Swire คืออาณาจักรธุรกิจ 200 ปีที่เริ่มจากอังกฤษขยายไปสู่หลายประเทศ ซึ่งในหนึ่งในดินแดนที่ Swire ลงหลักปักฐานได้อย่างมั่นคงก็คือ ฮ่องกง ที่ซึ่งบริษัทมีธุรกิจกระจายอยู่ในหลายเซกเตอร์ ทั้งสายการบิน Cathay Pacific, เป็นผู้ได้สิทธิ์ผลิตและจำหน่ายโคคา-โคล่า รวมถึงมีธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่าง Swire Properties ที่ปัจจุบันใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ในฮ่องกง และธุรกิจนี้กำลังเข้ามาลงทุนในไทยด้วย
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2023 หลายคนอาจเคยได้ยินข่าวในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ถึงการที่บริษัทฮ่องกงอย่าง Swire Properties (สไวร์ พร็อพเพอร์ตี้ส์) เข้าถือหุ้น 40% บนที่ดินทำเลทองของกรุงเทพฯ อย่าง ถ.วิทยุ
โดยเป็นการซื้อหุ้นดังกล่าวจากบริษัท HKR International Limited ด้วยมูลค่า 2,400 ล้านบาท (ประมาณ 570 ล้านเหรียญฮ่องกง) โดยจะร่วมมือกับผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทยอย่าง บริษัท ซิตี้ เรียลตี้ จำกัด ซึ่งเป็นธุรกิจอสังหาฯ ของกลุ่ม “โสภณพนิช” พัฒนาที่อยู่อาศัยสุดลักชัวรีในรูปแบบฟรีโฮลด์บนที่ดินแปลงนี้ด้วยกัน
โดยทั้งสองร่วมกันก่อตั้ง บริษัท ซิตี้ ไดนามิค จำกัด ขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2023 เพื่อทำหน้าที่ในการดูแลการพัฒนาและออกแบบโครงการดังกล่าว ซึ่งข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าระบุว่า ‘ซิตี้ ไดนามิค’ มีทุนจดทะเบียนอยู่ที่ 1,650 ล้านบาท มีรายชื่อกรรมการที่สำคัญ ได้แก่ ชาลี โสภณพนิช, สุชาดา ลีสวัสด์ตระกูล, นางสาวหม่า สก จิง และนางสาวหลง หง่าน ยี่ เป็นต้น และมีผู้บริหารหลักคือ เคซี อาว และ โทมัส วูลซี ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการร่วม

แต่ถึงอย่างนั้น สิ่งที่หลายคนอาจสงสัยคือ Swire Properties เป็นใคร ทำไมถึงเลือกมาลงทุนในไทย
ในบทความก่อนหน้า ผู้เขียนได้เล่าถึงภาพรวมอาณาจักรธุรกิจของ Swire Group เส้นทางประวัติศาสตร์ของ Swire ที่เริ่มต้นจากอังกฤษ ก่อนจะแผ่ขยายมาสู่นานาประเทศรวมถึงฮ่องกง และจุดเริ่มต้นในการก่อตั้ง Swire Properties (อ่านบทความก่อนหน้าได้ที่ ลิงก์)
ส่วนบทความนี้เราจะขอพาทุกท่านไปรู้จักและสัมผัสอาณาจักร Swire Properties ให้มากขึ้นกัน
Swire Properties ก่อตั้งเป็นบริษัทในปี 1972 หลังจากที่ธุรกิจเดิมของเครืออย่างโรงงานน้ำตาลและอู่ซ่อมเรือพังทลายจากสงคราม รัฐบาลฮ่องกงได้อนุมัติแผนพัฒนาที่บริษัทเสนอ เพื่อพัฒนาพื้นที่ในบริเวณนั้นจำนวน 96 เอเคอร์ เป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์
ดีมานด์ที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้นในช่วงนั้น ทำให้ Swire Properties เริ่มพัฒนาคอนโดมิเนียมโครงการแรก Taikoo Shing โครงการที่อยู่อาศัยที่รวมแล้วมีทั้งหมด 61 อาคาร ถือเป็นการพัฒนาโครงการใหญ่แห่งแรกในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของฮ่องกง และถือเป็นโครงการที่อยู่อาศัยที่สำคัญแห่งเกาะนี้ด้วย

หลังจากนั้น Swire Properties ก็เริ่มขยายสู่การพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเพิ่มเติม รวมถึงอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบอื่นๆ ทั้งอาคารสำนักงาน โรงแรม และศูนย์การค้า รวมถึงขยายการลงทุนไปในต่างประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น เวียดนาม อินโดนีเซีย และไทย
ปัจจุบันโครงการในฮ่องกงของ Swire Properties มีอยู่หลายโครงการด้วยกัน แต่โครงการที่ถือเป็นไฮไลต์และโดดเด่น ได้แก่ โรงแรมอย่าง The Upper House, กลุ่มอาคารสำนักงาน Taikoo Place, โครงการมิกซ์ยูสอย่าง Pacific Place
แล้วแต่ละอันน่าสนใจอย่างไรบ้าง?
การพักผ่อนเหนือระดับ The Upper House
ธุรกิจโรงแรมอย่าง Swire Hotels มีกลุ่มโรงแรมหรูที่เรียกว่า The House Collective ซึ่งมีเอกลักษณ์โดดเด่นไม่เหมือนใคร ประกอบด้วยโรงแรม 3 แห่งด้วยกัน คือ The Upper House ในฮ่องกง, The Temple House ในเฉิงตู และ The Middle House ในเซี่ยงไฮ้
ทุกแห่งได้รับการออกแบบและสร้างสรรค์อย่างประณีต เพื่อมอบประสบการณ์หรูหราสำหรับนักเดินทางที่มองหาความแตกต่าง ความเป็นส่วนตัว และการตอบสนองความต้องการเฉพาะบุคคล ด้วยการออกแบบจากสถาปนิกและดีไซเนอร์ชั้นนำ ที่สะท้อนเอกลักษณ์ของแต่ละสถานที่ได้อย่างกลมกลืนและมีเสน่ห์เฉพาะตัว

สำหรับ The Upper House ตั้งอยู่ใน Pacific Place ศูนย์กลางธุรกิจและการค้าปลีกที่สำคัญในย่านธุรกิจใจกลางฮ่องกง ตัวโรงแรมมีทั้งหมด 11 ชั้น คือตั้งแต่ชั้น 38-48 ภายในประกอบด้วยห้องพักทั้งหมด 117 ห้อง รวมทั้งห้องสวีท 21 ห้อง ห้องเพนต์เฮาส์ และห้อง André Fu Suite ขนาดเริ่มต้นที่ 730 ตารางฟุต (67.8 ตารางเมตร) ซึ่งถือว่าใหญ่ที่สุดในฮ่องกง พร้อมวิวอันงดงามของอ่าวและตัวเกาะ ชื่อของโรงแรมสะท้อนถึงแนวคิด “การพักอาศัยเหนือระดับ” เพื่อหลีกหนีความวุ่นวายของเมือง
พื้นที่ภายในถูกออกแบบด้วยวัสดุธรรมชาติและประดับประติมากรรมที่รังสรรค์ขึ้นเป็นพิเศษ พร้อมการจัดสรรพื้นที่อย่างลงตัว สร้างบรรยากาศที่มีความเป็นโมเดิร์นและประณีต สอดแทรกกลิ่นอายความเป็นเอเชีย บริเวณชั้นบนสุดของโรงแรมเป็นที่ตั้งของ Salisterra ร้านอาหารสไตล์บิสโทรสุดหรูที่นำเสนอรสชาติและกลิ่นอายแบบเมดิเตอร์เรเนียน

The Upper House ติดอันดับ 5 โรงแรมชั้นนำระดับโลกจากการจัดอันดับ The World’s 50 Best Hotels ในปี 2023 และ 2024 โดยได้รับการออกแบบโดย André Fu สถาปนิกผู้ได้รับรางวัลมากมาย โรงแรมแห่งนี้โดดเด่นด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัว และมอบประสบการณ์ความหรูหราที่เรียบง่ายแต่มีระดับ
Pacific Place ผู้ริเริ่มแนวคิดใหม่ให้อสังหาฮ่องกง
และโครงการที่เป็นที่ตั้งของ The Upper House ก็คือ Pacific Place มิกซ์ยูสซึ่งตั้งอยู่ใจกลางย่าน Admiralty และเป็นจุดหมายปลายทางที่มอบบริการอันยอดเยี่ยมและประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร ที่นี่ถือเป็นผู้ริเริ่มแนวคิดใหม่ๆ ในวงการค้าปลีกของฮ่องกงก็ว่าได้

โดยตั้งแต่เปิดตัวในปี 1988 โครงการ Pacific Place ได้สร้างชื่อเสียงในฐานะศูนย์กลางไลฟ์สไตล์ชั้นนำของฮ่องกง โดยเป็นโครงการมิกซ์ยูสที่พัฒนาอย่างต่อเนื่องให้เป็นสถานที่ชั้นเลิศสำหรับการช็อปปิ้ง รับประทานอาหาร ทำงาน พักผ่อน และพบปะสังสรรค์ ภายในยังรวบรวมแบรนด์สินค้าลักชัวรีชั้นนำมากที่สุดแห่งหนึ่งในฮ่องกง รวมถึงร้านอาหารที่หลากหลาย ช่วยสร้างความประทับใจให้แก่ผู้มาเยือนทุกครั้ง

Pacific Place ยังเป็นศูนย์กลางการคมนาคมที่สำคัญ ประกอบด้วยอาคารสำนักงานเกรดเอ 5 อาคาร เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ 268 ยูนิต และโรงแรมระดับ 5 ดาว 4 แห่ง ได้แก่ The Conrad, Island Shangri-La, JW Marriott และ The Upper House

Pacific Place มีบทบาทสำคัญในการพลิกโฉมย่าน Admiralty ให้กลายเป็นศูนย์กลางธุรกิจและแหล่งค้าปลีกที่มีชีวิตชีวา และยังเป็นแรงผลักดันสำคัญในการขยายเขตศูนย์กลางธุรกิจของฮ่องกงไปทางฝั่งตะวันออก ทำให้ Pacific Place กลายเป็นแลนด์มาร์กที่สำคัญและเป็นสัญลักษณ์แห่งความเจริญเติบโตของฮ่องกง
อภิมหากลุ่มอาคารสำนักงาน Taikoo Place

ไฮไลต์ที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ Taikoo Place หนึ่งในศูนย์กลางธุรกิจที่คึกคักและทันสมัยที่สุดในฮ่องกง โดดเด่นด้วยแนวคิดการออกแบบที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งาน ปัจจุบันเป็นที่ทำงานของพนักงานกว่า 35,000 คน จากบริษัทข้ามชาติกว่า 200 แห่ง รวมถึงบริษัทชั้นนำระดับโลก

โครงการนี้ประกอบด้วยอาคารสำนักงาน 10 อาคาร ที่เชื่อมต่อถึงกันด้วยทางเดินยกระดับที่ติดตั้งระบบปรับอากาศ ครอบคลุมพื้นที่สำนักงานรวมกว่า 650,320 ตารางเมตร
นอกจากพื้นที่สำนักงานระดับพรีเมียมแล้ว Taikoo Place ยังเต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งด้านธุรกิจและไลฟ์สไตล์ พื้นที่สีเขียวขนาดกว่า 70,000 ตารางฟุต (6,503 ตารางเมตร) ไม่ว่าจะเป็น Taikoo Park, Taikoo Garden และ Taikoo Square ถูกออกแบบมาอย่างกลมกลืนกับพื้นที่การใช้งาน

สิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ได้แก่ ArtisTree (อาร์ทิสทรี) พื้นที่จัดแสดงศิลปะและการแสดง Blueprint โคเวิร์กกิ้งสเปซทันสมัย และคลับส่วนตัวสำหรับสมาชิก The Refinery รวมถึงร้านอาหาร บาร์ และคาเฟ่หลากหลายรูปแบบ โครงการตั้งอยู่ใกล้กับ Cityplaza ศูนย์การค้าที่ใหญ่ที่สุดบนเกาะฮ่องกง ซึ่งสามารถเดินถึงได้ภายใน 5 นาที ทั้งยังอยู่ใกล้กับโรงแรมระดับพรีเมียม EAST Hong Kong และเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ EAST Residences
Taikoo Place ยังโดดเด่นในด้านความมุ่งมั่นสู่ความยั่งยืน โดยเป็นโครงการแรกในฮ่องกงและเขต Greater Bay Area ที่ได้รับการรับรอง Final Platinum ตามมาตรฐาน LEED (Leadership in Energy and Environmental Design) ฉบับ 4.1 ในหมวดหมู่ Communities: Existing โดยอาคาร One Taikoo Place เป็นอาคารสำนักงานแห่งแรกในฮ่องกงที่ได้รับการรับรองระดับ Platinum ถึง 3 มาตรฐาน ได้แก่ WELL, BEAM Plus และ LEED Final Platinum

ขณะที่อาคาร Two Taikoo Place เป็นอาคารแรกในฮ่องกงที่ได้รับการรับรอง Platinum ทั้งในด้าน WiredScore และ SmartScore พร้อมทั้งได้รับรางวัล Urban Land Institute 2024 Asia Pacific Awards for Excellence
จับตาโครงการในไทย
แม้ความคืบหน้าล่าสุดของการพัฒนาที่อยู่อาศัยระดับอัลตร้าลักชัวรีแห่งนี้จะยังไม่มีการเปิดเผยถึงชื่อโครงการ แต่รายละเอียดเบื้องต้นของโครงการที่อยู่อาศัยที่ถือเป็นโครงการแรกที่พัฒนาโดยซิตี้ ไดนามิค นั้นตั้งอยู่ในทำเลศักยภาพสูงใจกลางถนนวิทยุ แน่นอนว่าเป็นหนึ่งในทำเลที่ดีที่สุดของกรุงเทพมหานคร
โครงการประกอบด้วยอาคาร 2 อาคารในดีไซน์ที่แตกต่างกัน ได้แก่ อาคารสูง 52 ชั้น จำนวน 156 ยูนิต และอาคารสูง 71 ชั้น จำนวน 239 ยูนิต จุดเด่นคือมอบวิวที่ร่มรื่นของสวนลุมพินีและสวนเบญจกิติ เนื่องจากได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิดที่เน้นสุขภาพที่ดีและความยั่งยืน เพื่อส่งเสริมการใช้ชีวิตอย่างลงตัวในทุกมิติ สร้างพื้นที่พักผ่อนที่เปรียบเสมือนโอเอซิสใจกลางเมือง

โครงการแห่งนี้สะท้อนถึงการผสานความเชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์ของซิตี้ เรียลตี้ และชื่อเสียงระดับโลกของสไวร์ Swire Properties ในการพัฒนาที่พักอาศัยสุดหรูที่เรียกได้ว่าเป็นอันดับหนึ่งในฮ่องกงก็ว่าได้
Tim Blackburn ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Swire Properties กล่าวในการแถลงข่าวถึงการลงทุนในไทยเมื่อปี 2023 ว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้เข้าสู่ตลาดที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ ปัจจุบันกรุงเทพฯ เป็นตลาดเกิดใหม่ที่น่าตื่นเต้นที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเราเห็นศักยภาพที่สำคัญสำหรับอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัยคุณภาพสูงในเมืองนี้
“เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์การซื้อขายที่อยู่อาศัยของเรา และเราจะยังคงสำรวจโอกาสต่างๆ ต่อไป ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถนำแบรนด์ที่อยู่อาศัยระดับพรีเมียมของเราไปสู่ตลาดใหม่ๆ ในภูมิภาคนี้ได้” Tim Blackburn กล่าว ก่อนจะบอกอีกว่า “นี่เป็นโอกาสอันหายากในการพัฒนาที่ดินกรรมสิทธิ์ภายในพื้นที่ใจกลางกรุงเทพฯ และด้วยการทำงานอย่างใกล้ชิดกับ ซิตี้ เรียลตี้ ซึ่งเป็นพันธมิตรที่มีชื่อเสียง และมีประสบการณ์อันล้ำค่าในกรุงเทพฯ เราเชื่อมั่นว่าเราจะสามารถสร้างแลนด์มาร์กแห่งใหม่ในกรุงเทพฯ ได้”
ปัจจุบันโครงการยังคงอยู่ระหว่างการพัฒนา แม้จะยังไม่มีข้อมูลเผยแพร่มากกว่านี้ แต่เชื่อว่าในแง่ของคุณภาพและการออกแบบ น่าจะคงความเหนือชั้นและมีระดับแบบฉบับ Swire Properties อย่างแน่นอน
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : รู้จัก Swire อาณาจักรธุรกิจ 200 ปี จากอังกฤษสู่ฮ่องกง และกำลังขยายการลงทุนมา ‘ไทย’
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine