สตาร์มาร์คปรับตัวตามตลาด รุกหนักขายเฟอร์นิเจอร์เข้าโครงการหรูชิงส่วนแบ่งแบรนด์ต่างประเทศ เชื่อปี 2560 จุดพีคคอนโดฯ-หมู่บ้านไฮเอนด์ดีมานด์สูง แย้มลงทุนสตาร์ทอัพพัฒนาแอพฯตกแต่งบ้านพร้อมเปิดตัวใน 2 เดือน
พีรพัฒน์ ศรีสกุลภิญโญ ประธานกรรมการบริหาร
บริษัท สตาร์มาร์ค แมนูแฟคเชอริ่ง จำกัด ผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์แบรนด์
สตาร์มาร์ค เปิดเผยว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยปี 2559 มีมูลค่าประมาณ 6.5 แสนล้านบาท และคาดว่าปี 2560 จะเติบโตได้อีก 5-10% ซึ่งธุรกิจเฟอร์นิเจอร์จะเติบโตตามตลาดอสังหาฯ ทำให้สตาร์มาร์ควางเป้าการเติบโตที่ 5-10% เช่นกัน
ในแง่การลงทุน บริษัทมีการลงทุนรวม 350-400 ล้านบาทในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนด้านการผลิต ขนส่ง และระบบการจัดการข้อมูลภายในทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ เพื่อให้รับข้อมูลคำสั่งของลูกค้าและนำมาผลิตสินค้าตามความต้องการของลูกค้าด้วยจำนวนมาก
(Mass Customization) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ ระบบออกแบบ 3 มิติ (KDMAX), ระบบถอดแบบและเชื่อมต่อข้อมูลกับเครื่องจักร (IMOS), การจัดการข้อมูลองค์กรด้วยซอฟต์แวร์ Microsoft Dynamics Ax เป็นต้น
พีรพัฒน์กล่าวต่อว่า บริษัทยังให้ทุนกับสตาร์ทอัพแห่งหนึ่งมากว่า 2 ปีแล้วเพื่อพัฒนาแอพพลิเคชั่นด้านการตกแต่งบ้าน (Home Decorations) ซึ่งจะเปิดตัวใน 2 เดือนข้างหน้าและคาดว่าจะนำออกสู่ตลาดได้ทั่วโลก
ด้าน
นันทนา ศรีสกุลภิญโญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานขายและการตลาด
บริษัท สตาร์มาร์ค แมนูแฟคเชอริ่ง จำกัด กล่าวว่า บริษัทมีช่องทางการขายทั้งแบบลูกค้าโครงการ (B2B) และลูกค้ารายย่อย (B2C) ในสัดส่วนใกล้เคียงกันที่ 50:50
โดย
กลุ่มลูกค้าโครงการปีนี้ มองว่าการเติบโตจะมาจากกลุ่มโครงการไฮเอนด์ ซึ่งตลาดจะยังโตต่อเนื่อง 5% หลังจากปี'59 โตขึ้นมา 10% คาดว่าปี 2560 นี้กลุ่มตลาดไฮเอนด์จะพีคสูงสุด หลังจากนี้อาจชะลอการเติบโตลงบ้างเพราะที่ดินพัฒนาโครงการหาได้ยากขึ้น แต่ยังไม่ถึงจุดอิ่มตัวเนื่องจากดีมานด์ชาวต่างชาติเข้ามาซื้อคอนโดมิเนียมเพื่อลงทุนยังมีสูง
ซึ่งสตาร์มาร์คปีนี้จะมุ่งเน้นการรับงาน Mass Customization เฟอร์นิเจอร์ให้โครงการไฮเอนด์มากขึ้น โดยมีประสบการณ์และได้รับงานจากแบรนด์อสังหาฯระดับบนมาแล้วหลายโครงการ เช่น หมู่บ้านมัณฑนา(แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์) บุราสิริ, คุณ บาย ยู(แสนสิริ) บีทนิค สุขุมวิท 32(เอสซี แอสเสท) ลาวีค สุขุมวิท 57(เรียล แอสเสท)
ปัจจุบันสตาร์มาร์คมีสัดส่วนยอดขายจากเฟอร์นิเจอร์เกรดเอ/ไฮเอนด์ ราคามากกว่า 3 แสนบาท/ชุด อยู่ที่ 5% คาดหวังเป้าหมายยอดขายตลาดกลุ่มไฮเอนด์เติบโต 15% ในปีนี้
"คาดว่าตลาดเฟอร์นิเจอร์ปี'60 น่าจะโตในเชิงมูลค่าจากกลุ่มไฮเอนด์เป็นหลัก แต่ถ้าคิดในเชิงปริมาณจำนวนหน่วยที่ขายน่าจะยังทรงตัว" นันทนากล่าว
ส่วนการขายฝั่งรีเทล ปัจจุบันสตาร์มาร์คมีช่องทางจำหน่ายผ่านโมเดิร์นเทรด อาทิ โฮมโปร โฮมเวิร์ค ไทวัสดุ ทั้งหมด 79 สาขา และผ่านดีลเลอร์อีก 61 สาขา และมีร้านค้าแฟล็กชิปสโตร์ที่ CDC อีก 1 แห่ง โดยมีสินค้าหลักคือ
ชุดครัว ช่องทางจำหน่ายรายย่อยจะเน้นขายเฟอร์นิเจอร์ระดับเกรดบี (ราคา 1-3 แสนบาท/ชุด) จนถึงเกรดซี (ต่ำกว่า 3 แสนบาท/ชุด) เป็นหลัก
"เชื่อว่าปี'60 ลูกค้ารายย่อยยังคงมีดีมานด์อยู่ แต่ต้องมีกลยุทธ์การขาย จัดโปรโมชั่นจูงใจเพื่อให้ลูกค้ารู้สึกว่าสามารถซื้อได้ และต้องปรับฟังก์ชันใหม่ๆ ออกมา เรื่องราคาปีนี้เรายังไม่ปรับขึ้น ถึงแม้ต้นทุนวัสดุจำพวกไม้ วัสดุปิดผิวจะขึ้นราคาแล้ว เพราะเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวมากจึงไม่เหมาะที่จะปรับราคา" นันทนากล่าวปิดท้าย
Forbes in Details
-สัดส่วนยอดขายสตาร์มาร์คมาจากสินค้าเกรดเอ 5% เกรดบี 80% และเกรดซี 15%
-ปี 2559 บริษัทมีการทำตลาดต่างประเทศอย่างเป็นทางการ โดยมีดีลเลอร์ในประเทศลาวและกัมพูชาประเทศละ 1 ราย และอนาคตต้องการจะเปิดตลาดพม่าเป็นแห่งถัดไป
-นอกจากการขาย B2B ให้โครงการจัดสรรแล้ว ตั้งเป้าจะรุกตลาด B2B ให้กลุ่มโรงแรมและเซอร์วิสอะพาร์ตเม้นท์มากขึ้น