‘แสนสิริ’ ประกาศแผนธุรกิจคอนโด ปีนี้เปิดตัว 20 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 26,000 ล้าน สูงสุดในกลุ่มอสังหาฯ - Forbes Thailand

‘แสนสิริ’ ประกาศแผนธุรกิจคอนโด ปีนี้เปิดตัว 20 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 26,000 ล้าน สูงสุดในกลุ่มอสังหาฯ

แสนสิริ 40 ปี ประกาศแผนธุรกิจคอนโดมิเนียมปี 2567 วางแผนเปิดตัวคอนโด 20 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 26,000 ล้านบาท สูงสุดในกลุ่มธุรกิจอสังหาฯ วางเป้าหมายสร้างยอดขายคอนโด 21,000 ล้านบาท และสร้างยอดโอนคอนโด 13,000 ล้านบาท


    องอาจ สุวรรณกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโสสายงานพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า “แสนสิริเติบโตแข็งแกร่งมาตลอด 40 ปี จากจุดเริ่มต้นในการก้าวเข้าสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ กับการพัฒนา บ้านไข่มุก ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมโครงการแรก ตั้งอยู่ริมชายหาดหัวหิน และเป็นโครงการแฟล็กชิปของแสนสิริที่สร้างกระแส Talk of the Town มาตั้งแต่เปิดตัว

    “ปัจจุบัน แสนสิริเดินหน้าขยายพอร์ตคอนโดมิเนียม 20 แบรนด์ เพื่อให้ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้า ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ ทุกระดับราคา ครอบคลุมทำเลศักยภาพทั่วประเทศ และในปี 2567 กลุ่มธุรกิจคอนโดมิเนียมแสนสิริ มุ่งเติบโตตามแนวทาง RESILIENT GROWTH - ยืนหยัด ยั่งยืน กับแผนการเปิดตัวคอนโดมิเนียม 20 โครงการ มูลค่ารวม 26,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการสร้างเรคคอร์ดสูงสุดในกลุ่มธุรกิจอสังหาฯ ไทย พร้อมวางเป้ายอดขายคอนโดที่ 21,000 ล้านบาท และยอดโอนคอนโดที่ 13,000 ล้านบาท

    “แสนสิริ เราให้ความสำคัญกับการบริหารพอร์ตโฟลิโอ เพื่อให้บริษัทมีผลประกอบการที่โตอย่างต่อเนื่องและสอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจ ตลอดจนการรักษามาตรฐานความเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในตลาด ผ่านการออกแบบที่โดดเด่น รักษามาตรฐานด้านคุณภาพของสินค้าและการบริการ

    “โดย 5 เดือนที่ผ่านมา แสนสิริสามารถสร้างยอดขายแล้วกว่า 7,300 ล้านบาท (คิดเป็น 35% ของเป้ายอดขาย) และมียอดโอน 3,400 ล้านบาท (คิดเป็น 26% ของเป้ายอดโอน) และในช่วงที่เหลือของปี เรายังคงทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่องจากโครงการที่เปิดขายอยู่ และพร้อมโอนในปีนี้รวม 14 โครงการ มูลค่า 15,700 ล้านบาท” องอาจ กล่าว


    สำหรับกลยุทธ์กลุ่มธุรกิจคอนโดของแสนสิริในปีนี้ เป็นการรุกพัฒนาโครงการใน Strategic Location หัวเมืองใหญ่และเมืองท่องเที่ยว ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ ทุกระดับราคา รองรับทุกความต้องการของลูกค้า ปัจจุบัน แสนสิริมีสัดส่วนโครงการคอนโดเปิดใหม่ ใน Strategic Location มากถึง 45% (9 โครงการ มูลค่า 11,800 ล้านบาท)

    โดยมุ่งเน้นทำเลในหัวเมืองใหญ่และเมืองท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ ได้แก่ ภูเก็ต เชียงใหม่ รวมถึงตลาดฝั่ง EEC โซนภาคตะวันออก ตั้งแต่ พัทยา บางแสน ไปถึงขอนแก่น รวมทั้งหัวหิน พร้อมชูไฮไลต์โครงการใหม่ แคนวาส เชิงทะเล (Canvas Cherng Talay) มูลค่าโครงการ 1,600 ล้านบาท ตั้งอยู่ในโซนเชิงทะเล-บางเทา จังหวัดภูเก็ต ที่กำลังเป็นทำเล Happening ยอดนิยมในกลุ่มชาวยุโรป ที่ส่วนใหญ่มาพักอาศัยแบบ Long-Stay เตรียมเปิดตัวในช่วงปลายปีนี้

    การปักหมุดโครงการบนสุดยอดทำเลศักยภาพในย่าน CBD ที่มีดีมานด์ บนทำเลสุขุมวิท ได้แก่ เวีย 34 (Via 34) มูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท บนสุขุมวิท 34 และ เวีย 61 (เวีย 61) มูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท บนสุขุมวิท 61 โดยทั้ง 2 โครงการ แสนสิริจะพัฒนาภายใต้แบรนด์เวีย (Via) ซึ่งเป็นแบรนด์คอนโดภายใต้ Aesthetic Collection ของแสนสิริ และอีกหนึ่งโครงการใหม่จากซีรีส์ One of a Kind Project โครงการใหม่หนึ่งเดียว โดดเด่นบนทำเลศักยภาพบนสุขุมวิท 36

    ทั้งนี้ แสนสิริพร้อมเปิดตัว 2 แคมเปญไฮไลต์ ได้แก่ Pets Welcome Condo แสนสิริลุยตลาดคอนโดเลี้ยงสัตว์ได้ รับกระแส Pet Parent หลังเล็งเห็นพฤติกรรมของกลุ่มลูกค้า ที่หันมาเลี้ยงสัตว์เลี้ยงในคอนโดมากขึ้น เพื่อรองรับพอร์ตคอนโดเลี้ยงสัตว์ได้ของแสนสิริ 

    โดยเร็ว ๆ นี้ จะมีโครงการ พินน์ ศูนย์วิจัย (PYNN Soonvijai) ที่เตรียมเปิดตัวในไตรมาส 3 นี้ พร้อมเตรียม Pets Welcome Kits เพื่อดูแลน้องๆ สี่ขา เมื่อเข้ามาเยี่ยมชมโครงการคอนโดกับเจ้าของอีกด้วย

    นอกจากนี้ แสนสิริเดินหน้าต่อยอดแบรนด์คอนโดที่ประสบความสำเร็จ กับกลยุทธ์ Brand Refresh ปรับโฉมแบรนด์ เดอะ เบส (THE BASE) ครั้งใหญ่ ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไป ควบคู่กับการพัฒนาโปรดักต์ให้เข้ากับการใช้ชีวิตของกลุ่มเป้าหมายในแต่ละโลเคชั่น

    ตั้งแต่ การขยายพื้นที่ด้วยแปลนหน้ากว้าง, เพิ่มพื้นที่สีเขียวมากขึ้น, ดีไซน์ห้องแบบลอฟต์ และครั้งแรกของแบรนด์เดอะ เบส ที่จะเป็น Pets Allowed ใน 2 ทำเลที่จะเปิดตัวในปีนี้ โดยจะมีโครงการ เดอะ เบส (THE BASE) รวม 4 โครงการ ได้แก่ เดอะ เบส ไรส์ ภูเก็ต (THE BASE Rise Phuket) ใกล้เซ็นทรัลภูเก็ต แค่ 2 นาที* ราคาเริ่มต้น 1.89 ล้านบาท* และ อีก 2 โครงการใหม่บนทำเลรัชดาและวงศ์สว่าง รวมทั้งอีก 1 ทำเลใหม่ที่ขอนแก่น มูลค่าโครงการรวม 5,700 ล้านบาท


    การเปิดตัว Affordable Condo อย่างต่อเนื่อง อย่างแบรนด์ ดีคอนโด เจาะทำเลคอมมูนิตี้ใหญ่ ใกล้มหาวิทยาลัย ใกล้แหล่งงานและมีดีมานด์ความต้องการคอนโดสูง เตรียมเปิดตัวทั้งหมด 4 โครงการ มูลค่ารวม 3,900 ล้านบาท และจ่อคิวโอน 6 โครงการ มูลค่ารวม 6,500 ล้านบาท 

    โดยเร็วๆ นี้ จะมีเปิดตัว ดีคอนโด เซนส์ (dcondo sense Bangsan) มูลค่า 880 ล้านบาท และ ดีคอนโด คาล์ม (dcondo calm) มูลค่า 820 ล้านบาท ในช่วงไตรมาส 2 นี้ และเปิดตัวคอนโดภายใต้แบรนด์คอนโดมี (condo me) และเวย์ (Vay) กับจุดเด่นด้านราคาจับต้องได้ ให้เฟอร์ครบ ในหลากหลายทำเล รวม 3 โครงการ มูลค่า 1,110 ล้านบาท


    และอีกหนึ่งไฮไลต์ที่สำคัญคือการพัฒนา Super Luxury Condominiums ซึ่งนับเป็นจุดแข็งของแสนสิริ ที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า ที่มั่นใจในแบรนด์และประสบการณ์ที่เชี่ยวชาญ 40 ปี ล่าสุดได้สร้างสถิติใหม่อีกครั้ง หลังปิดการขายห้อง Penthouse พร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัว มูลค่าเกือบ 500 ล้านบาท ของโครงการแสนสิริในทำเลชิดลม แม้ยังไม่ได้เปิดตัว และยังมีอีก 2 โครงการใหม่ บนทำเลสารสินและสุขุมวิท 51 จ่อคิวสร้างความสำเร็จตามรอยโครงการในพอร์ต Sansiri Luxury Collection (SLC) และเตรียมสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการอสังหาฯ ไทย

    “ครึ่งปีหลังเรามองว่าเศรษฐกิจชะลอตัว เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยบวกมากนัก ซึ่งการที่เศรษฐกิจจะเริ่มเติบโตอย่างช้าๆ แต่สิ่งที่เราปักหมุดไว้ในกลยุทธ์ทั้งหมด ก็มาตอบสนองการเติบโตแบบช้าๆ นี้ ดังนั้น ทำให้โปรดักต์ที่ออกมาก็เป็นเรียลดีมานด์ และอยู่ในโลเคชั่นที่มี absorbtion rate” องอาจกล่าว

    “แสนสิริให้ความสำคัญสูงสุดกับการยกระดับคุณภาพโครงการและบริการหลังการขาย ล่าสุดจับมือผู้รับเหมาแนวหน้าของประเทศ ด้วยมาตรฐานการทำงานระดับนานาชาติ ทั้งในด้านการก่อสร้าง คุณภาพ และความปลอดภัย เพื่อร่วมกันพัฒนาโครงการคุณภาพ รวมทั้งทำงานอย่างใกล้ชิดกับพลัส พร็อพเพอร์ตี้ เพื่อส่งมอบบริการที่ครอบคลุมทุกมิติและทุกความต้องการของลูกบ้านตลอดช่วงการอยู่อาศัย เพื่อส่งต่อการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนให้กับครอบครัวแสนสิริ และครองความเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัย” องอาจ กล่าวสรุป



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : บันยันกรุ๊ป เร่งเปิดขายคอนโดหรู ‘Lakeview Residences’ ย่านลากูน่า ภูเก็ต หลังดีมานด์บ้านหลังที่สองพุ่งเกินคาด

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine