“แสนสิริ” ร้อนแรงทุบสถิติประเดิมต้นปี Sold Out! “BuGaan Rama 9-Meng Jai” ทันที ภายใน 1 วันแรกที่เปิดจอง ย้ำ Key Success มาจากคุณภาพและบริการจากแสนสิริที่เหนือกว่าผ่านประสบการณ์จริงของลูกค้าที่ได้สัมผัส พร้อมสานต่อดีมานด์ฮอท เตรียมเปิดขายเฟสใหม่ล่าสุด 2 โครงการ BuGaan Pattanakarn และ BuGaan Krungthep Kreetha
ศรีอำไพ รัตนมยูร ประธานผู้บริหารสายงานการตลาด บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศ เปิดเผยว่า เป็นที่น่ายินดีว่า BuGaan Rama 9-Meng Jai (บูก้าน พระราม 9 – เหม่งจ๋าย) เอ็กซ์คลูซีฟ เรสซิเดนท์ ใน Sansiri Luxury Collection เพียง 8 ครอบครัว Rare item มูลค่ารวมกว่า 800 ล้านบาท บนทำเลสุดไพร์มย่านพระราม 9 ระดับราคา 70 – 180 ล้านบาท สร้างสถิติใหม่ล่าสุดให้กับวงการอสังหาฯ ลักชัวรีไทย ประสบความสำเร็จ Sold Out! ทันทีภายใน 1 วัน ที่เปิดให้ชมบ้านตัวอย่าง
ซึ่งนับเป็นบทพิสูจน์ที่ตอกย้ำความเป็นเบอร์หนึ่ง และ Taste-Maker Brand ของแสนสิริ ในการมุ่งเซ็ตมาตรฐานบทใหม่แก่วงการอสังหาริมทรัพย์ลักชัวรีและซูเปอร์ลักชัวรีไทย
นอกเหนือจากการเป็นตัวจริงอันดับหนึ่งที่ครองใจลูกค้าระดับบนแล้ว ยังเป็นการตอกย้ำผู้นำด้านดีไซน์ที่แข็งแกร่ง (Design Leader) ซึ่งเป็น Key Driver ความสำเร็จ และเป็นจุดแข็งที่แตกต่างและเหนือกว่าของแสนสิริ ผ่านประสบการณ์จริงของลูกค้าที่ได้สัมผัสสินค้าที่มาพร้อมกับคุณภาพและฟังก์ชั่นตลอดจนการบริการของแสนสิริ ที่ได้ถ่ายทอดจากความเข้าใจในไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต ตัวตนและรสนิยมการอยู่อาศัยของลูกค้ากลุ่ม ลักชัวรีจากประสบการณ์ที่สั่งสมมากว่า 40 ปี
“แสนสิริ ขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่ให้การตอบรับที่ดีและไม่รีรอในการตัดสินใจซื้อทันทีหลังจากเข้าชม ที่ผ่านมาแสนสิริ เปิดตัวเอ็กซ์คลูซีฟ เรสซิเดนท์ ภายใต้แบรนด์ BuGaan (บูก้าน) มาแล้วถึง 3 โครงการ 3 ทำเลไพร์ม และ 3 ดีไซน์ที่แตกต่าง กับจุดเด่นนิยามใหม่ของบ้านที่สะท้อนตัวตนและรสนิยมผู้อยู่อาศัยผ่านสเปซและฟังก์ชั่น ตั้งแต่โครงการแรกที่เปิดตัว คือ BuGaan Yothinpattana (บูก้าน โยธินพัฒนา) สร้างสถิติ Sold Out ภายใน 4 เดือน
และเพื่อสานต่อความสำเร็จ รองรับดีมานด์ความต้องการในแบรนด์ BuGaan เราจึงเตรียมเดินหน้าขยายเปิดโซนใหม่ใน 2 โลเคชั่น ทั้ง BuGaan Pattanakarn ที่มาพร้อมกับบ้านตกแต่งหลังใหม่ล่าสุด และ BuGaan Krungthep Kreetha กับ New Garden connect ในไตรมาส 1 นี้ เพื่อตอบโจทย์คนรุ่นใหม่กลุ่ม Young Successor ที่ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วจนเป็นกลุ่ม HNWI (High Net Worth Individual) มีกำลังซื้อสูงมีคาแรกเตอร์ และรสนิยมการอยู่อาศัยที่ชัดเจน ต้องการบ้านที่มีเอกลักษณ์ กับสเปซที่มอบความส่วนตัวสูงสุด
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาถือเป็นบทพิสูจน์ความไว้วางใจและความเชื่อมั่นจากลูกค้าระดับบน สะท้อนความแข็งแกร่งและโดดเด่นกับ customize design ของการออกแบบโครงการในแต่ละ Prime Location เหมาะกับกลุ่มเป้าหมาย ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการอยู่อาศัยใกล้เมือง”
ทั้งนี้ BuGaan Krungthep Kreetha มาสเตอร์พีซการอยู่อาศัยระดับเวิลด์คลาส สไตล์ Modern Luxury ราคา 38-70 ล้านบาท* พร้อมคลับเฮาส์ดีไซน์ ยูนีค บน The Best Location แสนสิริ กรุงเทพกรีฑา คอมมูนิตี้ ที่สุดของสังคมการอยู่อาศัยสุดไพรเวทคุณภาพระดับลักชัวรี ใกล้ รร.นานาชาติชั้นนำ เดินทางสะดวกทั้งทางด่วน และใกล้รถไฟฟ้า 2 สาย ทั้งสีเหลืองและสีส้ม
ขณะที่ BuGaan Pattanakarn นั้นถือเป็นครั้งแรกกับ Luxury Private Villa เอ็กซ์คลูซีฟเรสซิเดนท์ 3 ชั้น ที่มาพร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัว มีเพียง 17 ยูนิต บน The Best Location ที่สุดของทำเลไพร์มย่านพัฒนาการ สังคมการอยู่อาศัยคุณภาพระดับลักชัวรี ราคา 65-130 ล้านบาท
สำหรับ ภาพรวมตลาด Luxury Residence ที่ระดับราคาขายต่อยูนิตมูลค่ามากกว่า 50 ล้านบาทขึ้นไป โครงการขนาดเล็ก จำนวนยูนิตไม่มากนัก ในพื้นที่ใกล้เมืองและพื้นที่เมืองชั้นใน อย่างพื้นที่ตามแนวถนนสาทร นราธิวาสราชนครินทร์ สุขุมวิท พระราม 9 เป็นต้น
ที่ผ่านมามีการเปิดตัวและได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ซึ่งปิดการขายไปหมดแล้ว เพราะตอบโจทย์กลุ่มผู้ซื้อที่มีกำลังซื้อและไม่ต้องการอยู่นอกเมืองหรือชานเมือง เนื่องด้วยสถานที่ทำงาน หรือย่านธุรกิจอยู่ในพื้นที่เมืองชั้นในที่ตอบไลฟ์สไตล์ของการใช้ชีวิตได้อย่างสมบูรณ์แบบ รวมถึงการที่บุตรหลานอาจจะกำลังศึกษาอยู่ในสถาบันการศึกษาในพื้นที่เมืองชั้นใน
ดังนั้น การซื้อบ้านระดับราคานี้ในทำเลหรือพื้นที่ที่การเดินทางสะดวก และได้บ้านเดี่ยวขนาดใหญ่ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับกลุ่มคนที่มีความพร้อมมาก
“เราพบว่าตลาดเอ็กซ์คลูซีฟ เรสซิเดนท์ นี้ยังมีซัพพลายไม่มาก และจากการสำรวจแบบเจาะลึกในกลุ่มลูกค้าที่สนใจพบว่า ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเรียลดีมานด์ มีกำลังซื้อจริง และมองหาที่อยู่อาศัยที่มีดีไซน์เอกลักษณ์ และรสนิยม ในสังคมไพรเวท และใส่ใจในทุกดีเทลรายละเอียด” ศรีอำไพ กล่าว
สำหรับปี 2567 นี้ แสนสิริ เดินหน้ารุกขยายธุรกิจเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยเพิ่มสัดส่วนของโครงการบ้านลักชัวรีและซูเปอร์ลักชัวรีเพื่อตอบโจทย์ดีมานด์ความต้องการของลูกค้า ซึ่งแสนสิริมองเป็นโอกาส และมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 16 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 23,000 ล้านบาท ติดตามชมความเหนือระดับของโครงการใหม่ๆ ในกลุ่มลักชัวรี่และซูเปอร์ลักชัวรี่จากแสนสิริในเร็วๆ นี้” ศรีอำไพ กล่าวสรุป
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : SCOPE Thonglor เจาะกลุ่มลูกค้าระดับ Ultra Luxury ขายห้องเพนต์เฮาส์ 18 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 200 ล้านบาท
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine