Salotto (ซาลอตโต้) ผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์จากกาแฟทุกรูปแบบ ทั้งเครื่องบด เครื่องคั่ว เครื่องชง รวมถึงเมล็ดกาแฟ จับเทรนด์คนรุ่นใหม่ สาย Specialty Coffee ส่ง “PROBAT” เครื่องคั่วกาแฟระดับตำนานจากเยอรมนีที่มีประวัติยาวนานกว่า 150 ปี มุ่งให้ครอบคลุมทุกกลุ่มผู้บริโภค ตอกย้ำความเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกาแฟแบบครบวงจร ตั้งเป้าภายในสิ้นปี 2565 ยอดขายแตะ 20 ล้านบาท เติบโต 35%
อภิชา แย้มเกษร ผู้ก่อตั้ง บริษัท ซาลอตโต้ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือลิขสิทธิ์การนำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องคั่วกาแฟ PROBAT กล่าวว่า PROBAT ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1868 โดย Theodor von Gimborn , Alex van Gülpen และ Johann Heinrich Lensing โดยมีเป้าหมายในการนำกาแฟที่โดดเด่นในเรื่องของคุณภาพที่สามารถทำซ้ำได้และมีในปริมาณมากออกสู่ตลาด เน้นการใช้เครื่องคั่วที่เป็นนวัตกรรมใหม่ในอุตสาหกรรมการคั่วกาแฟ โดย Salotto ได้รับเลือกให้เป็นตัวแทน PROBAT Authorized Dealer เจ้าเดียวในประเทศไทย ซึ่งกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ของเราก็เป็นกลุ่มลูกค้าพรีเมียม เนื่องจากตัวเครื่องคั่วเมล็ดกาแฟ PROBAT เป็นเครื่องคั่วที่ผลิตอย่างพิถีพิถันและใช้เทคโนโลยีสูง อย่าง P Series ที่เปิดตัวไปล่าสุดเมื่อต้นปี 2021 เมื่อคั่วกาแฟจบแล้วก็สามารถบันทึกข้อมูลเก็บไว้ได้ เมื่อต้องการคั่วกาแฟซ้ำก็สามารถทำซ้ำได้เองโดยอัตโนมัติ รวมถึงหากทำในสภาพอากาศที่แตกต่างกัน ตัวเครื่องก็จะปรับเปลี่ยนให้เองอัตโนมัติด้วย โดยจุดเด่นที่ทำให้ PROBAT แตกต่างจากแบรนด์เครื่องคั่วกาแฟอื่นๆ คือ PROBAT ได้ค้นคว้าและสั่งสมความรู้เรื่องเทคนิคการคั่วมาเป็นเวลานานกว่า 150 ปี นั่นจึงทำให้ PROBAT เป็นเครื่องคั่วกาแฟที่มีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ามากกว่าเครื่องคั่วกาแฟแบรนด์อื่น และจุดเด่นอีกอย่างคือระบบของ Drum หรือถังคั่วที่มีการออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ PROBAT เองทำให้เกิดการหมุนเวียนของเมล็ดกาแฟได้ดี เมล็ดกาแฟในถังคั่วจึงได้รับความร้อนอย่างทั่วถึงและสุกเสมอกัน รวมทั้งยังมีระบบการดูแล Service ลูกค้าที่ดี ซึ่งในหลายบริษัทชั้นนำระดับโลกยังใช้เครื่องคั่วกาแฟ PROBAT หลายเครื่องคั่วที่มีอายุ 40-50 ปีก็ยังใช้อยู่ และเมื่อลูกค้าต้องการเครื่องคั่วกาแฟใหม่เพิ่มก็ยังคงเลือกใช้ PROBAT อยู่เสมอ” โดยการขยายตลาดในครั้งนี้ เรามองว่าเทรนด์ใหม่ที่กำลังมาคือคนกลุ่ม New Roaster ซึ่งเป็นเจ้าของร้านกาแฟ นอกเหนือจากกลุ่มพรีเมียมที่ทำโรงคั่วกาแฟระดับมืออาชีพอย่างที่ผ่านมา คนกลุ่มใหม่นี้มีความต้องการที่จะคั่วกาแฟในสไตล์ของตัวเอง ดังนั้นก็จะสามารถเข้าถึง PROBAT ได้ง่ายขึ้น โดยจะเน้นไปที่เครื่องคั่วกาแฟขนาดเล็ก (1-12 กิโลกรัม) ในราคาที่รวม Option ทุกอย่างเข้าไว้ด้วยกัน ที่สำคัญคือมีระบบผ่อนชำระที่จะเข้ามาช่วยเสริมในส่วนนี้ด้วย โดยตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 20 ล้านบาทในปี 2022 นี้ คิดเป็นอัตราการเติบโตเท่ากับ 35% “สำหรับส่วนแบ่งทางการตลาดในกลุ่มเครื่องคั่วกาแฟทุกระดับนั้น ส่วนแบ่งของ PROBAT อยู่ที่ประมาณ 30% โดยเครื่องคั่วกาแฟกลุ่มพรีเมียมนั้นมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ประมาณ 65% และในเดือนมิถุนายนนี้จะมีการเปิดตัวเครื่องคั่วกาแฟขนาดเล็ก ขนาด 1 กิโลกรัม ซึ่งเป็นรุ่นใหม่ล่าสุด เครื่องคั่วกาแฟรุ่นนี้จะทำให้เราเข้าถึงกลุ่มลูกค้าร้านกาแฟที่เป็นคนรุ่นใหม่มากขึ้น" ด้าน สำหรับสถานการณ์โควิดนี้ แบรนด์ PROBAT และธุรกิจของ Salotto ได้รับผลกระทบน้อยมาก แม้ว่ายอดขายกาแฟคั่วจะลดลงเกือบร้อยละ 40 แต่ยอดขายของเครื่องคั่วกาแฟกลับโตขึ้นถึง 200 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งยอดรวมของตลาดกาแฟไทยในปี 2563 มีมูลค่าประมาณ 60,000 ล้านบาทและหดตัวลงอยู่ในช่วงกว้างๆ ราวร้อยละ 10-50 โดย Salotto ตั้งเป้าไว้ว่าปีนี้จะต้องเพิ่มมูลค่าการขยายตัวของยอดขายกาแฟให้ได้ร้อยละ 20-30 และเครื่องคั่วกาแฟร้อยละ 35 โดยจะมีการขยายไปยังประเทศเพื่อนบ้านด้วย เช่น ลาว และพม่า” อ่านเพิ่มเติม: 5 นาฬิการาคา (เกือบ) สบายกระเป๋าจาก Dubai Watch Weekไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine