หลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย ตลาดนักท่องเที่ยวกลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวระดับบนทั้งคนไทยและต่างชาติที่ให้ความสำคัญในเรื่องสุขภาพ รวมถึงที่ ‘ชีวาศรม’ ที่นักท่องเที่ยวกลับมาคึกคักอีกครั้ง
ภาพรวมเช่นนี้จึงไม่น่าแปลกใจที่จะมีชาวต่างชาติเดินสวนกันไปมาภายใน “ชีวาศรม” แม้ในช่วงโลว์ซีซั่น ขณะที่นักท่องเที่ยวไทยก็เพิ่มขึ้นไม่น้อย จากเดิมที่มีสัดส่วนไม่ถึง 10% เพิ่มเป็น 20-30% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิด
ชีวาศรม อินเตอร์เนชั่นแนล เฮลท์ รีสอร์ท เป็นรีสอร์ตเพื่อสุขภาพต้นแบบแห่งแรกในเอเชีย ตั้งอยู่ที่อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดให้บริการและแนะแนวทางปฏิบัติในการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม มุ่งเน้นการคืนความสมดุลให้แก่ร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ แก่ผู้รักสุขภาพที่เดินทางมาจากทั่วโลกจนได้รับการยอมรับและได้รับรางวัลระดับโลกมากมาย
ปัจจุบันได้ขยายองค์ความรู้และการให้บริการไปยังประเทศกาตาร์ด้วยการรับ Zulal Wellness Resort by Chiva-Som เข้าเป็นสมาชิกใหม่ในปี 2565 กลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา ‘วินย์ โรจนเสถียร’ ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการและเป็นทายาทรุ่น 3 ย้ายไปรับตำแหน่งเดียวกันที่กาตาร์
‘ไวปัญญา คงขวัญยืน’ ผู้จัดการทั่วไป ชีวาศรม หัวหิน กล่าวถึงภาพรวมของรีสอร์ตว่า ช่วงโควิดได้ทำการตลาดในประเทศมากขึ้น ทำให้คนไทยเริ่มเข้าใจและตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม โดยกลุ่มผู้ใช้บริการส่วนใหญ่อายุ 35 ปีขึ้นไป เป็นเจ้าของธุรกิจหรือทำงานระดับบริหาร
“คนไทยมาตลอดทั้งปี ช่วงนี้หน้าฝนยุโรปมาน้อย สำหรับคนไทยพักคืนเดียวก็ได้ เราให้ราคาพิเศษ อาหาร 3 มื้อ และ 1 ทรีตเมนต์”
ขณะที่ชาวต่างชาติต้องพักขั้นต่ำ 3 คืน ราคาเฉลี่ยประมาณ 35,000 บาทต่อคน/คืน โดยคนเอเชียมักจะเข้าพัก 3 คืน ส่วนยุโรป 7 คืน และ 65% ของผู้เข้าพักครั้งแรกจะกลับมาใช้บริการซ้ำ โดยสถิติผู้ที่มาใช้บริการสูงสุดตั้งแต่ชีวาศรมก่อตั้งมาในปี 2538 คือ 98 ครั้งเป็นชาวยุโรป อีกรายเป็นอเมริกันเพิ่งครบ 75 ครั้งในปีนี้
“เรามีทุนเดิม returning guests 65% จำนวนที่เพิ่มมาถือเป็น plus... เราได้รับคำชมตลอดเรื่องพนักงาน เป็น success story พนักงานของเราสุดยอดมาก...ผมว่าเป็นโรงแรมแรกและโรงแรมเดียวในโลกที่แจกทิปให้พนักงานได้ทุกเดือน พนักงาน 300 กว่าคน เดือนมิถุนายนได้พันกว่าบาท เดือนกรกฎาคม 400 กว่าบาท ก็เป็นแสนนะ คือแขกให้ทิปโรงแรมและเราแจกพนักงาน เพราะเขา recognize ว่าความสำเร็จไม่ได้มาจากเทอราปิสต์คนเดียว แต่เป็น teamwork”
สถานการณ์ภาพรวมผู้เข้าพักปี 2567 มีแนวโน้มดีกว่าปี 2566 ลูกค้าส่วนใหญ่มาจากยุโรป เช่น อังกฤษ เยอรมนี รัสเซีย ออสเตรเลีย นอกจากนี้ก็มีอินเดีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สิงคโปร์ ฮ่องกง
หากเป็นโรงแรมหรือรีสอร์ตแห่งอื่น นักท่องเที่ยวคงใช้เวลากับที่พักแค่ช่วงกลางคืนเท่านั้น ทว่าผู้เข้าพักของชีวาศรมส่วนใหญ่ใช้เวลาทั้งหมดอยู่ภายในรีสอร์ต เพราะมีกิจกรรมที่ช่วยฟื้นฟูหรือดูแลร่างกายและจิตใจให้เข้าร่วมตามความสนใจตลอดทั้งวัน โดยมีคลาสออกกำลังกายและกิจกรรมอื่นๆ ตามตารางประจำวันตั้งแต่ 7 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น เช่น Vinyasa Yoga, Sivananda Yoga, Pranayama, Tai Chi, Stretching, Aqua Hand Buoy, ศิลปะการตัดกระดาษ เป็นต้น มีบริการทรีตเมนต์มากกว่า 200 ชนิด และห้องทำทรีตเมนต์มากกว่า 70 ห้อง
ทั้งหมดนี้เพื่อให้แขกใช้เวลาในการดูแลสุขภาพอย่างเป็นองค์รวม ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย กายภาพบำบัด สปา แพทย์ทางเลือก ความงาม และโภชนาการ ซึ่งในเมนูอาหารทุกรายการของที่นี่จะระบุจำนวนแคลอรี่ ส่วนผักที่ใช้เป็นวัตถุดิบก็มาจากสวนของรีสอร์ตซึ่งเพาะปลูกแบบเกษตรอินทรีย์
กลางปี 2567 ชีวาศรมเปิดตัวบริการใหม่ 3 รายการประกอบด้วย
1. โปรแกรม Sleep Enhancement Specialisation เพื่อการนอนหลับอย่างมีคุณภาพ โดยประเมินการนอนหลับ 2 รูปแบบ ได้แก่ ตรวจระดับฮอร์โมนการนอนหลับ และการวินิจฉัยเบื้องต้นสำหรับภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
การตรวจระดับฮอร์โมนการนอนหลับจะวัดระดับฮอร์โมนเมลาโทนินและคอร์ติซอลใน 4 ช่วงเวลาสำคัญตลอดทั้งวันเพื่อประเมินความไม่สมดุลที่อาจส่งผลต่อคุณภาพการนอนหลับ หากตรวจพบความไม่สมดุลแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็จะแนะนำการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและทรีตเมนต์ต่างๆ เช่น การใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร การออกกำลังกาย และแผนด้านโภชนาการเพื่อช่วยปรับสมดุลของฮอร์โมน
ส่วนการหยุดหายใจชั่วคราวระหว่างนอนหลับซึ่งส่งผลต่อระดับออกซิเจนในเลือดทำให้รู้สึกอ่อนเพลีย ปวดศีรษะ หงุดหงิด ส่วนผลกระทบระยะยาวคือ เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง โรคปวดเรื้อรัง เป็นต้น ในการวินิจฉัยเบื้องต้นจะใช้เครื่องมือตรวจสอบสัญญาณร่างกายขณะนอนหลับ ได้แก่ ปริมาณลมหายใจ ระดับออกซิเจนในเลือด อัตราการเต้นของหัวใจ หลังจากนั้นแพทย์จะวิเคราะห์ผลและให้คำแนะนำ
2. การตรวจปัจจัยที่ส่งผลต่อการแสดงออกของยีน (epigenetic testing) เพื่อตรวจสอบสภาพแวดล้อม ไลฟ์สไตล์ ที่ส่งผลต่อยีนของแต่ละบุคคล อาทิ อาหาร การออกกำลังกาย อารมณ์ เพื่อศึกษาปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมที่กระตุ้นการเปิดและปิดการทำงานของยีน แสดงให้เห็นการทำงานของยีนบางตัวว่าทำงานน้อยไปหรือถูกกระตุ้นมากเกินจากสิ่งเร้าภายนอก เช่น อาการป่วย โรคและภาวะแทรกซ้อนด้านสุขภาพ เช่น เบาหวาน ปัญหาสุขภาพจิต และโรคหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งแตกต่างจากการตรวจพันธุกรรม (genomic testing) ที่พิจารณาแนวโน้มด้านสุขภาพจากยีนของแต่ละบุคคลเท่านั้น
เมื่อคนเราอายุมากขึ้นร่างกายจะมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของ DNA ซึ่งอาจขัดขวางการควบคุมการแสดงออกของยีน การทดสอบข้างต้นช่วยให้รู้จักอายุทางชีวภาพของตนเอง ไม่ใช่อายุตามปีเกิด พร้อมให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการชะลอวัยด้วยการออกกำลังกาย และการรับประทานอาหารที่เหมาะสม
3. การบำบัดด้วยออกซิเจนแรงดันสูง (hyperbaric oxygen therapy) ซึ่งช่วยให้ร่างกายได้รับออกซิเจนบริสุทธิ์ในสภาพแวดล้อมที่ควบคุมความดันอากาศ เป็นการเพิ่มออกซิเจนในเลือด ส่งผลให้ร่างกายมีการซ่อมแซมเนื้อเยื่อและเซลล์ที่เสียหาย ลดการอักเสบ กระตุ้นการสร้างหลอดเลือดใหม่ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาว รวมทั้งช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์สมองใหม่และการเชื่อมต่อระหว่างเซลล์สมองซึ่งช่วยปรับปรุงการทำงานของสมอง
ก่อนเข้าบำบัดด้วยวิธีข้างต้นแพทย์จะตรวจเช็กสภาพร่างกายว่าสามารถรับการบำบัดได้หรือไม่ เนื่องจากต้องเข้าไปนั่งในห้องเล็กๆ และรับออกซิเจนแรงดันสูงประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งช่วงแรกอาจมีอาการปวดหูเหมือนตอนเครื่องบินขึ้นและลง
“Hyperbaric มีมา 4-5 ปีแล้ว support พวก submarine เราเพิ่งจะเริ่มเพราะเห็นประโยชน์และคุณสมบัติของมันว่า blend กับคอนเซ็ปต์ philosophy ของเรา” ผู้จัดการทั่วไปชีวาศรมกล่าวในตอนท้าย
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : 'มิชลิน ไกด์' มอบรางวัล 'กุญแจมิชลิน' เป็นปีแรก แก่ 58 โรงแรมในไทยที่โดดเด่นเป็นพิเศษ