เอพีปรับแผนธุรกิจปี 2561 เปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มเป็น 43 โครงการ มูลค่ารวม 64,750 ล้านบาท มูลค่ามากที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท ครึ่งปีหลังยังเหลือแผนเปิดตัวโครงการแนวราบอีก 30 ทำเล และคอนโดฯ อีก 3 โครงการ ประกาศผลดำเนินงานไตรมาส 1/61 โครงการร่วมทุนดันรายได้โต 27% และยอดขายแตะ 1 หมื่นล้านบาท
อนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) เปิดเผยว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไตรมาส 2 มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีขึ้นจากปัจจัยบวกหลายประการ กำลังซื้อในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังมีอยู่มาก สถานการณ์โดยรวมของตลาดโดยเฉพาะสินค้าแนวราบมีสัญญาณการตอบรับที่ดีมาก ยอดขายและรับรู้รายได้ฝั่งสินค้าแนวราบของเอพีปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ
ดังนั้น เอพีจึงเดินหน้าปรับแผนธุรกิจด้วยการเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มจากแผนเดิม โดยแผนธุรกิจใหม่ของเอพีปี 2561 จะมีการเปิดตัวมากที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท จำนวนทั้งสิ้น 43 โครงการ มูลค่ารวม 64,750 ล้านบาท แบ่งเป็นทาวน์โฮม 21 โครงการ มูลค่า 18,550 ล้านบาท บ้านเดี่ยว 17 โครงการ มูลค่า 20,800 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 5 โครงการ มูลค่า 25,400 ล้านบาท
ทั้งนี้ แผนธุรกิจเดิมของเอพีที่ประกาศไว้ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2561 เดิมจะมีการเปิดตัวทั้งหมด 34 โครงการ มูลค่า 4.9 หมื่นล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 1/61 มีอัตราการเติบโตสูง โดยบริษัทมีรายได้รวมทั้งโครงการแนวราบและคอนโดฯ ร่วมทุน (รวมรายได้ 51% จากคอนโดฯ ร่วมทุน) สูงถึง 6,533 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ด้านกำไรสุทธิ สูงกว่า 800 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 47% จากช่วงเดียวกันปีก่อน
ด้านยอดขายของไตรมาส 1/61 มียอดขายรวมถึง 1 หมื่นล้านบาท เติบโตขึ้น 170% จากช่วงเดียวกันปีก่อน แบ่งเป็นยอดขายฝั่งโครงการแนวราบ 5,200 ล้านบาทซึ่งเติบโต 64% และยอดขายคอนโดฯ 4,800 ล้านบาท ซึ่งเติบโตขึ้น 7 เท่า
ส่วนแผนการเปิดตัวโครงการ ช่วงครึ่งปีแรกเอพีมีการเปิดตัวไปแล้ว 7 โครงการ และในเดือนมิถุนายนจะเปิดอีก 1 โครงการคือ บ้านกลางเมือง วัชรพล และเตรียมเปิดตัวในไตรมาส 3 อีก 16 โครงการ มูลค่า 2.9 หมื่นล้านบาท ปิดท้ายไตรมาส 4 มีแผนเปิดตัว 19 โครงการ มูลค่า 25,380 ล้านบาท
ทั้งนี้ ณ วันที่ 30 เมษายน 2561 บริษัทมีแบ็กล็อกมูลค่ารวม 47,100 ล้านบาท เป็นยอดขายจากโครงการแนวราบ 6,000 ล้านบาทซึ่งคาดว่าจะรับรู้รายได้ได้ทั้งหมดภายในสิ้นปีนี้ และยอดขายจากคอนโดฯ มูลค่า 41,100 ล้านบาทที่จะทยอยรับรู้รายได้จนถึงปี 2565