"กลุ่มบริษัท ไฮไลฟ์" ประกาศความสำเร็จ ปี 2567 โตสวนกระแส ทำรายได้สุทธิ 420 ล้านบาทโตขึ้นถึง 150% ตั้งเป้าปี 2568 รายได้ 1,217 ล้านบาท - Forbes Thailand

"กลุ่มบริษัท ไฮไลฟ์" ประกาศความสำเร็จ ปี 2567 โตสวนกระแส ทำรายได้สุทธิ 420 ล้านบาทโตขึ้นถึง 150% ตั้งเป้าปี 2568 รายได้ 1,217 ล้านบาท

    กลุ่มบริษัท ไฮไลฟ์ ผู้นำพัฒนาอสังหาริมทรัพย์, บริหารสินทรัพย์ และอุตสาหกรรมการผลิต ประกาศความสำเร็จ ปี 2567 ทำรายได้สูงถึง 420 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากปีที่แล้ว 150% โดยหน่วยธุรกิจ Hylife Global Food มาเป็นอันดับ 1 คิดเป็น 45% ของสัดส่วนรายได้ เดินหน้าเตรียมเปิดหน่วยธุรกิจใหม่ เชื่อมั่นเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง ตั้งเป้ารายได้สิ้นปี 2568 ต้องไปถึง 1,217 ล้านบาท หวังสร้างประวัติศาสตร์เติบโตทางธุรกิจแบบก้าวกระโดด พร้อมเตรียมหลายกิจกรรมสร้างสรรค์ตอบแทนคืนกลับชุมชน ร่วมสร้างสังคมยั่งยืน


    นายชูโบดีป ดัส (Mr.Shubhodeep Das) เปิดเผยว่า ภาพรวมของกลุ่มบริษัท ไฮไลฟ์ ในปี 2567 สามารถสร้างรายได้สุทธิ 420 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2566 ซึ่งทำรายได้รวมที่ 168.16 ล้านบาท "ปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนให้ผลประกอบการของกลุ่มบริษัท ไฮไลฟ์ ในปี 2567 เติบโตอย่างโดดเด่น ได้แก่ 1.โครงสร้างธุรกิจที่หลากหลาย (Diversified Conglomerate) ทั้งนี้ กลุ่มบริษัท ไฮไลฟ์ มีความเชี่ยวชาญในหลากหลายอุตสาหกรรม ได้แก่ อสังหาริมทรัพย์, บริหารสินทรัพย์ และการผลิต ช่วยกระจายความเสี่ยงและสร้างความมั่นคงให้กับรายได้ของบริษัท 2.ปัจจัยด้านการเติบโตของธุรกิจการผลิต โดยเฉพาะ Hylife Global Food และ Dr.Hygiene Medical Products โดย Hylife Global Food มีอัตราการเติบโตสูงมาก มีรายได้เพิ่มขึ้นจาก 86.40 ล้านบาท ในปี 2566 สามารถปิดยอดขายปี 2567 สูงขึ้นเป็น 187.09 ล้านบาท ขณะที่ Dr.Hygiene Medical Products ก็มีการเติบโตที่ดีเช่นกัน โดยเพิ่มขึ้นจาก 23.21 ล้านบาท เป็น 43.30 ล้านบาท แสดงให้เห็นถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นในหมวดของผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์"

    "และ 3.การฟื้นตัวของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนถึงการฟื้นตัวของตลาด และความสามารถของกลุ่มธุรกิจเรา ในการพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า"

​    หากเจาะลึกลงไปถึงหน่วยธุรกิจที่สร้างมูลค่าทางการตลาดให้กับกลุ่มธุรกิจได้สูงสุด ในปี 2567 คือ Hylife Global Food โดยคิดเป็นสัดส่วน 44.73% ของรายได้โดยรวม


​    นอกจากนี้ บิ๊กบอส กลุ่มบริษัท ไฮไลฟ์ ยังเผยด้วยว่าในปี 2568 บริษัทฯ กำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาทางเลือกที่น่าสนใจในการลงทุนเปิดหน่วยธุรกิจใหม่ ที่สามารถสร้างรายได้ให้กับองค์กร รวมไปถึงการช่วยเหลือและพัฒนาสังคมให้เติบโตอย่างยั่งยืนอีกด้วย

นายชูโบดีป ดัส กล่าวต่อไปว่า ภายในปี 2568 กลุ่มบริษัท ไฮไลฟ์ ต้องการเห็นการเติบโตใน 3 ด้านได้แก่ เสริมสร้างความแข็งแกร่งของธุรกิจหลัก โดยจะมุ่งพัฒนาและขยายธุรกิจอุตสาหกรรมอาหาร อสังหาริมทรัพย์ และผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ให้เติบโตอย่างยั่งยืน รวมถึงการนำธุรกิจบริหารสินทรัพย์เข้าสู่แพลตฟอร์มทางการเงินอย่างเต็มรูปแบบ ต่อมาคือ มุ่งเน้นทางด้านพัฒนาบุคลากรภายในองค์กร โดยจะพยายามสรรหาและจัดเตรียมสวัสดิการที่ดีให้กับพนักงาน พร้อมสร้างและพัฒนาความก้าวหน้าในสายงานผ่านการเสริมศักยภาพและอบรมทักษะอย่างต่อเนื่อง และสำคัญที่สุด คือ การก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในแบรนด์ในใจของผู้บริโภค โดยการยกระดับการพัฒนาชุมชน เริ่มจากการสร้างการรับรู้และความเชื่อมั่นในแบรนด์กลุ่มบริษัท ไฮไลฟ์ ผ่านการส่งเสริมโครงการที่ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชนในพื้นที่ ที่บริษัทดำเนินธุรกิจ รวมถึงสนับสนุนกิจกรรมเพื่อสังคมที่สร้างผลกระทบเชิงบวกและยั่งยืน พร้อมมุ่งเน้นการพัฒนาและปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการให้มีคุณภาพสูงและตอบโจทย์ความต้องการของตลาด โดยเชื่อมั่นว่าการดำเนินงานตามแนวทางนี้ ไม่เพียงแต่จะสร้างมูลค่าให้กับลูกค้าและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเท่านั้น แต่ยังช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจในระดับภูมิภาคอีกด้วย

    เป็นที่น่ายินดีว่า ในปีที่ผ่านมากลุ่มบริษัทฯ ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติมากมาย เป็นต้นว่า FMCG Award: Product Launch of the Year & Eco-friendly Initiative of the Year (Hylife Global Food), APEA Award: Fast Enterprise (Hylife Developments), FIABCI-Thai PRIX D'EXCELLENCE Award: Residential (Low Rise) (Hylife Developments), AREA Award: Green Leadership (Hylife Developments), Asia Business Outlook: Top 10 Most Promising Indian Business Leaders from Thailand (Leader) ล้วนแต่เป็นกำลังใจสำคัญให้ผู้บริหาร และพนักงานทุกคน ที่จะมีความมุ่งมั่นพัฒนา ดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานความซื่อสัตย์สุจริต มีส่วนสร้างสรรค์สังคม และประเทศชาติ

​    เมื่อวิเคราะห์ถึงจุดแกร่ง ที่หนุนนำให้องค์กรโดดเด่นขึ้นมายืนแถวหน้าได้นั้น นายชูโบดีป ดัส มองว่า กลุ่มบริษัท ไฮไลฟ์ มี 2 จุดแกร่ง เป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ นั่นคือ กลยุทธ์ความยั่งยืนแบบองค์รวม โดยมีการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนในการผสานแนวคิดด้านสังคมและเศรษฐกิจเข้าไว้ในทุกมิติของการดำเนินธุรกิจ มีความเข้มแข็งในท้องถิ่น เช่น การใช้วัตถุดิบท้องถิ่นในการผลิต การยกระดับแรงงานในชุมชน หรือการสนับสนุนทั้งในด้านของการศึกษาและคุณภาพชีวิต นอกจากนี้ ยังมีโครงสร้างธุรกิจที่ครอบคลุมหลายอุตสาหกรรม ด้วยความเชี่ยวชาญในหลายหน่วยธุรกิจทั้งในด้านอสังหาริมทรัพย์ การบริหารสินทรัพย์ และการผลิต ทำให้บริษัทสามารถกระจายแหล่งรายได้ ลดความเสี่ยง และสร้างเสถียรภาพทางธุรกิจในระยะยาว "ด้วยแนวทางเหล่านี้ จะเห็นได้ชัดว่ากลุ่มบริษัท ไฮไลฟ์ ไม่เพียงแต่จะมุ่งเติบโตในเชิงธุรกิจเท่านั้น แต่เรายังสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อม จึงทำให้สามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมได้อย่างเต็มภาคภูมิ"

    อีกสิ่งหนึ่งที่ กลุ่มบริษัท ไฮไลฟ์ ให้ความสำคัญเสมอมา และจะยังคงสานสร้างต่อไปในปี 2568 นั่นคือ การตอบแทนคืนสู่สังคม (CSR) หรือสนับสนุนชุมชน โดยมีแผนจะส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืน ผ่านโครงการสำคัญ คือ การจัดงาน Hylife Hackathon และงาน Hylife's Innovation Excellence Awards ซึ่งมุ่งเน้นการสนับสนุนแนวคิดใหม่ๆ ที่ช่วยแก้ปัญหาสังคม และสิ่งแวดล้อม โดยกิจกรรมนี้เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการ นักนวัตกรรม และเยาวชนที่มีความคิดสร้างสรรค์ได้พัฒนาแนวคิดการแก้ไขปัญหาที่สามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม ทั้งในด้านความยั่งยืน การพัฒนาชุมชน และการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ เพราะเชื่อว่าการส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และเทคโนโลยี จะเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนสังคมไปสู่ความยั่งยืน และเป็นอีกก้าวหนึ่งในการร่วมสร้างอนาคตที่ดีขึ้นสำหรับทุกคน

    เมื่อถามถึงมุมมองต่อภาพรวมเศรษฐกิจประเทศไทย นายชูโบดีป มองว่า ในปี 2568 เศรษฐกิจบ้านเรามีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับแรงหนุนจากการท่องเที่ยว การบริโภคในประเทศ และการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน อันส่งผลดีต่อธุรกิจหลักของ กลุ่มบริษัท ไฮไลฟ์ ทั้งผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ และอุตสาหกรรมอาหาร "เรามองเห็นโอกาสในการขยายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาอย่างยั่งยืน และการนำนวัตกรรมและแพลตฟอร์มมาเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์และบริการของเรา"


    "อย่างไรก็ดี ในสิ้นปี 2568 กลุ่มบริษัท ไฮไลฟ์ ได้ตั้งเป้าจะสร้างรายได้เป็นจำนวน 1,217 ล้านบาท เพื่อสร้างประวัติศาสตร์การเติบโตทางธุรกิจแบบก้าวกระโดดถึง 291%" บิ๊กบอสกลุ่มบริษัท ไฮไลฟ์ ทิ้งท้าย