Cloud 11 (คลาวด์ อีเลฟเว่น) โปรเจ็กต์จาก MQDC เพิ่มการลงทุน 3,000 ล้านบาท ขยายมูลค่าโครงการสู่ 43,000 ล้านบาท โดยลงทุนเพิ่มในส่วนพื้นที่สตูดิโอและอุปกรณ์ และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของย่านสุขุมวิทใต้ให้กลายเป็น ‘พื้นที่เขตสร้างสรรค์และนวัตกรรม’ (Creative & Innovation District) ส่วนล่าสุดก่อสร้างคืบหน้าเสร็จกว่า 80% แล้ว เตรียมเปิดให้บริการปลายปีนี้
องศา จรรยาประเสริฐ ผู้อำนวยการ โครงการ Cloud 11 กล่าวว่า “Cloud 11 เพิ่มการลงทุนอีก 3,000 ล้านบาท เพื่อตอบรับกระแสทิศทางการเติบโตของอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของไทยและเอเชีย ทำให้ Cloud 11 มีมูลค่าโครงการเพิ่มขึ้นจากเดิม 40,000 ล้านบาท เป็น 43,000 ล้านบาท
"โดยเงินทุนที่เพิ่มขึ้นนี้จะนำไปลงทุนในส่วน Creative Facilities เป็นมูลค่า 2,000 ล้านบาท และจะลงทุนในการพัฒนาย่าน South Sukhumvit (ตามแนวรถไฟฟ้าสถานีอ่อนนุช บางจาก ปุณณวิถี อุดมสุข บางนา) ให้เป็นย่านสร้างสรรค์และนวัตกรรมแห่งใหม่อีก 1,000 ล้านบาท โดยการพัฒนาโครงการ Cloud 11 ทั้งหมด บริษัทฯ ได้รับการสนับสนุนสินเชื่อระยะยาว (Project Finance) จากธนาคารกรุงเทพ”

ทั้งนี้ พื้นที่ใช้สอยทั้งหมดของ Cloud 11 อยู่ที่ 254,000 ตารางเมตร ประกอบด้วย 9 ส่วนสำคัญ คือ
(1) Creator Village พื้นที่สำนักงานเกรด A+ ที่เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
(2) Creator Studio รองรับการการทำงานของครีเอเตอร์และคนในอุตสาหกรรม ทั้งสตูดิโอถ่ายภาพ วีดีโอ ไลฟ์สตรีม เพลง พอดแคสต์
(3) Advanced Production Studio เทคโนโลยีที่ทันสมัย รองรับงานคอนเทนต์ในอนาคตที่จะมีความซับซ้อนและเสมือนจริงมากขึ้น
(4) โซน Retail ศูนย์การค้าคอนเซ็ปต์ใหม่ สนับสนุนธุรกิจร้านค้าของครีเอเตอร์
(5) YOTEL เครือสมาร์ทโฮเทลระดับโลก
(6) โรงแรม Sangsan Bangkok (สร้างสรรค์ แบงค็อก) ภายใต้ Tribute Portfolio ในเครือโรงแรมระดับโลก Marriott International
(7) โซน Academy สถาบันการศึกษาบ่มเพาะบุคลากรด้านการสร้างสรรค์คอนเทนต์
(8) Cloud 11 Hall ฮอลล์จัดงาน อีเวนต์ งานแสดงต่างๆ รวมถึงมีโรงละคร
(9) Cloud 11 Park สวนลอยฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ พื้นที่กว่า 16,000 ตารางเมตร เปิดให้ทั้งครีเอเตอร์และคนทั่วไปสามารถเข้ามาใช้บริการได้

พอล สิริสันต์ กรรมการผู้จัดการโครงการ Cloud 11 กล่าวว่า “ข้อมูลจาก Creative Economy Agency เมื่อปี 2022 ระบุว่าเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของไทยมีมูลค่ากว่า 1.2 ล้านล้านบาท และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้ GDP ประเทศกว่า 7% โดยมีเซกเตอร์สำคัญ คือ ภาพยนตร์และแอนิเมชั่น, เพลง, เกมและอีสปอร์ต
“นั่นทำให้เรามองว่าประเทศไทยควรต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกไปจนถึงสตูดิโอมารวมไว้อยู่ที่เดียวกัน ให้เหล่าคอนเทนต์ครีเอเตอร์ได้ใช้งาน ซึ่งการรวมอยู่ที่เดียวกันจะทำให้ต้นทุนการทำคอนเทนต์ของพวกเขาถูกลง
“Cloud 11 มีเป้าหมายในการสร้าง Creative Ecosystem หรือระบบนิเวศสร้างสรรค์ที่ครบถ้วนและสมบูรณ์ที่สุดให้กับประเทศ เพื่อเปิดโอกาสให้เกิดการพบปะกันของครีเอเตอร์หรือคนในวงการสร้างสรรค์ ซึ่งจะนำไปสู่การต่อยอดไอเดีย สร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆ ร่วมกัน ทำให้คอนเทนต์ไทยมีศักยภาพและยกระดับไปสู่ระดับโลกได้

พอลกล่าวอีกว่า Cloud 11 นั้นเป็นโครงการที่มอบสิ่งอำนวยความสะดวกและสามารถตอบความต้องการครีเอเตอร์และคนในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ได้ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ไปจนถึงปลายน้ำ
โดยในส่วนต้นน้ำ Cloud 11 ตั้งใจที่จะสร้างคอมมูนิตี้ของคนสร้างสรรค์ (Creative Talent Community) ผ่านส่วน Academy สถาบันที่ช่วยพัฒนาความสามารถ และเสริมทักษะวิชาชีพในด้านสร้างสรรค์สู่ความเป็นเลิศ โดยได้ร่วมมือกับสถาบันชั้นนำระดับโลกอย่าง 1500 Sound Academy โดย James Fauntleroy โปรดิวเซอร์ชาวอเมริกันจาก Hollywood มาเปิดโรงเรียนสำหรับศิลปินและนักดนตรีครั้งแรกในประเทศไทย
สำหรับกลางน้ำ Cloud 11 ต้องการเป็นฮับของการสร้างสรรค์คอนเทนต์ (Content Production Hub) โดยนอกจากส่วนของ Creator Village ออฟฟิศที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์สไตล์การทำงานของคนในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์แล้ว Cloud 11 ยังได้ลงทุนเพิ่มในส่วนของสตูดิโอให้ที่นี่มีครบทุกอย่างในที่เดียว ทั้ง Creator Studio และ Production Studio ไม่ว่าจะเป็น สตูดิโอทำภาพ ทำเสียง ห้องทำ Post Production รวมถึงมีเครื่องมือและอุปกรณ์ครบครัน นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่ Creative Co-working ที่ครีเอเตอร์เพียงนำคอมพิวเตอร์มาเสียบสาย LAN ก็สามารถตัดต่อคอนเทนต์และเรนเดอร์งานได้สะดวกรวดเร็ว
และสุดท้าย ส่วนปลายน้ำ Cloud 11 จะเป็นพื้นที่ในการแสดงผลงานและต่อยอดทางธุรกิจให้กับครีเอเตอร์ (Commercialization) จึงได้มีการลงทุนเพิ่มเติมในส่วนของ Cloud 11 Hall และโรงละคร Blackbox Theatre เพื่อเปิดเวทีให้ศิลปินรุ่นใหม่มีพื้นที่ในการแสดงศักยภาพ
นอกจากนี้ยังมีโซน Passion Playground พื้นที่ Retail ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยสนับสนุนให้ครีเอเตอร์ต่อยอดและสร้างมูลค่าจากผลงานของตนเอง เปิดโอกาสให้ครีเอเตอร์ที่ต้องการทำธุรกิจมีหน้าร้าน รวมถึง Cloud 11 Park ที่จะเป็นพื้นที่ให้ครีเอเตอร์สามารถจัดแสดงผลงาน จัดอีเวนต์และกิจกรรมต่างๆ ได้ตลอดทั้งปี

ด้าน องศา กล่าวเพิ่มเติมว่า “นอกเหนือจากการออกแบบสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการให้เอื้อต่อการสร้างสรรค์ผลงานและการใช้ชีวิตของครีเอเตอร์แล้ว Cloud 11 ยังพัฒนาโครงการโดยยึดมั่นแนวคิด ‘For All Well-being’ ของ MQDC เราจึงให้ความสำคัญกับการออกแบบโครงการที่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด ควบคู่กับการพัฒนาและเติบโตไปพร้อมกับชุมชน
“โครงการ Cloud 11 จึงได้จัดสรรการลงทุนเพิ่มเติมอีก 1,000 ล้านบาท ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้กับย่าน เพื่อผลักดันการพัฒนาย่านสุขุมวิทใต้ให้เป็น Creative & Innovation District สำหรับอุตสาหกรรมสร้างสรรค์และซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศไทย
"โดยได้วางแผนพัฒนาในหลายโครงการ อาทิ การพัฒนาพื้นที่ริมคลอง ปรับปรุงสวนสาธารณะ พัฒนาทางเท้าทั้งบนถนนสุขุมวิทและในซอยย่อย ตลอดจนการร่วมจัดเทศกาลงานสร้างสรรค์ อย่าง Bangkok Design Week อย่างต่อเนื่อง ซึ่งทาง Cloud 11 ได้หารือความร่วมมือกับทางสำนักงานส่งเสริมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ (THACCA - Thailand Creative Culture Agency) เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวร่วมกับทางภาครัฐและชุมชนท้องถิ่นอีกด้วย”
ทั้งนี้ โครงการ Cloud 11 ได้รับการออกแบบโดยมี Snøhetta สตูดิโอออกแบบชื่อดังระดับโลกสัญชาตินอร์เวย์เป็นที่ปรึกษา ทำงานร่วมกับบริษัทออกแบบสถาปัตยกรรมชั้นนำของประเทศไทยอย่าง A49 (บริษัท สถาปนิก 49 จำกัด) และควบคุมการก่อสร้างโดยบริษัท นันทวัน จำกัด (Thai Obayashi)

อภิสิทธิ์ โรจนประดิษฐ์ ผู้จัดการโครงการและวิศวกรผู้ควบคุมงาน บริษัท นันทวัน จำกัด (Thai Obayashi) กล่าวว่า “ไทยโอบายาชิ เรามีจุดเด่นในเรื่องการก่อสร้างที่ใช้มาตรฐานจากประเทศญี่ปุ่น การใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ ในการก่อสร้าง พร้อมด้วยประสบการณ์ยาวนานกว่า 50 ปี นักลงทุนจึงสามารถมั่นใจได้ถึงการทำงานที่มีประสิทธิภาพและการตรวจสอบที่เข้มงวด เพื่อส่งมอบงานก่อสร้างที่มีคุณภาพและปลอดภัย
“สำหรับโครงการ Cloud 11 เราได้มีการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ เพื่อความปลอดภัยของอาคาร เช่น ใช้โครงสร้างเหล็กขนาดใหญ่พิเศษ (Box Girders Beam) เพื่อช่วยกระจายน้ำหนักของอาคารไปยังเสาหรือฐานรากได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีการใช้เทคนิคการก่อสร้างด้วย Steel Reinforced Concrete (SRC) เป็นการผสมผสานระหว่าง โครงสร้างเหล็ก (Steel Structure) และ โครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก (Reinforced Concrete) เพื่อเพิ่มความแข็งแรง
"รวมถึงประสิทธิภาพการรับแรงดัดของอาคาร ให้มีความยืดหยุ่น และความปลอดภัยของอาคาร โดยเฉพาะในเรื่องการเคลื่อนตัวของโครงสร้างอาคาร จากผลกระทบจากแผ่นดินไหว ทั้งนี้ หลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เราได้ให้วิศวกรเข้าตรวจสอบโครงสร้างอาคาร ไม่พบความเสียหายอันเนื่องมาจากแผ่นดินไหว โครงสร้างอาคารยังคงมีความสมบูรณ์ แข็งแรง ผู้เช่าสามารถมั่นใจในความปลอดภัยของโครงการได้อย่างแน่นอน”

ปัจจุบัน โครงการ Cloud 11 ดำเนินการถึงขั้นตอนปิดงานโครงสร้างวิศวกรรมอาคาร เสร็จสมบูรณ์ตามแผนที่วางไว้ ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินงานการตกแต่งภายใน ดังนั้น ความคืบหน้าโครงการอยู่ที่ 80% จะเริ่มทยอยส่งมอบพื้นที่ให้ผู้เช่าพื้นที่ Retail เข้าตกแต่งภายในเดือนมิถุนายน และโครงการจะเสร็จ 100% พร้อมเปิดให้บริการเต็มรูปแบบปลายปีนี้
นอกจากนี้ ยังมีพาร์ทเนอร์สำคัญอย่าง theCOMMONS (เดอะคอมมอนส์) ที่จะมาเปิด theCOMMONS Cloud 11 บนพื้นที่ 5,420 ตารางเมตร บริเวณชั้น 4 ของโครงการ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “South Sukhumvit’s Backyard” สวนหลังบ้านสำหรับย่านสุขุมวิทใต้ ประกอบด้วย 5 โซนสำคัญ ซึ่งจะช่วยเติมเต็มในแง่ของพื้นที่ความคิดสร้างสรรค์ แสดงผลงาน ตลอดจนพื้นที่ของการทำงาน และพักผ่อนหย่อนใจ

และอีกหนึ่งพาร์ทเนอร์สำคัญ YOTEL เครือสมาร์ทโฮเทลระดับโลก ที่จะมาเปิดโรงแรมสาขาเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ภายใต้ชื่อ YOTEL Bangkok เตรียมมอบประสบการณ์การพักผ่อนที่แปลกใหม่ ตั้งแต่เช็กอินจนกระทั่งเช็คเอาท์ที่ผู้เข้าพักจะได้ดื่มด่ำกับ “Heart of Innovation and Technology” ผ่านเทคโนโลยีและนวัตกรรมล้ำสมัยของ YOTEL เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับครีเอเตอร์และนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติที่จะเข้ามาใช้บริการภายในโครงการ

ภาพ: Cloud 11 และ กนกวรรณ มากเมฆ
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : เมื่ออสังหาฯ ‘ยอดขายชะลอ-ราคาร่วง’ ไทยยังเสี่ยงตามรอยญี่ปุ่นสู่ “ทศวรรษที่สูญหาย”
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine