ตลาดรับสร้างบ้านมูลค่า 1.25 หมี่นล้านบาท แนวโน้มทรงตัว "แลนดี้ โฮม" ขยายแนวรุกสวนกระแส บุกตลาดลักชัวรี่ รับสร้างบ้านระดับราคา 60-70 ล้านบาท ชี้เจ้าของกิจการรุ่นใหม่แจ้งเกิดจากธุรกิจเทคโนโลยี ดิจิทัล ฟินเทค พร้อมขยายตลาดบ้านหลังเล็กตลาดต่างจังหวัด
พรรัตน์ มณีรัตนะพร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและผู้อำนวยการฝ่ายขาย บริษัท แลนดี้ โฮม (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า จากข้อมูลของสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ระบุว่าภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านในปี 2562 ที่ผ่านมา มีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 1.25 หมื่นล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 5% คาดว่าแนวโน้มในปีนี้ยังคงทรงตัว แต่สำหรับแลนดี้ โฮม มองสวนกระแส เนื่องจากเห็นความต้องการรับสร้างบ้านเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มตลาดบ้านระดับบน หรือลักชัวรี่ ที่มีระดับราคาตั้งแต่ 15 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งในปีนี้บริษัทคาดว่าจะมีรายได้จากกลุ่มนี้ 400 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเท่าตัวจากปีที่ผ่านมามีรายได้ 200 ล้านบาท
“จากการจัดงานโรดโชว์ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา บริษัทได้รับความสนใจจากนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่ต้องการสร้างบ้านระดับบนที่มีระดับราคาตั้งแต่ 15-60 ล้านบาท โดยเจ้าของกิจการรุ่นใหม่นี้ เป็นผู้มีรายได้มากขึ้นจากการทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี ดิจิทัล การแพทย์ เป็นต้น ซึ่งบริษัทจะให้ความสำคัญกับกลุ่มนี้เป็นหลัก เพราะเห็นแนวโน้มการขยายตัวตั้งแต่ปีที่ผ่านมา” พรรัตน์กล่าว
นอกจากนี้ ได้ปรับราคาสำหรับกลุ่มบ้านหลังเล็ก ที่มีระดับราคา 2-5 ล้านบาท เพื่อขยายตลาดในต่างจังหวัด โดยจะเปิดตัวเทรนดี้โฮม รับสร้างบ้านราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท เพื่อให้สอดคล้องพฤติกรรมและกำลังซื้อของคนต่างจังหวัดที่ต้องการมีบ้านหลังแรก โดยจะเริ่มต้นในพื้นที่โชว์รูมของบริษัท ซึ่งอยู่ที่จังหวัดราชบุรี สระบุรี และนครราชสีมา เป็นต้น ปัจจุบัน บริษัทมีสาขาในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัดรวม 8 แห่ง
ปัจจุบัน สัดส่วนรายได้ของแลนดี้ โฮม มาจากกลุ่มบ้านหลังเล็ก ราคา 2-5 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 40% กลุ่มบ้านขนาดกลาง 5-15 ล้านบาท 40% และกลุ่มบ้านลักชัวรี่ ราคา 15 ล้านบาทขึ้นไป 20% ซึ่งในปีนี้ สัดส่วนรายได้จากกลุ่มบ้านหลังเล็ก และกลุ่มลักชัวรี่จะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น และผลักดันให้บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น 10% หรือมีรายได้ 2 พันล้านบาท จากปีที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้ 1.8 พันล้านบาท เติบโต 15% จากปี 2561
ภัทรา มณีรัตนะพร ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและพัฒนาผลิตภัณฑ์ กล่าวเสริมว่า ปีนี้บริษัทจะใช้งบการตลาดรวมกว่า 50 ล้านบาท เพื่อจัดกิจกรรมการตลาด การประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อสร้างการรับรู้ของผู้บริโภค รวมทั้งการพัฒนาเครื่องมือดิจิทัล เพื่อช่วยลูกค้าในการเข้าถึงสินค้าและบริการของบริษัทได้สะดวกและง่ายดายขึ้น ซึ่งที่ผ่านมา ได้พัฒนาการบริการผ่านไอแพด ปีนี้จะพัฒนาเทคโนโลยี VR และโปรแกรมติดตามงานอัจฉริยะ ที่ช่วยสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้าในทุกขั้นตอนของการก่อสร้าง
สำหรับแนวโน้มความต้องการที่อยู่อาศัยยังคงมีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นไปตามวงจรอายุของบ้าน 20-30 ปี ต้องสร้างใหม่ และมีความต้องการเพิ่มในเรื่องของบ้านที่ทันสมัย บ้านอัจฉริยะ รวมถึงการให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและสภาพแวดล้อมที่ดี เช่น การติดตั้งระบบฟอกอากาศ บ้านสำหรับผู้สูงอายุ ซึ่งบริษัทได้พัฒนาบริการ นวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ พร้อมทั้งโปรโมชั่นที่ช่วยตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า เช่น ในเร็วๆ นี้ บริษัทจะจัดแคมเปญ “ทุบบ้านเก่า สร้างบ้านใหม่” โดยบริษัทจะช่วยออกค่าทุบ และมอบบัตรกำนัลโรงแรมหรือที่พักใกล้เคียงให้ลูกค้าเข้าพักระหว่างการสร้างบ้านใหม่ เป็นต้น
ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine