สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (HBA : Home Builder Association) เผยยอดสั่งสร้างบ้านครึ่งปีแรกไม่ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ เนื่องจากความล่าช้าในการจัดตั้งรัฐบาล ส่งผลกระทบให้กำลังซื้อและเศรษฐกิจซึมยาว วอนเร่งจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศ โดยเตรียมเสนอผลักดันมาตรการลดหย่อนภาษีปลูกสร้างบ้าน ล้านละ 10,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท เพื่อเป็นการจูงใจให้คนสร้างบ้านบนที่ดินตัวเองเพิ่มขึ้น และแก้ปมปัญหาต้นทุนแรงงานพุ่ง พร้อมจัดใหญ่งานรับสร้างบ้านและวัสดุ Expo 2023 ปีที่ 19 ในคอนเซ็ปต์ “ครบเครื่อง เรื่องสร้างบ้าน” ระหว่างวันที่ 20 – 24 กันยายน 2566 ณ อิมแพ็ค ฮอลล์ 6 เมืองทองธานี หวังฟื้นกำลังซื้อเต็มพิกัดในไตรมาส 4 ปีนี้
โอฬาร จันทร์ภู่ นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (HBA : Home Builder Association) เปิดเผยว่า ภาพรวมสถานการณ์ตลาดรับสร้างบ้านในครึ่งปีแรกของปี 2566 ต้องเผชิญกับความท้าทายรอบด้านที่ส่งผลให้ยอดสั่งสร้างบ้านไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ทั้งปัจจัยด้านความไม่แน่นอนทางการเมืองและการจัดตั้งรัฐบาลล่าช้า รวมถึงต้นทุนค่าแรงและค่าวัสดุก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผู้บริโภคที่ต้องการสั่งสร้างบ้านบนที่ดินของตัวเองชะลอการตัดสินใจออกไปแบบไม่มีกำหนด
โดยเศรษฐกิจของประเทศอาจต้องชะลอตัวอีกครั้ง หลังจากที่ฟื้นตัวมาบ้างแล้วจากสถานการณ์โควิด-19 โดยความกังวลของสมาคมฯ นอกจากความไม่แน่นอนทางการเมืองและการจัดตั้งรัฐบาลที่ล่าช้าแล้ว ยังกังวลถึงหากมีการออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองบนท้องถนน จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภคและเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว ทางสมาคมฯ เตรียมผลักดันมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อและฟื้นความเชื่อมั่นผู้บริโภคไว้ใน 2 เรื่องหลัก คือ การเสนอให้มีการอนุมัติมาตรการทางภาษีให้ผู้บริโภคที่ปลูกสร้างบ้านบนที่ดินตัวเองสามารถนำมูลค่าสร้างบ้านที่ระบุไว้ในสัญญาจ้างเหมาก่อสร้าง ตามเอกสารอากรแสตมป์ (อ.ส.4) นำไปลดหย่อนภาษีบุคคลธรรมดาในรอบภาษีปีถัดไปได้ในอัตราลดหย่อนล้านละ 10,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท
“ข้อเสนอให้นำค่าสร้างบ้านมาลดหย่อนภาษีได้จะช่วยเร่งการตัดสินใจของผู้บริโภคและกระตุ้นตลาดที่เห็นผลเร็วที่สุด นอกจากนี้ทางสมาคมฯ จะร่วมมือกับธนาคารพาณิชย์ในการปล่อยสินเชื่อสร้างบ้าน ซึ่งปัจจุบันมีหลายแห่งที่พร้อมจะปล่อยกู้ด้วยยอดสินเชื่อที่สูงและดอกเบี้ยต่ำ โดยเฉพาะในกลุ่มบ้านหลังละ 1-3 ล้านบาท” โอฬาร กล่าว
ในส่วนของต้นทุนค่าแรงที่เพิ่มขึ้นนั้น ส่วนหนึ่งมาจากนโยบายการหาเสียงเลือกตั้งของพรรคการเมืองที่แม้ว่าจะยังไม่ได้เริ่มจัดตั้งรัฐบาล แต่ก็พบว่าค่าแรงได้มีการขยับไปก่อนหน้านี้แล้ว รวมไปถึงต้นทุนวัสดุก่อสร้างที่ปรับราคาไปแล้วเช่นกัน ซึ่งทั้งสองส่วนนี้นับเป็นต้นทุนที่สำคัญและมีผลต่อราคาบ้านที่เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ทางสมาคมฯ เตรียมกระตุ้นตลาดช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้กับงาน “รับสร้างบ้านและวัสดุ Expo 2023” ในคอนเซ็ปต์ “ครบเครื่อง เรื่องสร้างบ้าน” ที่จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 19 โดยเป็นงานใหญ่แห่งปีที่รวมบริษัทรับสร้างบ้านชั้นนำไว้มากที่สุด พร้อมแบบบ้านให้เลือกกว่า 1,000 แบบ ราคาตั้งแต่ 2-100 ล้านบาท และโปรโมชั่นสุดพิเศษ สำหรับผู้เข้าชมงาน ซึ่งเป็นผู้บริโภคที่ต้องการปลูกสร้างบ้านและบุคคลทั่วไป
โดยกิจกรรมที่เกิดขึ้นภายในงานนี้ มุ่งเน้นการทำโปรโมชั่นที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคให้มากที่สุด ตัวอย่างเช่น นวัตกรรมบ้านประหยัดพลังงาน ข้อเสนอเกี่ยวกับการติดตั้งโซลาร์ รูฟ การติดตั้งจุดชาร์ตรถยนต์ไฟฟ้า (EV Charger) รวมถึงการนำเสนอสินเชื่อบ้านอัตราพิเศษ สำหรับการสร้างบ้านที่มีมูลค่า 3-8 ล้านบาท เป็นต้น โดยงานจัดระหว่างวันที่ 20-24 กันยายน 2566 ณ อิมแพ็ค ฮอลล์ 6 เมืองทองธานี
“แม้ว่าลูกค้าจะมีความกังวลกับสถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน แต่หากนำเสนอโปรโมชั่นที่ตรงกับความต้องการ เชื่อว่าจะทำให้ผู้บริโภคที่กำลังวางแผนสร้างบ้านตัดสินใจได้เร็วขึ้น เพราะโดยปกติเมื่อสั่งสร้างบ้านไปแล้วกว่าจะเริ่มงานก่อสร้างได้นับเวลาไปอีก 4-6 เดือน ซึ่งระหว่างนั้นสถานการณ์ต่างๆ และตลาดน่าจะฟื้นตัวกลับมาดีขึ้น” โอฬาร กล่าว
อ่านเพิ่มเติม : KBank Private Banking คว้า 6 รางวัลจากเวทีระดับโลก ย้ำคุณภาพและความสามารถทัดเทียมระดับโลก
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine