้อสัมผัสที่ดีที่สุด เพื่อส่งมอบให้โรงแรมนำไปสร้างสรรค์เมนูอาหารสุดพิเศษในโรงแรมระดับ 5 ดาว”

ทั้งนี้ ชุดน้ำชายามบ่ายในธีมทุเรียนหมอนทองพรีเมียม ประกอบไปด้วยของหวาน 7 รายการ ได้แก่ สโคนทุเรียนและแยมสับปะรด เค้กชิฟฟ่อนทุเรียน มูสส้ม ชีสทาร์ตทุเรียน พานาคอตต้าทุเรียน ข้าวเหนียวทุเรียน และมาการองมะขาม เสิร์ฟพร้อมกับเมนูคาว 3 รายการ ได้แก่ เปาะเปี๊ยะทุเรียนชีส แซนวิชอะโวคาโดซัลซ่า และแครกเกอร์ยำส้มโอ

ภายในเซตประกอบไปด้วยเครื่องดื่มทั้งแบบร้อนและแบบเย็น ได้แก่ สมูตตี้ทุเรียน เครื่องดื่มสมุนไพร ชาและกาแฟพรีเมียม พร้อมด้วยเจลาโต้ทุเรียนจาก คาเฟ่ บอนจอร์โน (Café Buongiorno) พร้อมเสิรฟ์มังคุดสดช่วยตัดเลี่ยนได้อย่างลงตัว
โดยโรงแรมไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ สุขุมวิท เสิร์ฟเซต Durian Decadent Afternoon Tea ตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน 2568 – 31 พฤษภาคม 2568 ในราคา 800++ บาทต่อท่าน และ 1,500++ บาทสำหรับ 2 ท่าน

“แคมเปญ Durian Decadent Afternoon Tea ที่จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 นี้ เป็นมากกว่าแคมเปญประจำฤดูกาล แต่เรามองว่าแคมเปญพิเศษนี้ เป็นโอกาสที่จะทำให้ไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ สุขุมวิท เป็นจุดหมายปลายทางที่นักชิมชาวไทยและทั่วโลกปักหมุดว่าต้องห้ามพลาดในช่วงหน้าร้อน” แซมมี่ กล่าวทิ้งท้าย
ภาพ: ไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ สุขุมวิท
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : Trip.com เผยผล Trip.Best ปี 2025 การจัดอันดับที่สุดโรงแรม ร้านอาหาร ที่เที่ยว
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine