บ้านระดับกลางบนหนุน "ตลาดรับสร้างบ้าน" ปีนี้มูลค่าแตะ 1.25 หมื่นล้าน - Forbes Thailand

บ้านระดับกลางบนหนุน "ตลาดรับสร้างบ้าน" ปีนี้มูลค่าแตะ 1.25 หมื่นล้าน

PR / PR NEWS
17 Dec 2019 | 06:00 PM
READ 1763

สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านเผย ตลาดรับสร้างบ้าน มูลค่ารวมปีนี้แตะ 12,500 ล้านบาท ชี้บ้านระดับกลางบนยังคงหนุนตลาดเติบโต ขณะที่สัดส่วนของบ้านในต่างจังหวัดขยายตัวเพิ่ม มั่นใจปีหน้ายังเติบโตได้ 5-7%

ศิริพร สิงหรัญ นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เปิดเผยว่า ภาพรวม ตลาดรับสร้างบ้าน ปี 2562 มีมูลค่าตลาดรวมราว 12,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 5% เมื่อเทียบกับปี 2561 ที่มีมูลค่าตลาดรวม 12,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศในปีนี้ส่งผลกระทบกับตลาดรับสร้างบ้านพอสมควร โดยเฉพาะความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีระยะเวลาการตัดสินใจในการเลือกสร้างบ้านที่นานขึ้น แต่เมื่อมีการกระตุ้นทำโปรโมชันหรือการจัดงานแสดงสินค้ารับสร้างบ้าน 2019 ก็สามารถกระตุ้นภาพรวมตลาดช่วงปลายปีได้ค่อนข้างดีเช่นกัน ประกอบกับตลาดในต่างจังหวัดมีการขยายตัวที่เพิ่มขึ้น ทำให้ตัวเลขภาพรวมยังคงมีการขยายตัวได้

ศิริพร กล่าวว่า ภาพรวมปีนี้สมาคมฯ ถือว่าพอใจกับการขยายตัว โดยเหตุผลสำคัญที่ทำให้ตลาดในปีนี้ยังมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น น่าจะมาจากปัจจัย 2 ประการ คือ ประการแรก บ้านระดับกลางบนในปีนี้มีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้น จากการสำรวจยอดขายภายในงานรับสร้างบ้านและวัสดุ 2019 พบว่า บ้านระดับราคา 5.01-10 ล้านบาท ยังคงมีสัดส่วนสูงสุดคือ 28.71% รองลงมาคือบ้านระดับราคา 20.01 ล้านบาทขึ้นไป 23.98% และบ้านระดับราคา 10.01-20 ล้านบาท ที่ 23.88%

ประการที่สอง กำลังซื้อในพื้นที่ต่างจังหวัดขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยเมื่อปี 2560 สัดส่วนของการปลูกสร้างบ้านในกรุงเทพฯ และปริมณฑล และต่างจังหวัดจะอยู่ในสัดส่วน 90:10 ปี 2561 สัดส่วนปรับเป็น 80:20 ขณะที่ในปีนี้สัดส่วนในต่างจังหวัดยังคงมีปริมาณมากขึ้นมาอยู่ที่ 75:25

โดยการที่ตลาดในต่างจังหวัดขยายตัวเพิ่มขึ้นมีเหตุผลมาจากบริษัทรับสร้างบ้านหลายบริษัทขยายการทำธุรกิจไปยังพื้นที่ต่างจังหวัดที่มีศักยภาพมากขึ้น ประกอบกับกลุ่มผู้บริโภคในต่างจังหวัดเริ่มมีความเชื่อมั่นและหันมาใช้บริการบริษัทรับสร้างบ้านแทนกลุ่มผู้รับเหมาเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน รวมถึงในส่วนของกฎหมายภาษีที่ดินที่เจ้าของที่ดินต้องมีการใช้ประโยชน์จากที่ดิน ทำให้ในปีนี้มีลูกค้าที่มีที่ดินในต่างจังหวัดหันมาปลูกสร้างบ้านเพิ่มขึ้นด้วย

ปีหน้าเราตั้งเป้าภาพรวมตลาดน่าจะเติบโตได้อีก 5-7% คิดเป็นมูลค่าตลาดรวมประมาณ 13,000-13,500 ล้านบาท โดยบ้านระดับกลางบนน่าจะยังเป็นตัวนำตลาดเช่นเดิม ขณะที่ตลาดในต่างจังหวัดคิดว่าจะยังมีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง และหลายๆ บริษัทจะมีการขยับออกไปทำตลาดในต่างจังหวัดเพิ่มมากขึ้นศิริพร กล่าว

ศิริพร กล่าวเติมว่า ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมคาดว่ารัฐบาลน่าจะมีมาตรการมากระตุ้นตลาดทางด้านที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน ขณะที่ธนาคารของรัฐเองคาดว่าน่าจะมีสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำออกมาให้ผู้บริโภคได้มากขึ้นตามนโยบายที่ผลักดันมาจากภาครัฐเพิ่มมากขึ้น

โดยในปี 2563 นอกจากเป้าหมายในเรื่องของการเติบโตทางด้านมูลค่ารวมของธุรกิจแล้ว สมาคมฯ ยังตั้งเป้าหมายที่จะพัฒนาในอีกหลายๆ ด้าน อาทิ ด้านการสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานและองค์กรจากต่างประเทศ เพื่อพัฒนาและแลกเปลี่ยนความรู้และการทำการตลาดร่วมกัน โดยล่าสุดได้มีการเซ็น MOU ร่วมกับ Japan Traditional Wooden Home Association หรือ JTA ซึ่งเป็นสมาคมของบริษัทรับสร้างบ้านประเภทไม้ จากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งคาดว่าในอนาคตจะสามารถมีการพัฒนาไปสู่ความร่วมมือในด้านอื่นๆ ต่อไป

นอกจากนี้ สมาคมฯ ยังเน้นในด้านการพัฒนาและเพิ่มจำนวนสมาชิกของสมาคมฯ ให้เพิ่มขึ้นเพื่อสร้างความแข็งแกร่งในระยะยาว การให้ความสำคัญด้านการพัฒนาฝีมือแรงงาน เพื่อยกระดับมาตรฐานของการสร้างบ้านให้เป็นที่ยอมรับ การส่งเสริมศักยภาพการแข่งขันผ่านการจัดงานแสดงสินค้า และการให้ความสำคัญกับเรื่องของการก่อสร้างที่ใส่ใจกับเรื่องสิ่งแวดล้อม เป็นต้น

  อ่านเพิ่มเติม  
ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine