ศาสตร์แห่งดีไซน์ร่วมสมัย ความภูมิใจของ 'ดุสิตธานี กรุงเทพ' อันดับ 60 โรงแรมยอดเยี่ยมที่สุดของโลก

ศาสตร์แห่งดีไซน์ร่วมสมัย ความภูมิใจของ 'ดุสิตธานี กรุงเทพ' อันดับ 60 โรงแรมยอดเยี่ยมที่สุดของโลก

ศาสตร์แห่งดีไซน์ร่วมสมัย ทั้งแนวคิดตามหลักฮวงจุ้ยจากจีน, ความเชื่อไทยโบราณ และหลักการทางวิทยาศาสตร์ในการออกแบบที่สามารถตรวจสอบเชื่อถือได้ จนไอเดียตกผลึกกลายร่างออกมาเป็นสถาปัตยกรรมที่ทันสมัย มีอัตลักษณ์โดดเด่น เป็นประโยชน์ต่อชุมชน และยังคงรักษาค่านิยมของแบรนด์ไทย ถือเป็นความภาคภูมิใจของ 'ดุสิตธานี กรุงเทพ' ที่ล่าสุดติดอันดับ 60 จาก 100 โรงแรมที่ยอดเยี่ยมที่สุดของโลก


    ย้อนกลับไปในอดีต...โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ ได้ถือกำเนิดก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2513 โดย ท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย ต่อมาแผนงานโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ 'ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค' ได้ผุดขึ้น ซึ่งโครงการนี้เป็นการร่วมทุนระหว่างเครือดุสิตธานีและฝั่งเซ็นทรัลพัฒนา อาคารดุสิตธานีเดิมจึงเริ่มถูกรื้อถอนทั้งหมดออกไปในปี พ.ศ. 2562 แล้วทำการรีโนเวทก่อสร้างปรับโฉมใหม่ทัั้งหมด พร้อมเปิดให้บริการอีกครั้งเมื่อวันที่ 27 ก.ย. 2567 ที่ผ่านมา 



    ด้วยระยะเวลาที่เปิดให้บริการเพียง 1 ปีเศษๆ แต่ทว่าโรงแรมแบรนด์ไทยอย่าง 'ดุสิตธานี กรุงเทพ' ได้สร้างปรากฏการณ์อันน่าภาคภูมิใจด้วยการเดินหน้ากวาดรางวัลระดับโลกมาอย่างต่อเนื่อง อย่างเช่น เมื่อไม่นานมานี้ก็เพิ่งจะคว้า 'มิชลิน คีย์' จากการประกาศของ Michelin Guide มาการันตีถึงคุณภาพด้านต่างๆ ของโรงแรมได้เป็นครั้งแรก

    อีกทั้งล่าสุดก็ยังติดอันดับ 60 ของ 100 โรงแรมที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก จากการจัดอันดับ The World’s 50 Best Hotels 2025 ที่ประกาศอย่างเป็นทางการในปีนี้เป็นปีแรกอีกด้วย

    ชนินทธ์ โทณวณิก รักษาการประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DUSIT และยังถือเป็นทายาทรุ่น 2 บุตรชายคนโตของท่านผู้หญิงชนัตถ์ ได้ให้เกียรติทีมงาน Forbes Thailand ด้วยการเปิดใจบอกเล่าเรื่องต่างๆ ถึงความหาญกล้าตัดสินใจแปลงโฉมโรงแรมแบบเก่า ให้กลายมาเป็นโรงแรมใหม่และประสบความสำเร็จมากขึ้นกว่าเดิมแต่ก็ยังคงรักษารากฐานความเป็นไทยบางส่วนเอาไว้ว่า 

    “นับเป็นความภาคภูมิใจของชาวดุสิตธานี ทุกคน และตอกย้ำการตัดสินใจที่ถูกต้องของเราในวันนั้น ที่เลือกที่จะทำในสิ่งที่กล้าหาญด้วยการปิดโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ แห่งเดิม และใช้เวลากว่า 5 ปีกับการลงทุนครั้งสำคัญด้วยการสร้างโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ แห่งใหม่...การกลับมาครั้งนี้ถือเป็นการยกระดับประสบการณ์แห่งความหรูหรา เชื่อมโยงแนวคิดด้านสุขภาวะและความยั่งยืนในทุกมิติ และยังผสาน “ความเป็นไทย” เข้ากับ “นวัตกรรมแห่งการบริการร่วมสมัย” ไว้ได้อย่างกลมกลืน ตอกย้ำบทบาทของแบรนด์ “ดุสิตธานี” ที่เป็นแบรนด์ไทยบนเวทีโลก สมดังเจตนารมณ์ของท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย ผู้ก่อตั้ง” ชนินทธ์กล่าว



    ทั้งนี้ จุดตั้งต้นของการดีไซน์ออกแบบของโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ มีการนำแนวคิดเรื่องของหลักฮวงจุ้ยจากจีน ความเชื่อไทยโบราณ และหลักการทางวิทยาศาสตร์ มาผสมผสานจนไอเดียตกผลึกก่อสร้างออกมาเป็นสถาปัตยกรรมที่ทันสมัย มีอัตลักษณ์ความเป็นไทยที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร ยกตัวอย่างเช่น การร่วมมือกับทางมหาวิทยาลัยศิลปากรในการเก็บรักษาและซ่อมแซมวัตถุโบราณ ด้วยการเก็บรักษา 'ยอด' ของอาคารเดิม มาตั้งอยู่บนยอดอาคารใหม่, การถอนเสาหลักของอาคารเดิมที่มีนำ้หนักมากถึง 5.5 ตัน จำนวน 2 เสามาใช้กับอาคารใหม่ซึ่งจะต้องเอาผืนหนังมาแช่น้ำแล้วห่อหุ้มตัวเสาเอาไว้นานราวๆ 5 ปีในการก่อสร้าง


    "อาคารดุสิตธานีของเราถือเป็นตึกเดียวที่ไม่ได้หันหน้าขนานไปกับถนนพระราม 4 เหมือนตึกอื่นๆ แต่เลือกที่จะทำมุมเฉียง 45 องศา มีห้องอยู่ทางฝั่งเดียวหันไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือตามฮวงจุ้ยของซินแสฮ่องกงแนะนำว่าเป็นทิศแห่งความรุ่งเรือง ซึ่งตามหลักวิทยาศาสตร์เอง ทิศที่ตั้งทางนี้จะทำให้แต่ละห้องของโรงแรมในตัวอาคารเลี่ยงการมองเห็นรถติดตลอดทั้งเส้น และสามารถมองเห็นวิวสวยๆ ที่ดีที่สุดของพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่จากสวนลุมพินีและสวนเบญจสิริได้อย่างต่อเนื่อง มีแสงแดดอ่อนๆ ที่ช่วยกระตุ้นพลังงานยามเช้าส่องเข้าถึง แต่ไม่มีแสงแดดแรงๆ ของยามบ่ายมากวนใจ ซึ่งการก่อสร้างที่ดีไซน์ออกมาแบบนี้ต้องใช้เงินลงทุนมากกว่าปกติทั่วไป อีกทั้งเรายังมีการนำเลขมงคล 3, 6, 8, 9 มาใช้ ตามที่ปรากฎในหลายๆ ส่วนของอาคาร ตามความเชื่อของท่านผู้หญิงชนัตถ์ในเรื่องของไตรภูมิทั้ง 3 โลก จากหลักพระพุทธศาสนาอีกด้วย" ทายาทรุ่น 2 ของโรงแรมกล่าวเสริม



    ทุกห้องพักของโรงแรมออกแบบมาเพื่อให้มองเห็นวิวสวนลุมพินีอันร่มรื่นผ่านกระจกเต็มบานกว้างถึง 5 เมตร พร้อมบริการด้าน wellness แบบครบวงจร ที่รวมทั้งสระว่ายน้ำอินฟินิตี้พูล ยิม และ Devarana Wellness ที่พร้อมมอบประสบการณ์การพักผ่อนอย่างเหนือระดับด้วยทรีตเมนต์ สปา และโปรแกรมดูแลสุขภาพเฉพาะบุคคล  




    นอกจากนี้ ทางโรงแรมยังรวบรวมประสบการณ์การรับประทานอาหารระดับพรีเมียมไว้อย่างครบครัน ทั้งห้องอาหารอิตาเลียนคานูบี, ห้องอาหารพาวิลเลียน, คาเฟ่ ดุสิต กูร์เมต์, รูฟท็อปบาร์ The Spire, 1970 Bar และ Grand Lobby Lounge ซึ่งล้วนสะท้อนศิลปะแห่งการต้อนรับแบบไทยในบรรยากาศร่วมสมัยบนมาตรฐานการบริการระดับสากล



    อย่างไรก็ตาม หากพูดถึงโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ แล้ว ก็ต้องไม่พลาดที่จะถามถึงสวนดุสิตอรุณ สวนลอยฟ้าขนาด 7 ไร่ ในโครงการ 'ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค' ที่เชื่อมต่อกันในโครงการมิกซ์ยูสแห่งนี้ ที่ได้กระแสตอบรับเป็นอย่างดีหลังจากเปิดตัว จนกลายเป็น 1 ในสถานที่ Check in สุดฮิตแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ 



    รักษาการประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.ดุสิตธานี ยิ้มอย่างภูมิใจและบอกว่า "คุณแม่ของผมท่านชอบต้นไม้มากๆ เราก็เลยอยากจะรักษาความเขียวร่มรื่นของต้นไม้เอาไว้ให้ได้มากที่สุด ขณะเดียวกันในมุมของฮวงจุ้ยเอง การดีไซน์ออกแบบสวนที่มีต้นไม้เป็นชั้นๆ ไล่ระดับเลเยอร์แบบนี้ นอกจากจะช่วยให้ผู้คนทุกเพศ ทุกวัยมาเดินเล่นกันได้อย่างสะดวกสบาย กลายเป็นพื้นที่สีเขียวให้แก่ผู้คนในชุมชนใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้นแล้ว ก็ยังมีส่วนช่วยรองรับซึมซับพลังงานบวกให้ดีมากยิิ่งขึ้น จากการที่โครงการของเราตั้งตระหง่านอยู่ตรงทางแยกซึ่งเป็นจุดตัดของถนน 2 สาย อีกทั้งต้นไม้นานาพันธุ์ที่เราเลือกมาปลูกทั้งหมดที่นี่ก็ยังเป็นไม้มงคล สามารถกันยุงได้ และยังช่วยกรองฝุ่นละออง PM 2.5 ช่วยลดมลพิษทางอากาศได้อีกทางหนึ่ง"


Credit Photo: Kanokwan M.

ภาพ : ดุสิตธานี กรุงเทพ




​​เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : 'เชียงใหม่ แมริออท โฮเทล' เปิดตัว ห้อง 'พลายบอลรูม' จอ LED 360 องศา แห่งแรกในไทย พร้อมเป็น Destination 'MICE' ของภาคเหนือ

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine