บมจ.โพลีเพล็กซ์ (ประเทศไทย) หรือ PTL ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายแผ่นฟิล์ม PET เพื่อใช้ในบรรจุภัณฑ์อาหารและอุตสาหกรรมที่หลากหลาย เปิดเกมรุกธุรกิจ ชูศักยภาพด้านฐานการผลิตยักษ์ใหญ่อันดับ 5 ของโลก รับความต้องการใช้ในกลุ่มบรรจุภัณฑ์อุตสาหกรรมอาหารพุ่งร้อยละ 30-40 จากปัจจัย COVID-19 พร้อมสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ หนุนความมั่นคงด้านรายได้ มั่นใจผลการดำเนินงานปี 2563 เติบโตได้ดี
อมิต ปรากาซ กรรมการผู้จัดการ บมจ.โพลีเพล็กซ์ หรือ PTL ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายแผ่นฟิล์ม PET เพื่อใช้ในบรรจุภัณฑ์อาหารและอุตสาหกรรมที่หลากหลาย เปิดเผยว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมแผ่นพิล์ม PET ในตลาดโลกมีแนวโน้มเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์แผ่นฟิล์ม PET ชนิดบาง ที่ได้รับความนิยมนำไปใช้ในบรรจุภัณฑ์แบบอ่อนตัว (Flexible Packaging) ในอุตสาหกรรมอาหารและสินค้าอุปโภคบริโภคอื่นๆ มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงวิกฤตโควิด-19 เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคทั่วโลกเปลี่ยนแปลงไปหันมาสั่งซื้อสินค้าและอาหารผ่านทาง Online มากขึ้น ทำให้กลุ่มผู้ผลิตแผ่นฟิล์ม PET ของโลกได้รับประโยชน์และเร่งผลิตสินค้ารองรับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยมีการประเมินว่า ตลาดผลิตภัณฑ์แผ่นฟิล์ม PET ชนิดบาง เพื่อนำไปใช้ในบรรจุภัณฑ์อาหารและสินค้าอุปโภคบริโภคของภูมิภาคอาเซียน ช่วงโควิด-19 เติบโตสูงถึงร้อยละ 30-40 จากเดิมเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 5-7 ต่อปี ทั้งนี้ บริษัทฯ ถือเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายแผ่นฟิล์ม PET รายใหญ่ที่สุดของไทย และเป็นอันดับ 5 ของโลก จากฐานการผลิตใน 5 ประเทศ ประกอบด้วย อินเดีย ไทย อินโดนีเซีย ตุรกีและสหรัฐอเมริกา จึงได้รับอานิสงส์ในเชิงบวกจากปริมาณความต้องการใช้แผ่นฟิล์ม PET ชนิดบางที่เพิ่มขึ้น และคาดว่าจะเติบโตได้ต่อเนื่องในระยะยาวในอัตราปกติร้อยละ 5-7 ต่อปี โดยเอเชียถือเป็นตลาดใหญ่ ที่มีสัดส่วนการใช้แผ่นฟิล์ม PET ชนิดบาง คิดเป็น 3 ใน 4 ของแผ่นฟิล์มทั่วโลก เนื่องจาก ณ ปัจจุบัน ในหลายประเทศยังมีอัตราการใช้วัสดุบรรจุภัณฑ์ต่อหัวต่อปียังต่ำเมื่อเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้ว จึงเป็นโอกาสที่ดีของบริษัทฯ ที่มุ่งผลิตแผ่นฟิล์ม PET ชนิดบาง รับความต้องการของใช้ในภูมิภาคนี้มากขึ้น ขณะที่ตลาดแผ่นฟิล์ม PET ชนิดหนา ที่ถูกนำไปใช้ในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย เช่น เทปฉลาก การเคลือบด้วยความร้อน การถ่ายภาพและงานกราฟิก แผงโซล่าเซลล์ การก่อสร้าง และอุปกรณ์เกี่ยวกับแสง แม้ว่าที่ผ่านมาจะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาด โควิด-19 แต่หลังจากที่หลายประเทศได้ประกาศคลายล็อกดาวน์ ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาเดินหน้าได้อีกครั้ง จึงคาดว่าความต้องการจะฟื้นตัวกลับมาสู่ภาวะปกติ ซึ่งมีอัตราขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 4-6 ต่อปี และช่วยสนับสนุนการขยายธุรกิจของบริษัทฯ รับจังหวะเศรษฐกิจฟื้นตัว
ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine