เปิด 5 ทำเล ‘บ้านจัดสรร’ ทั้งยอดขายดี - สต็อกเหลือสูงสุดในไตรมาส 2/67 - Forbes Thailand

เปิด 5 ทำเล ‘บ้านจัดสรร’ ทั้งยอดขายดี - สต็อกเหลือสูงสุดในไตรมาส 2/67

FORBES THAILAND / ADMIN
24 Sep 2024 | 11:21 PM
READ 643

ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (REIC) เปิดรายงานสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัย ไตรมาส 2/2567 พบว่า ไตรมาส 2/2567 ยอดขายได้ใหม่ในภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยลดลง 8.4% แบ่งเป็นคอนโดฯ ลดลง 3.4% และบ้านจัดสรรลดลง 11.5% ส่วนหน่วยที่อยู่อาศัยเหลือขายรวมในตลาดเพิ่ม 12.6% แต่ยังเชื่อว่ามาตรการรัฐจะช่วยกระตุ้นยอดขายใหม่ ทั้งปี 2567 เพิ่มขึ้น 3.8%


    ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยทั้งโครงการแนวราบและอาคารชุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ และ 5 จังหวัดปริมณฑล ในไตรมาส 2 ปี 2567 ปรับตัวลดลงแรงทั้งอุปสงค์ และอุปทาน

    1. ด้านอุปทานที่อยู่อาศัยเสนอขายในตลาดที่อยู่อาศัยรวม (บ้านจัดสรรและอาคารชุด) มีจำนวน 229,528 หน่วย ขยายตัว 11.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ด้านมูลค่า 1,350,586 ล้านบาท ขยายตัว 30.3%YoY เนื่องจากมีโครงการเปิดตัวใหม่เข้ามาสู่ตลาดจำนวน 17,197 หน่วย (ลดลง 23.9%YoY) มูลค่า 128,440 บาท (0.4%YoY) ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มราคาต่ำ 3 ล้านบาท

    2. ด้านอุปสงค์มีที่อยู่อาศัยขายได้ใหม่ มีจำนวน 14,938 หน่วย ลดลง 8.4%YoY มูลค่า 84,327 ล้านบาท ลดลง 2.2%YoY แบ่งเป็น

    - คอนโดมิเนียม มีจำนวนหน่วยลดลง 3.4% ด้านมูลค่าลดลง 7.5% ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มราคาต่ำ 3 ล้านบาท

    - โครงการบ้านจัดสรร มีจำนวนหน่วยลดลง 11.5% แต่มีมูลค่าเพิ่มขึ้น 0.1%ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มราคา 3.01 - 7.50 ล้านบาท

    เป็นที่น่าสังเกตว่าภาพรวมหน่วยขายได้ใหม่ปรับตัวลดลง ทั้งจำนวนหน่วยและมูลค่าต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้า แต่เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนยังมีการขยายตัวติดลบแต่เป็นการติดลบที่น้อยลง จึงส่งผลให้อัตราดูดซับต่อเดือนปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 2.2% ซึ่งต่ำกว่าในช่วงไตรมาส 1 ปี 2567 ที่มีอัตราดูดซับที่ 2.3%

    ทั้งนี้ มีผลให้ที่อยู่อาศัยเหลือขาย (สต็อกคงค้าง) ยังคงเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงอย่างต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้าติดต่อกันถึง 5 ไตรมาส โดยมีจำนวนทั้งสิ้น 214,590 หน่วย เพิ่มขึ้น 12.6% มูลค่า 1,266,259 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.3% แบ่งเป็น

    - โครงการอาคารชุด อยู่ที่ 84,556 หน่วย เพิ่มขึ้น 14.5% มูลค่า 379,544 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.6%

    - บ้านจัดสรร อยู่ที่ 130,034 หน่วย เพิ่มขึ้น 11.4% มูลค่า 886,715 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.9%

ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการ REIC 

    ในไตรมาส 2 ปี 2567 มีโครงการบ้านจัดสรร 5 ทำเลที่มีหน่วยขายได้ใหม่สูงสุด ได้แก่

    อันดับ 1 โซนบางพลี-บางบ่อ-บางเสาธง จำนวน 2,037 หน่วย มูลค่า 15,293 ล้านบาท

    อันดับ 2 โซนเมืองสมุทรปราการ-พระประแดง-พระสมุทรเจดีย์ จำนวน 1,267 หน่วย มูลค่า 5,361 ล้านบาท

    อันดับ 3 โซนบางใหญ่-บางบัวทอง-บางกรวย-ไทรน้อย จำนวน 1,070 หน่วย มูลค่า 5,979 ล้านบาท

    อันดับ 4 โซนลำลูกกา-ธัญบุรี จำนวน 711 หน่วย มูลค่า 3,103 ล้านบาท

    อันดับ 5 โซนเมืองปทุมธานี-ลาดหลุมแก้ว-สามโคก จำนวน 675 หน่วย มูลค่า 2,903 ล้านบาท


    ส่วน 5 ทำเลบ้านจัดสรรที่ต้องระมัดระวังเพราะหน่วยเหลือมาก ในไตรมาส 2 ปี 2567 ได้แก่

    อันดับ 1 โซนบางใหญ่-บางบัวทอง-บางกรวย-ไทรน้อย จำนวน 20,686 หน่วย มูลค่า 114,376 ล้านบาท

    อันดับ 2 โซนลำลูกกา-ธัญบุรี จำนวน 15,551 หน่วย มูลค่า 91,184 ล้านบาท

    อันดับ 3 โซนคลองหลวง จำนวน 14,457 หน่วย มูลค่า 57,650 ล้านบาท

    อันดับ 4 โซนบางพลี-บางบ่อ-บางเสาธง จำนวน 12,181 หน่วย มูลค่า 81,531 ล้านบาท

    อันดับ 5 โซนเมืองปทุมธานี-ลาดหลุมแก้ว-สามโคก จำนวน 11,367 หน่วย มูลค่า 53,705 ล้านบาท

    ทั้งนี้ รายงานผลสำรวจภาคสนามอุปทานและอุปสงค์ของโครงการที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างการขาย ไตรมาส 2 ปี 2567 ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล โดยสำรวจเฉพาะโครงการที่มีหน่วยเหลือขายไม่น้อยกว่า 6 หน่วย ซึ่งพบว่า ในกรุงเทพฯ และ 5 จังหวัดปริมณฑล



Photo by Vitalijs Barilo on Unsplash



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : อ่านกลยุทธ์ SC Asset ขยายธุรกิจใหม่ ‘โรงแรม-คลังสินค้า’ ผ่าน SCX อัดงบ 20,000 ล้าน ใน 5 ปี

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine