ถ้าพูดถึงหนึ่งในผู้ให้บริการด้านวิศวกรรมและการออกแบบกระบวนการผลิตที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในระดับนานาชาติสำหรับการออกแบบและติดตั้งระบบแบบครบวงจร ต้องมีชื่อของบริษัท เจ เทค แมททีเรียล แฮนด์ลิ่ง จำกัด (J-Tec Material Handling) ที่ยืนหยัดในฐานะแบรนด์ระดับโลก พร้อมนำเสนอวิธีการจัดการและการแก้ไขปัญหาทางวิศวกรรมให้แก่ธุรกิจชั้นนำในอุตสาหกรรมเคมีและอาหารทั่วโลกมากว่า 5 ทศวรรษ
นอกจากการออกแบบ จัดหา ติดตั้ง และให้คำปรึกษาด้านการซ่อมบำรุงระบบลำเลียงวัตถุดิบในสายการผลิตในระยะยาวสำหรับวัตถุดิบประเภทผง, เม็ดพลาสติก และของเหลว J-Tec ยังพร้อมส่งมอบงานออกแบบและติดตั้งโครงการแบบครบวงจร (Turnkey Project) โดยการนำเสนองานที่ถูกออกแบบมาให้เหมาะสม ตรงตามความต้องการของลูกค้าโดยเฉพาะ ทั้งนี้ J-Tec พร้อมที่จะเป็นมากกว่า Contractor/Supplier เพื่อช่วยสนับสนุนลูกค้าตลอดกระบวนการผลิตทั้งหมด
การเริ่มต้นธุรกิจของ J-Tec ในประเทศไทย
J-Tec (Jongerius Technology) เป็นบริษัทสัญชาติเบลเยี่ยม ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1970 ภายในอาคารจอดรถในเมือง คาล์มเธาท์ (Kalmthout) ประเทศเบลเยี่ยม โดยเริ่มต้นจากธุรกิจเป็นตัวแทนขายอุปกรณ์ขนถ่ายวัตถุดิบประเภทผง และพัฒนาต่อยอดจากความรู้และประสบการณ์ จนกลายเป็นบริษัทที่เชี่ยวชาญและให้บริการทางวิศวกรรมแบบครบวงจร และปัจจุบันได้ก่อตั้งสำนักงานใหญ่ที่เมือง คาเพลเลิน (Kapellen) ประเทศเบลเยี่ยม และขยายธุรกิจไปยังภูมิภาคต่างๆ ในยุโรป เอเชีย และอเมริกา
J-Tec ในประเทศไทยเริ่มต้นจากสำนักงานพาณิชย์ขนาดเล็กพร้อมทีมผู้เชี่ยวชาญ ขับเคลื่อนด้วยวิสัยทัศน์ที่ยิ่งใหญ่ นั่นคือการให้บริการและสนับสนุนลูกค้าทั่วภูมิภาคอาเซียน โดดเด่นด้วยจุดขายที่เป็นเอกลักษณ์ มีความเชี่ยวชาญในด้านการจัดการ และกระบวนการลำเลียงวัตถุดิบด้วยระบบขนส่งวัตถุดิบด้วยลม (Pneumatic Conveying System) กระบวนการผลิตแบบต่อเนื่อง (Continuous Operation) หรือแบบเป็นชุด (Batch Operation) และขั้นตอนการผสม (Mixing)
ขั้นตอนการเติมส่วนผสมต่างๆด้วยความแม่นยำขั้นสูงเพื่อให้แน่ใจว่าสารละลายหรือผลิตภัณฑ์ที่ผสมแล้วนั้นออกมาถูกต้องตามที่ลูกค้าต้องการ จนได้รับความไว้วางใจจากพันธมิตรในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของโรงงานในอุตสาหกรรมเคมีและอาหารจากนานาประเทศทั่วโลก
แล้ว J-Tec Thailand แตกต่างจากผู้ให้บริการรายอื่นอย่างไร?
การมุ่งเน้นการดำเนินงานแบบบูรณาการ โดยการนำเสนอวิธีการแก้ปัญหาที่เหมาะกับความต้องการของลูกค้าแต่ละโรงงานโดยเฉพาะ และยังทำงานร่วมกับผู้ผลิตเครื่องจักร OEM ระหว่างประเทศที่มีชื่อเสียงมากมาย ทำให้มั่นใจได้ว่าการดำเนินโครงการจะมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญ J-Tec Thailand ยังเป็นผู้ให้บริการแบบครบวงจร ตั้งแต่โครงการปรับปรุงระบบเดิมที่มีอยู่แล้ว ไปจนถึงโครงการที่เริ่มใหม่ตั้งแต่ต้น
แม้ J-Tec Thailand จะตั้งอยู่ในทวีปเอเชีย แต่ทีมงานยังคงมีความเป็นเลิศตามมาตรฐาน J-Tec Global พร้อมนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าได้ โดยมีความเข้าใจความต้องการของธุรกิจในท้องถิ่นรวมถึงใช้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญและแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดของสำนักงานในต่างประเทศมาประยุกต์ในการส่งมอบบริการชั้นยอดให้กับลูกค้าในประเทศได้
เรียกได้ว่า J-Tec Thailand โดดเด่นในฐานะบริษัทไทยที่ได้มาตรฐานระดับโลก ที่ปฏิบัติตามมาตรฐาน CE จากยุโรป และยังสอดคล้องกับมาตรฐาน ATEX และ EHEDG ซึ่งรับรองความปลอดภัยและคุณภาพ นอกจากนี้ยังสามารถปฏิบัติตามมาตรฐานระดับสากลอื่นๆ เพื่อประยุกต์ใช้ในทุกโครงการได้ พร้อมสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้ามากกว่า Contractor/Supplier เจ้าอื่น
ด้วยจุดแข็งเหล่านี้เอง ทำให้ในปีค.ศ. 2018 J-Tec Thailand ตัดสินใจเดินเกมรุกครั้งสำคัญ ด้วยการก่อตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมา โดยใช้ชื่อว่า J-Tec Material Handling Ltd. มีการขยายการลงทุนและเพิ่มพนักงานจำนวนมาก ทำให้โครงการที่ J-Tec Material Handling รับผิดชอบเติบโตขึ้น ทั้งในด้านความซับซ้อนและขนาดของโครงการ โดย J-Tec Material Handling ได้เข้าไปร่วมดำเนินงานในหลายโครงการในภูมิภาคอาเซียน ตั้งแต่การปรับปรุงกระบวนการเล็กๆ ไปจนถึงโครงการที่มีมูลค่าสูงถึงหลายร้อยล้านบาท และยังเป็นที่สนใจของกลุ่มลูกค้าในเวียดนาม มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ อินเดีย จีน และญี่ปุ่นอีกด้วย
สำหรับตัวอย่าง ผลงานที่ J-Tec Material Handling เข้าไปมีส่วนร่วมที่ผ่านมา เช่น การร่วมมือกับ Total Energies Corbion PLA สร้างโรงงานผลิตพลาสติกชีวภาพ (PLA) ในจังหวัดระยอง ประเทศไทย โดยโรงงานล้ำสมัยแห่งนี้ผลิต PLA ซึ่งเป็นโพลีเมอร์ชีวภาพและย่อยสลายได้โดยธรรมชาติ 100% ด้วยกำลังการผลิต 75,000 ตันต่อปี โดยพลาสติกชีวภาพ (PLA) นี้มีวัตถุดิบตั้งต้นที่ทำจากพืช เช่น น้ำตาลและแป้ง
สุดท้ายนี้หากถามว่า J-Tec Material Handling มีความโดดเด่นอย่างไร ถึงทำให้มีการเติบโตอย่างน่าจับตามอง ก็สามารถสรุปได้ 4 ข้อดังนี้
1. Tailored Solution, J-Tec Material Handling รับฟังความต้องการของลูกค้า โดยการนำความรู้และประสบการณ์ภายในองค์กรที่มีมากว่า 50 ปี นำมาออกแบบพัฒนาวิธีการที่เหมาะกับโครงการและปัญหาของลูกค้า
2. Material Specialist, J-Tec Material Handling มีความเชี่ยวชาญในการแก้ปัญหาการจัดการวัตถุดิบและวิศวกรรมกระบวนการที่ปรับให้เหมาะกับอุตสาหกรรมเคมีและอาหารทั่วโลก มีบริการครอบคลุมถึงการออกแบบ การจัดหา การก่อสร้าง และการบำรุงรักษาระบบการจัดการสำหรับวัตถุดิบประเภทผง เม็ด และของเหลว ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงการผลิตหรือการติดตั้งโครงการใหม่แบบครบวงจร
3. Expertise Engineering team, J-Tec Material Handling มีทีมวิศวกรชำนาญการพิเศษ สามารถนำความต้องการของลูกค้ามาประยุกต์และติดตั้งใช้งานได้ตรงของลูกค้า ที่สำคัญมีแนวทางเฉพาะสำหรับทุกโครงการ เน้นการมีส่วนร่วมกับลูกค้า โดยใช้ความรู้ ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ภายในองค์กร เพื่อสร้างสรรค์วิธีการตามความต้องการสำหรับแต่ละโครงการ พร้อมเป็นพันธมิตรให้ลูกค้าตั้งแต่การออกแบบไปจนถึงการจัดการด้านวิศวะกรรมอย่างละเอียด การจัดซื้อ การติดตั้ง การทดสอบการใช้งาน การฝึกอบรม และการบำรุงรักษา
4. Full training & support, J-Tec Material Handling มีวิศวกรที่มีความชำนาญในการควบคุมงานติดตั้งและงานก่อสร้าง โครงการต่างๆ โดยวิศวกรของ J-Tec ทุกคนสามารถให้การช่วยเหลือเพื่อฝึกอบรมภาคปฏิบัติได้ และมีการบริการหลังการขาย
เรียกได้ว่า ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านของ J-Tec Material Handling ถือเป็นทางเลือก ที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ประกอบการที่อยู่ในอุตสาหกรรมเคมีและอาหารทั่วโลก ที่กำลังมองหาพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญทางวิศวกรรมและการออกแบบกระบวนการผลิตเพื่อช่วยปลดล็อกทางธุรกิจได้เป็นอย่างดี