LHMH เปิดตัว “โรงแรม แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สุรวงศ์” ต้อนรับนักท่องเที่ยวหลังรายได้รวมพุ่ง 110% จากปีก่อน - Forbes Thailand

LHMH เปิดตัว “โรงแรม แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สุรวงศ์” ต้อนรับนักท่องเที่ยวหลังรายได้รวมพุ่ง 110% จากปีก่อน

กลุ่ม LHMH ตอกย้ำความเป็นผู้นำธุรกิจลุยเปิด "โรงแรม แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สุรวงศ์” ต่อเนื่อง ต้อนรับเทศกาลท่องเที่ยวช่วงปลายปี หลังภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด-19 โดยตัวเลขรายได้รวมของธุรกิจพุ่งขึ้นถึง 110% เมื่อเทียบกับปีก่อน


    สุวรรณา พุทธประสาท ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอล เอช มอลล์ แอนด์ โฮเทล จำกัด เปิดเผยถึงการเติบโตของธุรกิจในกลุ่ม LHMH ว่า “โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ภายใต้การบริหารงานของกลุ่มบริษัท แอล เอช มอลล์ แอนด์ โฮเทล จำกัด ณ ปัจจุบันเปิดดำเนินการแล้ว 6 สาขา ได้แก่ เพลินจิต, ราชดำริ, เทอร์มินอล 21, สุขุมวิท 55, โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ พัทยา และโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สเปซ พัทยา ที่เพิ่งเปิดตัวไปในช่วงไตรมาส 3 ปี 2565 ที่ผ่านมา โดยมีผลตอบรับที่ดีเกินคาด มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยกว่า 90% ภายในเวลาอันรวดเร็ว

    โดยในปี 2566 นี้ กลุ่มแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ มีผลประกอบการรวมตั้งแต่ 1 มกราคม จนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2566 มีรายได้รวมประมาณ 3,955 ล้านบาท และประมาณการว่าปี 2566 จะสามารถทำรายได้รวมทั้งปีอยู่ที่ 4,800 ล้านบาท ส่งผลให้รายได้รวมของเครือเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว เมื่อเทียบกับช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมประมาณ 2,000 ล้านบาท ทั้งนี้ มาจากภาพรวมของแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ทั้ง 4 สาขา ในกรุงเทพมหานคร มีการเติบโตของรายได้รวมสูงถึงประมาณ 85% และสาขาที่พัทยา 2 แห่ง เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

    ขณะที่การเติบโตโดยรวมของกลุ่มบริษัท แอล เอช มอลล์ แอนด์ โฮเทล มีตัวเลขการเติบโตทางธุรกิจของรายได้รวมสูงขึ้นถึง 110% จากปีก่อน ซึ่งสูงกว่าตัวเลขประมาณการที่เราคาดหวังไว้ และถือว่าธุรกิจมีการเติบโตสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ นับตั้งแต่นโยบายการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวในช่วงไตรมาสที่ 3 ปี 2566 จนถึงปัจจุบัน ส่งผลให้รายได้กลับมาสูงกว่าปี 2562 ซึ่งเป็นช่วงก่อนการแพร่ระบาดโควิด-19 


            

    ด้าน กิตติ วรบรรพต กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล เอช มอลล์ แอนด์ โฮเทล จำกัด กล่าวว่า “ผลการดำเนินงานของโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2566 มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยสูงถึงประมาณ 90% ทุกสาขา และค่าห้องพักเฉลี่ยสูงกว่าในช่วงระยะเวลาเดียวกันของปี 2562 แล้วกว่า 20% โดยเฉพาะช่วงหยุดยาวหรือเทศกาลซึ่งมียอดจองเข้ามาถึงสิ้นปี ซึ่งเราคาดหวังว่าจะมีตัวเลขที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง  

    โดยโครงการล่าสุด แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สเปซ พัทยา Themed Hotel แห่งแรกในไทย ซึ่งเป็นพอร์ต โฟลิโอ ที่เปิดดำเนินงานและทำรายได้โดยรวมในช่วงระยะเวลา 10 เดือนแรกของปี รวมกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งประมาณการว่าสิ้นปี 2566 โครงการแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สเปซ พัทยา จะมีรายได้รวมทั้งปีทั้งสิ้นประมาณ 1,300 ล้านบาท ถือเป็นการทำรายได้ตลอด 1 ปี Yield of Investment สูงถึง 20% 

    และในปีนี้ทาง LHMH พร้อมเปิดตัว แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สุรวงศ์ กรุงเทพฯ อย่างเป็นทางการในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2566 ซึ่งถือเป็นหนึ่งในโรงแรม Tier Timeless Collection ที่ตั้งที่อยู่ใจกลางเมืองย่านธุรกิจ อีกทั้งยังเชื่อมต่อกับ Old Town โดยถ่ายทอดผ่านผลงานดีไซน์ในทุกพื้นที่ของโรงแรม ถือเป็นการต่อยอดสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ของกลุ่ม แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เป็น แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สาขาที่ 7 ได้เป็นอย่างดี


    สำหรับทิศทางการเติบโตในปี 2567 นั้น ขณะนี้ LHMH มีโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างใน 3 โลเคชั่นที่ดีที่สุดเป็นโรงแรมระดับลักชัวรี โดยในไตรมาสแรกของปี 2568 จะเปิดโครงการมิกซ์ยูส (Mixed use) สูง 50 ชั้น ริมถนนพระราม 4 ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าลุมพินี 200 เมตร ซึ่งเปิดให้บริการอาคารสำนักงานรวมทั้งโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ลุมพินี กรุงเทพฯ 

    ต่อมาในไตรมาสแรกของปี 2569 จะเปิดโรงแรม แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สาขาใหม่ที่ราชดำริ ซึ่งเป็นแฟลกชิปของกลุ่มที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองย่านราชประสงค์ ติดถนนราชดำริ ซึ่งเป็นที่ดินอาคารเพนนินซูล่าเดิม และในปี 2570 จะมีแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สาขาที่ 3 ที่พัทยา ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่ง Themed Hotel ของแบรนด์ใน Tier Limited Collection 

    นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ทำสัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์และสัญญาขายสังหาริมทรัพย์ของโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ พัทยา และโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สเปซ พัทยา ให้แก่ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ แอล เอช โฮเทล (LHHOTEL) เป็นระยะเวลาประมาณ 25 ปี และ 29 ปี ตามลำดับ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว 

    โดยสัญญาดังกล่าว ได้มีผลบังคับใช้ในระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2566 จากการเพิ่มทุนเพิ่มเติมและการกู้ยืมเงินของกองทรัสต์ LHHOTEL มูลค่ารวมประมาณ รวม 9,400 ล้านบาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนของ LHHOTEL ได้เข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมานี้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องจากขนาดกองทรัสต์ที่ใหญ่ขึ้นรองรับผู้ที่สนใจเข้าลงทุนใน LHHOTEL



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : Scope Langsuan โชว์คอนเซ็ปต์หรู “Daring & Timeless Elegant” ตกแต่งห้อง 1 Bedroom ยูนิตพิเศษ 63 ล้านบาท

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine