Ascott เรสซิเดนซ์หรูสิงคโปร์ รุกเปิดทำเลดังเจาะกลุ่มไฮเอนด์ - Forbes Thailand

Ascott เรสซิเดนซ์หรูสิงคโปร์ รุกเปิดทำเลดังเจาะกลุ่มไฮเอนด์

“ทองหล่อ” เป็นแหล่งรวมอสังหาริมทรัพย์หลากหลายรูปแบบ ทั้งร้านค้าดั้งเดิม สำนักงาน ร้านอาหาร สถานบันเทิง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โรงแรมและที่อยู่อาศัย มีการเปิดตัวอย่างต่อเนื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมา


    ความแรงของทำเลทองหล่อดึงดูดให้กลุ่ม Ascott เชนที่อยู่อาศัยระดับหรู หนึ่งในธุรกิจของ CapitaLand Group CLI สิงคโปร์ รุกเข้ามาเปิดเรสซิเดนซ์ใหม่หลังห่างหายจากการลงทุนในไทยไปนาน 

    โดยล่าสุด CapitaLand ได้เปิด “Ascott Thonglor Bangkok” ขึ้นบนพื้นที่ริมถนนสุขุมวิทใกล้แยกทองหล่อ ซึ่งเป็นโครงการที่พักอาศัยพร้อมบริการระดับโรงแรม 5 ดาว หรือเซอร์วิสอะพาร์ตเมนต์ที่มีบริการครบแบบโรงแรม 

    โครงการนี้เป็นอาคารพักอาศัยบนตึกสูงที่พัฒนาโดย บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จํากัด (มหาชน) เปิดบริการเมื่อปลายปี 2565 ตอบรับความต้องการที่อยู่อาศัยของทำเลใจกลางย่านธุรกิจได้เป็นอย่างดี

    “เพียงไม่กี่เดือนที่เราเปิดบริการ มียอดเข้าพักเกือบเต็มและมีบุ๊คกิ้งใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง” Brian Tan ผู้จัดการทั่วไปประจำประเทศไทยและลาว Ascott Limited กล่าวกับกลุ่มมีเดียที่เข้าร่วมกิจกรรมแนะนำโครงการเมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา 

Brian Tan ผู้จัดการทั่วไปประจำประเทศไทยและลาว Ascott Limited

    โดยกิจกรรมนี้จัดขึ้นในวันทำงานปลายสัปดาห์ ซึ่งปกติแล้วในวันธรรมดาจำนวนแขกที่เข้าพักในโรงแรมต่างๆ จะมีไม่มากนัก แต่ที่เซอร์วิสอะพาร์ตเมนต์หรูแห่งนี้มีแขกเข้าพักเกือบเต็ม ทำให้ล็อบบี้ขนาดย่อมที่บริเวณชั้น 1 ของอาคารดูคึกคักเป็นพิเศษ

    Ascott Thonglor Bangkok เป็นอาคารสูงที่มีจำนวนห้องพักทั้งสิ้น 451 ห้อง ออกแบบแตกต่างกันไปตามลักษณะความต้องการ เช่น ห้องดีลักซ์ เตียงคิงไซส์ ห้องดีลักซ์ เตียงแฝด และห้องสตูดิโอ เอ็กเซ็กคูทีฟ มีบริการเข้าพักทั้งระยะสั้นและระยะยาว ด้วยตัวเลือกห้องพักหลายแบบตามความต้องการลูกค้า และตกแต่งไว้อย่างสวยงามพร้อมอุปกรณ์เครื่องใช้ที่จำเป็นครบครัน รองรับการพักทั้งระยะสั้นและระยะยาว

    กลุ่มแขกที่เข้าพักส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาววัยทำงาน และกลุ่มต่างชาติที่ทำงานในไทย ซึ่งเป็นลูกค้าเช่าระยะยาว มีทั้งแบบรายเดือนและรายปี ราคาเช่าอยู่ในระดับพรีเมียมเริ่มต้นตั้งแต่ 85,000 บาท/เดือนขึ้นไปตามขนาดและฟังก์ชันของห้อง ส่วนราคาห้องพักต่อคืนเริ่มต้นที่ประมาณ 4,500 บาท


ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่

    ทำเลที่ตั้ง Ascott Thonglor Bangkok อยู่ริมถนนสุขุมวิทบริเวณปากซอยทองหล่อ ซึ่งสามารถเดินทางด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอส ลงสถานีทองหล่อจากนั้นเดินเท้าถึงโครงการได้อย่างสะดวกถือเป็นจุดขายสำคัญ เนื่องจากสะดวกในการเดินทางไปยังพื้นที่ต่างๆ ในกรุงเทพฯ ด้วยรถไฟฟ้า

    นอกจากอยู่ในทำเลที่สะดวกแล้ว พื้นที่บริการส่วนกลางที่ครบครันก็เป็นจุดเด่นสำคัญเช่นกัน เซอร์วิสอะพาร์ตเมนต์แห่งนี้ มีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่บนชั้น 11 พร้อมบาร์ริมสระ และคลับเฮาส์ที่ออกแบบให้มีความเป็นส่วนตัว ด้วยบริการที่หรูหราแต่เรียบง่าย 

    เช่นเดียวกับฟิตเนสพร้อมอุปกรณ์ออกกำลังกายที่จัดไว้อย่างครบครัน โดยห้องออกกำลังกายตั้งอยู่บนอาคาร ซึ่งรายรอบด้วยวิวเมืองของกรุงเทพฯ ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังออกกำลังกายอยู่บนจุดชมวิวของกรุงเทพมหานคร 

    แสงแดดยามเย็นส่องผ่านช่องระหว่างอาคาร สะท้อนผิวน้ำในสระส่งประกายอบอุ่นสวยงามและผ่อนคลาย ท่ามกลางบรรยากาศที่เปิดโล่งของโถงชั้น 11 ทำให้แขกผู้มาเยือนสามารถพักผ่อน และอาจใช้เป็นมุมทำงานสไตล์คนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบการทำงานแบบอิสระ work from Anywhere ได้อย่างลงตัว 

    นอกจากฟังก์ชั่นสำหรับผู้ใหญ่แล้ว ในโซนของพื้นที่ส่วนกลางยังออกแบบ่ให้มีห้องเด็กเล่น เพื่อรองรับกลุ่มครอบครัวด้วย ในแง่การใช้พื้นที่มีการออกแบบเผื่อสำหรับการจัดกิจกรรม 

    โดยชั้น 12 ของตัวอาคารได้รับการออกแบบให้เป็นพื้นที่ห้องประชุมหลายขนาด รองรับการประชุมสัมนาได้หลากหลาย เช่นเดียวกับกิจกรรมชงชาในรูปแบบพิเศษที่ Ascott จัดต้อนรับกลุ่มมีเดียอย่างเป็นสัดส่วน ไม่รบกวนโซนห้องพัก เนื่องจากมีโซนห้องประชุมที่เตรียมไว้รองรับอยู่แล้ว และห้องประชุมทั้ง 4 ยังสามารถปรับขนาดเพิ่ม-ลดพื้นที่ให้เหมาะสมได้ตามความต้องการ รองรับกิจกรรมทั้งกลุ่มเล็ก และการประชุมสัมนาขนาดกลางได้เป็นอย่างดี

    พื้นที่บริการที่น่าสนใจอีกแห่ง คือ ร้านอาหารญี่ปุ่นแนวโปรเกรสซีฟไฟน์ไดนิ่ง “Kinki” ซึ่งตั้งอยู่ที่ชั้น 1 ของโครงการ เป็นร้านอาหารที่เปิดให้บริการตลอดทั้งวัน ด้วยความพร้อมและร้านที่ดีไซน์สวยงาม มีครัวเปิดภายในร้านพร้อมโชว์การปรุงอาหารของเชฟ ให้ลูกค้าได้สัมผัสอย่างเป็นกันเอง

    นอกจากฟังก์ชันภายในแล้ว การออกแบบพื้นที่ใช้สอยของอาคารโดยรวมยังมีความโดดเด่นด้วยพื้นที่สวนด้านหน้า ซึ่งเว้นระยะถอยร่นของอาคารจากถนนใหญ่ ตามแบบมาตรฐานการสร้างอาคารสูง ทำให้บริเวณด้านหน้าเป็นพื้นที่โล่งที่เข้า-ออกได้อย่างสะดวก 

    ตอบสนองการใช้ชีวิตในเมืองของคนทำงาน และนักท่องเที่ยวที่ต้องการความสะดวกสบายในการเดินทาง สามารถสัมผัสบรรยากาศย่านธุรกิจสำคัญของกรุงเทพฯ ที่มีระบบขนส่งสาธารณะเชื่อมโยงไปยังพื้นที่ต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ด้วยระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน ซึ่งปัจจุบันมีเส้นทางเชื่อมต่อไปยังพื้นที่ต่างๆ ของกรุงเทพฯ ได้อย่างทั่วถึง


ปูพรม 5 ทำเลต่อเนื่อง

    Ascott Thonglor Bangkok เป็นหนึ่งใน 5 เรสซิเดนซ์ที่ Ascott จะเปิดในกรุงเทพฯ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง Ascott Limited และ บมจ. อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ โดยนอกจากทำเลทองหล่อแล้ว ยังมีทำเลสำคัญๆ อีก 4 แห่งได้แก่ Ascott Embassy Sathorn, Somerset พระราม 9, Somerset พัทยา และ lyf สุขุมวิท 8 

    โดยทุกโครงการเน้นทำเลเป็นจุดขายสำคัญ โดยเฉพาะทำเลที่ตอบโจทย์คนทำงานในเมือง และสามารถเชื่อมโยงการเดินทางสู่ใจกลางเมืองได้อย่างสะดวกรวดเร็ว

    “ทำเล” ถือเป็นหนึ่งในความพรีเมียมของกลุ่ม Ascott จากสิงคโปร์ ผู้ประกอบการที่พักอาศัยระดับนานาชาติ ที่มีอสังหาริมทรัพย์ครอบคลุมกว่า 200 เมืองในกว่า 40 ประเทศในเอเชียแปซิฟิก เอเชียกลาง ยุโรป ตะวันออกกลาง แอฟริกา และสหรัฐอเมริกา

    หากนับจำนวนห้องพักทั้งหมดของผู้ประกอบการจากสิงคโปร์รายนี้มีมากกว่า 89,000 ยูนิต และยังมีอีกประมาณ 64,000 ยูนิตที่อยู่ระหว่างการพัฒนา เมื่อนับรวมกันจะมีห้องพักมากกว่า 153,000 ยูนิต 

    ด้วยอสังหาริมทรัพย์มากกว่า 900 แห่ง ภายใต้แบรนด์เซอร์วิสอะพาร์ตเม้นต์ โคลิฟวิ่งและโรงแรมมากมาย ประกอบด้วย Ascott, The Crest Collection, Somerset, Oakwood, Quest, Citadines, lyf, The Unlimited Collection, Preference, Vertu, Harris, Fox, Yello และ POP เชื่อมโยงลูกค้าด้วยโปรแกรมสมาชิก Ascott Star Rewards ที่มอบสิทธิประโยชน์พิเศษมากมายแก่สมาชิกที่จองที่พักโดยตรงกับโรงแรมในเครือ

    Ascott เป็นสมาชิกของ CapitaLand Investment และเป็นผู้บุกเบิกธุรกิจเซอร์วิสอะพาร์ตเม้นต์ระดับสากลรายแรกในเอเชียแปซิฟิก ด้วยการเปิด The Ascott Singapore ในปี 2527 อยู่ในธุรกิจด้านเซอร์วิสอะพาร์ตเมนต์มานานกว่า 30 ปี มีแบรนด์ต่างๆ ที่ได้รับรางวัลและเป็นที่รู้จักทั่วโลก

    ด้าน CapitaLand Investment Limited (CLI) เป็นผู้จัดการการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ระดับโลก (REIM) มีสถานะที่แข็งแกร่งโดยฐานอยู่ในสิงคโปร์ และมีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ ซึ่งข้อมูลอัปเดต ณ วันที่ 30 กันยายน 2565 CLI ถือครองทรัพย์สินอสังหาริมทรัพย์มูลค่า 130,000 ล้านเหรียญสิงคโปร์ และกองทุนอสังหาริมทรัพย์ภายใต้การจัดการ (FUM) มูลค่า 86,000 ล้านเหรียญสิงคโปร์

    CapitaLand มีการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และทรัสต์ทางธุรกิจ 6 แห่ง และ 30 กองทุนส่วนบุคคลในเอเชียแปซิฟิก ยุโรป และสหรัฐอเมริกา มีสินทรัพย์ด้านอสังหาริมทรัพย์ที่หลากหลาย รวมถึงการพัฒนาแบบบูรณาการ ทั้งพื้นที่ค้าปลีก สำนักงาน ที่พักอาศัย และภาคเศรษฐกิจใหม่ เช่น เขตธุรกิจ อุตสาหกรรม โลจิสติกส์ และศูนย์ข้อมูล

    CLI ต้องการเพิ่ม FUM และรายได้ที่เกี่ยวข้องกับค่าธรรมเนียมด้วยการจัดการการลงทุนและทักษะในการดำเนินงานอย่างเต็มรูปแบบ CLI เป็นส่วนหนึ่งของ CapitaLand Group นั่นหมายความว่า CLI สามารถเข้าถึงความสามารถในการพัฒนาและช่องทางการลงทุนของ CapitaLand ซึ่งสามารถใช้สำหรับพัฒนาโครงการของตนเองได้ 

    CLI แตกต่างจาก REIM อื่นๆ เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศ CapitaLand ที่รู้จักกันดีในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของ CapitaLand Group CLI ที่ยึดถือความยั่งยืนเป็นหัวใจหลักในการดำเนินงานขององค์กร ที่มุ่งมั่นในการลดมลพิษให้เป็นศูนย์ ภายในปี 2593


คลิกอ่านเพิ่มเติม: มอลตัน เกทส์ กรุงเทพกรีฑา นิยามใหม่บ้านซูเปอร์ลักชัวรี ตอบโจทย์ 6 เมกะเทรนด์ที่อยู่อาศัยแห่งอนาคต


ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine