เมื่อทิศทางอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบันคือการมอบประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตยุคใหม่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หนึ่งในผู้นำธุรกิจอสังหาฯ รายใหญ่ของไทย จึงขยับตัวด้วยการทุ่มงบ 80 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 2.8 พันล้านบาท ลงทุนใน 6 ธุรกิจด้านเทคโนโลยีและไลฟ์สไตล์ระดับโลก มุ่งหมายผลักดันแบรนด์แสนสิริให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในตลาดต่างประเทศยิ่งขึ้น
เศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ของ
แสนสิริ กล่าวถึงที่มาว่าเพราะตลาดอสังหาฯ เมืองไทยเติบโตในระดับไม่สูงนัก หากแสนสิริจะโตได้ก็ต้องโตจากยอดต่างประเทศ และต้องโตด้วยผลิตภัณฑ์ที่แตกต่าง จึงพูดคุยกับผู้ก่อตั้งและผู้บริหารธุรกิจด้านเทคโนโลยีและไลฟ์สไตล์ระดับโลกซึ่งรู้จักและคุ้นเคยกันมาก่อนแล้ว นำสู่การจับมืออย่างเป็นทางการเพื่อสร้างโอกาสทางรายได้ของแสนสิริในต่างประเทศ และนำความแข็งแกร่งของพันธมิตรแต่ละรายมาผสานกับธุรกิจอสังหาฯ ของแสนสิริในไทย
ทั้งนี้ แสนสิริเข้าไปลงทุนใน 6 ธุรกิจ ประกอบด้วย
Standard International ซึ่งแสนสิริลงทุนไป 58 ล้านเหรียญ ทำให้กลายเป็นผู้ถือหุ้น 35% ของบริษัทที่ประกอบธุรกิจบูทีคโฮเทลแบรนด์ The Standard ซึ่งมีสาขาทั้งใน New York, Los Angeles, Miami และ London
เศรษฐาอธิบายเหตุผลที่ลงทุนกับบริษัทนี้มากที่สุดเพราะสร้างความรับรู้ในตลาดต่างประเทศได้มาก และมีแผนจะสร้าง The Standard อย่างน้อยที่กรุงเทพฯและภูเก็ต รวมถึงอาจขยาย The Standard ไปที่ฮ่องกง Shanghai และ Tokyo
One Night แอพพลิเคชั่นจองโรงแรมแบบ last minute booking มีเจ้าของคือ Standard International การลงทุนในแอพฯ นี้จะช่วยขยายเครือข่ายการจองโรงแรมในเอเชียได้มากขึ้น
Hostmaker บริษัทผู้ให้บริการบริหารการเช่าที่พักอาศัย และผู้บริหารการจองที่พักของ Airbnb ปัจจุบันมีลูกค้าต่างชาติจำนวนมากที่ซื้ออสังหาฯ ของแสนสิริเพื่อปล่อยเช่า ซึ่ง Hostmaker จะเข้ามาช่วยบริหารให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และเป็นการสร้างโอกาสให้แสนสิริเพราะ Hostmaker ดำเนินธุรกิจในเมืองสำคัญอย่าง London, Rome, Paris และ Barcelona
JustCo ผู้ให้บริการ coworking space รายใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (เว็บไซต์ JustCo รายงานว่าแสนสิริลงทุนไป 12 ล้านเหรียญ) แสนสิริมองว่าธุรกิจนี้ยังเติบโตได้อีกมาก จึงวางแผนเปิดตัว JustCo 4 แห่งในกรุงเทพฯ ขณะนี้เปิดแล้ว 2 แห่งคือที่ เอไอเอ สาทร ทาวเวอร์ และ ออล ซีซันส์ เพลซ
Farmshelf สอดคล้องกับการดูแลสุขภาพของคนรุ่นใหม่ เพราะเป็นนวัตกรรมการเพาะปลูกพืชแบบอัตโนมัติ ที่การทำงานเบื้องหลังคือเทคโนโลยี AI ซึ่งแสนสิริจะเริ่มนำไปไว้ในหมู่บ้านและคลับเฮาส์บางแห่งในไตรมาส 1/2561
Monocle อุตสาหกรรมสื่อสิ่งพิมพ์ที่ปรับตัวเข้ากับไลฟ์สไตล์ ด้วยการแตกไลน์สู่ร้านค้าปลีก บริการที่พัก และคาเฟ่ โดยแสนสิริวางแผนพัฒนาโครงการ mixed-use กับ Monocle ที่กรุงเทพฯ ในปีนี้
ผู้บริหารแสนสิริไม่ได้มองพันธมิตรแต่ละรายแยกจากกัน แต่พร้อมจะผสานความร่วมมือเพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์แปลกใหม่ เช่น นำ JustCo หรือ Monocle Café ไปไว้ใน The Standard เป็นต้น
เมื่อถามถึงคู่แข่งที่ปรับตัวรับกระแส PropTech และสร้างโครงการเพื่อตอบโจทย์คนยุคใหม่ด้วยเช่นกัน เศรษฐาให้คำตอบว่า “ผมไม่คิดว่าผู้ประกอบการอสังหาฯ รายอื่นจะหยุด นี่จึงเป็นแรงบันดาลใจให้เราสู้และพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นเรื่อยๆ”
ภาพ: แสนสิริ