กลุ่มบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) ประกาศปิดโรงแรม 7 แห่งในประเทศไทยเป็นการชั่วคราว เพื่อความปลอดภัยของผู้เข้าพักและพนักงาน โดยพนักงานทุกคนยังคงได้รับเงินเดือนจากบริษัท ไม่มีการลดจำนวนพนักงานแต่อย่างใด
ศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทมีมาตรการเพื่อให้เกิดผลกระทบกับพนักงานน้อยที่สุด โดยเฉพาะระดับปฏิบัติการ สิ่งที่ดุสิตธานีทำคือผู้บริหารลดเงินเดือนตัวเองลงตามสัดส่วนไล่ลงมาจากผู้บริหารระดับสูง ตั้งแต่ 50% ถึง 25% ส่วนพนักงานระดับปฏิบัติการยังคงได้รับเงินเดือนและสวัสดิการเท่าเดิม ไม่มีการลดจำนวนพนักงาน “พนักงานของเราจะไม่ไปเพิ่มภาระให้กับประกันสังคม เพราะดุสิตธานียังพอมีกำลัง เราดูแลทุกคนได้อย่างเท่าเทียม” นับตั้งแต่การยุติการให้บริการโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ เมื่อต้นปี 2562 จนถึงการปิดโรงแรม 7 แห่งเป็นการชั่วคราว บริษัทยังคงรักษาพนักงานไว้ ศุภจีบอกว่าเพราะพนักงานคือผู้ที่ทำให้เกิดธุรกิจ และธุรกิจจะเดินหน้าต่อไปได้ก็ด้วยพนักงาน “ในวันที่เราให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการปิดโรงแรม เพื่อควบคุมการแพร่กระจายเชื้อ และเพื่อความปลอดภัยของพนักงาน แต่เราก็ยังทำธุรกิจใหม่ๆ เช่น เดลิเวอรี่ เพื่อให้พนักงานมีงานทำ และถือโอกาสใช้ช่วงเวลานี้ซ่อมบำรุงโรงแรม ปรับเปลี่ยนองค์กรด้วยการทำ Business Transformation และ Technology Transformation เพื่อให้องค์กรเกิดประสิทธิภาพและไม่เกิดความซ้ำซ้อน เราเตรียมความพร้อมเพื่อรอวันกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง การปิดโรงแรมครั้งนี้จะไม่มีคำว่าสูญเปล่า” แม้วันนี้ห้องพักทุกห้องของโรงแรมดุสิตธานีจะถูกปิดลง แต่เมื่อประตูห้องพักถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารมั่นใจว่า หัวใจของพนักงานทุกคนที่ได้รับการเยียวยาและดูแลจากองค์กรเป็นอย่างดี จะกลับมาพร้อมให้บริการลูกค้าของดุสิตธานีอย่างเข้มแข็งยิ่งกว่าเดิม สำหรับบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล ก่อตั้งโดยท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย เมื่อปี 2491 ปัจจุบันดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล บริหารโรงแรมและรีสอร์ทภายใต้แบรนด์ดุสิตธานี ดุสิตดีทู ดุสิตปริ๊นเซส และดุสิตเดวาราณา โดยเปิดให้บริการในภูมิภาคต่างๆ ทั้งยังมีโรงแรมและรีสอร์ทที่อยู่ในแผนพัฒนาเตรียมเปิดให้บริการเพิ่มอีกกว่า 50 แห่งทั่วโลก
ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine