ลลิลฯ ประเมิน ‘ตลาดอสังหาฯ’ ไทยปี’62 ลดการเติบโตเหลือ 3-4% - Forbes Thailand

ลลิลฯ ประเมิน ‘ตลาดอสังหาฯ’ ไทยปี’62 ลดการเติบโตเหลือ 3-4%

ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ เล็งเศรษฐกิจโลกปี 2562 การเติบโตชะลอตัว ส่งผลเครื่องยนต์การส่งออกของไทยชะงัก บริษัทวางแผนรับมือตลาดอสังหาฯ ลดการเติบโต เน้นพัฒนาโครงการแนวราบเจาะเรียลดีมานด์ ตั้งเป้ายอดขาย-รายได้เติบโต 15%

ไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร และ ชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ สองผู้บริหารจาก บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ร่วมกันแถลงวิสัยทัศน์และแผนการดำเนินงานของบริษัทในปี 2562

โดย ไชยยันต์ กล่าวถึงสถานการณ์เศรษฐกิจไทยในปีนี้ว่า ภาพรวมคาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโตได้ 4.0-4.3% เนื่องจากภาคการส่งออกไทยที่น่าจะเติบโต 4-5% ลดลงจากปีก่อนที่เติบโตได้ 7% ทำให้ปีนี้จีดีพีไทยต้องพึ่งพิงการลงทุนภาครัฐและการท่องเที่ยวเป็นหลัก

ภาวะการส่งออกที่ลดลง ไชยยันต์กล่าวว่าเกิดจากสภาวะเศรษฐกิจโลกในตลาดใหญ่ที่เป็นคู่ค้าของไทยต่างมีแนวโน้มชะลอการเติบโตลงทั้งสิ้น ยกตัวอย่างอ้างอิงจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ประเทศจีนมีแนวโน้มจีดีพีเติบโตลดลงเหลือ 6.2% จากเดิม 6.5% ยุโรปลดเหลือ 1.9% จากเดิม 2% หรือญี่ปุ่นที่เป็นสังคมผู้สูงอายุทำให้จีดีพีลดเหลือ 0.9% จากเดิม 1.1%

สภาวะเศรษฐกิจไทยจะมีผลสะท้อนมายังตลาดอสังหาริมทรัพย์ ไชยยันต์ประเมินว่า ถึงแม้ว่า ตลาดอสังหาฯ ไทยเมื่อปี 2561 จะสามารถเติบโตได้ 6-7% แต่ปีนี้เชื่อว่าจะลดการเติบโตเหลือ 3-4%

ปีก่อนภาพรวมอสังหาฯ อาจมองกันว่าดี แต่ไส้ในนั้นโตเพราะตลาดอาคารชุดโตสูงมาก หลายบริษัทยังขยายธุรกิจอย่างดุเดือด นอกจากนี้ยังมีต่างชาติเข้ามาลงทุนมาก ซึ่งอาจจะทำให้โอเวอร์ซัพพลายได้ ปีนี้เชื่อว่าหลายบริษัทจะมาเน้นแนวราบและควบคุมให้ไม่โตเกินกว่าศักยภาพของตลาด ไชยยันต์กล่าว

(ซ้าย) ไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร และ (ขวา) ชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)

สำหรับลลิลฯ ผลประกอบการเมื่อปี 2561 สามารถสร้างยอดขายและรายได้ได้ตามเป้า โดยมียอดขาย 4,600 ล้านบาท และยอดรับรู้รายได้ 4,080 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากปีก่อนหน้า 15%

ในปี 2562 บริษัทวางแผนเปิดตัวโครงการทั้งหมด 8-10 โครงการ มูลค่ารวม 4,000-4,500 ล้านบาท วางเป้ายอดขาย 5,300 ล้านบาท และเป้ารับรู้รายได้ 4,650 ล้านบาท เติบโตขึ้น 15% ต่อเนื่อง

ชูรัชฏ์ กล่าวว่า โครงการที่จะเปิดตัวในปีนี้เป็นโครงการแนวราบทั้งหมด ยังคงเน้นตลาดคนรุ่นใหม่ที่เพิ่งแยกครอบครัวเช่นเดียวกับ 2-3 ปีที่ผ่านมา คือ กลุ่มแบรนด์ทาวน์เฮาส์ ไลโอ ราคา 2-3 ล้านบาท และแบรนด์บ้านแฝด แลนซิโอ ราคา 3-6 ล้านบาท เป็นหลัก เนื่องจากมองว่าซัพพลายคอนโดมิเนียมยังล้นตลาด

ด้านทำเล กทม.ยังเติบโตได้ดีในระดับหนึ่ง ส่วนต่างจังหวัดยังฟื้นตัวอย่างช้าๆ ทำให้บริษัทเน้นเปิดตัวในกทม. 70-80% ของแผนเปิดโครงการปีนี้" ชูรัชฏ์กล่าว

นอกจากนี้ การบริหารงานภายในของลลิลฯ ปี 2562 จะมีการใช้เทคโนโลยี Big Data ในการเก็บข้อมูลพฤติกรรมผู้บริโภคด้วย เพื่อนำข้อมูลเหล่านี้มาใช้ในการปรับฟังก์ชันบ้านให้ตรงความต้องการของลูกค้าได้ดีขึ้น รวมถึงจัดโปรโมชันการตลาดที่เหมาะกับกลุ่มลูกค้าในแต่ละพื้นที่หรือแต่ละโครงการได้ดีกว่าเดิม ไปจนถึงการจัดกิจกรรมลูกค้าสัมพันธ์หลังการขาย (CRM) ที่เหมาะกับกลุ่มลูกบ้านด้วย

ไชยยันต์ เสริมว่า ปีนี้บริษัทยังคงเน้นระบายสต็อกในมือซึ่งมีอยู่ 1,000-1,500 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นโครงการแนวราบ มีโครงการแนวสูงในย่านลาดพร้าวที่เป็นสต็อกจำนวนไม่มาก อีกส่วนหนึ่งคือการคงสภาพความแข็งแรงทางการเงิน โดยบริษัทมีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) 0.8 เท่านั้น

“ตลาดอสังหาฯ ปี’62 นี้แนะนำผู้ประกอบการ ช่วงไตรมาส 1 ต้องรีบโละสต็อกมาเปลี่ยนเป็นเงินสด ถ้าเป็นผู้ประกอบการนอกตลาดที่อาจจะเข้าถึงข้อมูลไม่มาก ควรจะหาข้อมูลให้ดีว่าท่านแข่งขันได้จริง และพยายามอยู่ในทำเลที่ตนเองชำนาญจะดีที่สุด รวมถึงคุมอัตรา D/E ไม่ให้สูงจนเกินไป เพราะปีนี้เชื่อว่าธนาคารจะคุมเข้มทั้งเงินกู้โครงการและเงินกู้ส่วนบุคคลของลูกค้าด้วย

  Forbes Facts
  • ลลิลฯ วางงบซื้อที่ดินสำหรับปี 2562 ที่ 1,000 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ใช้งบซื้อที่ดินไป 900-950 ล้านบาท
  • บริษัทวางแผนกลยุทธ์การตลาดจะเน้นการทำดิจิทัล มาร์เก็ตติ้งสูงกว่าเดิม เนื่องจากพบว่าลูกค้า 20-30% เข้าถึงโครงการจากช่องทางดังกล่าว และสามารถเจาะกลุ่มลูกค้าได้ชัดเจน
  อ่านเพิ่มเติม