บ้านปู ซื้อโรงไฟฟ้าพลังงานลมบริหารกระแสเงินสด พร้อมลงทุนระยะยาวในเวียดนามตามเป้าหมายขยายพอร์ตพลังงานหมุนเวียน ด้วยมูลค่าลงทุน 66 ล้านเหรียญฯ หรือ 2.07 พันล้านบาท
สมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทเดินหน้าเข้าซื้อโรงไฟฟ้าพลังงานลม El Wind Mui Dinh ประเทศเวียดนาม ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการเติบโตและมีการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนทั้งพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์สูงที่สุดแห่งหนึ่งในโลก สอดคล้องกับกลยุทธ์ Greener & Smarter ของบ้านปูที่มุ่งเน้นการขยายพอร์ตพลังงานหมุนเวียน ด้วยมูลค่าการลงทุนจำนวน 66 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือเทียบเท่าประมาณ 2,065 ล้านบาท “การลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศเวียดนามครั้งนี้ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ Greener & Smarter และนับเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยขยายพอร์ตพลังงานหมุนเวียนให้กับบริษัท รวมถึงเพิ่มรายได้และกระแสเงินสดจากพลังงานหมุนเวียนให้บ้านปู” สำหรับการลงทุนดังกล่าวมาจากกระแสเงินสดของบ้านปูและบ้านปู เพาเวอร์ในสัดส่วนที่เท่ากัน ซึ่งการลงทุนดังกล่าวอยู่ในระหว่างการปฏิบัติตามเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องในสัญญา และการได้รับอนุมัติจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องโดยเป็นการลงทุนผ่านบริษัท BRE Singapore Pte. Ltd. (BRES) บริษัทย่อยที่บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นในอัตราร้อยละ 50 ผ่านบริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด (BanpuNEXT) มีราคารับซื้อไฟฟ้าแบบ Feed-in-Tariff (FIT) ที่ 8.5 เซ็นต์สหรัฐ ต่อกิโลวัตต์ชั่วโมงเป็นระยะเวลา 20 ปีตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าเวียดนาม (Vietnam Electricity หรือ EVN) โดยคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในไตรมาสที่ 4 ของปี 2563 “เวียดนามเป็นประเทศที่เศรษฐกิจเติบโตเร็วที่สุดประเทศหนึ่ง และเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (Gross Domestic Product: GDP) ยังคงขยายตัวสวนทางกับสถานการณ์ของโลก ความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องหมายถึงโอกาสในอนาคตที่เปิดกว้างสำหรับบ้านปู โดยเฉพาะเมื่อไม่นานมานี้รัฐบาลเวียดนามได้ประกาศอนุมัติโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมเพิ่มอีก 7 กิกะวัตต์ ส่งผลให้ประเทศเวียดนามจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าพลังงานลมรวมถึงเกือบ 12 กิกะวัตต์ภายในปี 2568” ขณะที่โรงไฟฟ้าพลังงานลม El Wind Mui Dinh เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ตั้งแต่วันที่ 23 เมษายน 2562 มีกำลังการผลิตติดตั้ง 37.6 เมกะวัตต์ จากกังหันลม 16 ตัว แต่ละตัวมีกำลังการผลิต 2.35 เมกะวัตต์ ซึ่งกังหันลมได้รับการออกแบบและบำรุงรักษาโดยบริษัท Enercon GmbH ผู้เชี่ยวชาญด้านไฟฟ้าพลังงานลมและผู้ผลิตกังหันลมจากประเทศเยอรมนี ซึ่งบ้านปูทำสัญญาผ่าน Enercon Partner Konzept (EPK) โดยครอบคลุมการบำรุงรักษาเป็นระยะเวลา 20 ปี ซึ่งสัญญานี้จะเพิ่มเสถียรภาพในการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าได้ในระยะยาว นอกจากนั้น โรงไฟฟ้าพลังงานลม El Wind Mui Dinh ตั้งอยู่ในจังหวัดนินห์ถ่วน บริเวณชายฝั่งทะเลภาคกลางตอนใต้ของเวียดนาม ซึ่งเป็นทำเลที่น่าจับตามองสำหรับการลงทุนด้านพลังงานหมุนเวียนในประเทศเวียดนามเนื่องจากนโยบายสนับสนุนการลงทุนของรัฐบาลเวียดนามที่เอื้อให้กับผู้พัฒนาและนักลงทุนสามารถเข้ามาสร้างโอกาสในพื้นที่จังหวัดนี้ได้ รวมถึงความเร็วและแรงของลมทำให้ในปัจจุบันพลังงานหมุนเวียนภายในประเทศกว่าร้อยละ 80 มีแหล่งการผลิตจากจังหวัดดังกล่าว “ในฐานะบริษัทที่บุกเบิกการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนที่เข้ามาในตลาดเวียดนาม โดยเฉพาะในจังหวัดนินห์ถ่วนที่เป็นแหล่งพลังงานหมุนเวียนที่สำคัญ ซึ่งบ้านปูกำลังวางรากฐานสำหรับการลงทุนในระยะยาว โดยเพิ่มโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ เพื่อเสริมพอร์ตพลังงานหมุนเวียนของเรา” ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทบ้านปูวางเป้าหมายการผลิตไฟฟ้ารวม 6,100 เมกะวัตต์ภายในปี 2568 โดยเน้นการลงทุนในตลาดที่ความต้องการใช้พลังงานมีการเติบโต โดยมีบริษัทบ้านปูเน็กซ์มุ่งมั่นนำทัพในการพัฒนาพลังงานหมุนเวียน รวมถึงเทคโนโลยีด้านพลังงานต่อไป รวมโรงไฟฟ้าพลังงานลม El Wind Mui Dinh บ้านปูจะมีกำลังผลิตรวมจากพลังงานหมุนเวียน 814 เมกะวัตต์ “บริษัทมีความมุ่งมั่นสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืน และเป็นไปในทิศทางเดียวกับเทรนด์พลังงานระดับภูมิภาคในการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Decarbonization) ด้วยกำลังผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน เราสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้เกือบ 7 แสนตันต่อปี หรือเท่ากับการปลูกต้นไม้กว่า 40 ล้านต้น ในส่วนของการลงทุนในอนาคตอันใกล้ บ้านปูมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจซึ่งสามารถสร้างกระแสเงินสดที่มั่นคงและต่อเนื่อง มีผลตอบแทนสูง และให้ผลตอบแทนระยะยาวสำหรับผู้มีส่วนได้เสียของเรา”อ่านเพิ่มเติม: บมจ.โพลีเพล็กซ์ ชี้ธุรกิจแผ่นฟิล์ม PET แกร่ง รับเศรษฐกิจโลก
ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine