เมื่อธุรกิจเชื่อมโยงกับโลกดิจิทัล โอกาสใหม่จากโลกเสมือน Metaverse กลายเป็นทางเลือกที่น่าตื่นเต้น MQDC รุกปักธงนำธุรกิจเข้าสู่โลกดิจิทัล ต่อยอดดิจิทัลแอสเซท สร้างโอกาสโลกเสมือนเป็นทางเลือกใหม่ให้ผู้บริโภค
ช่วงบ่ายวันที่ 7 เมษายน 2565 บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ ได้ประกาศความร่วมมือกับเอคเซนเชอร์ (Accenture) บริษัทผู้ให้บริการด้านพัฒนาธุรกิจชั้นนำระดับโลก เข้ามาพัฒนา Metaverse ให้กับ MQDC ซึ่งเป็นโครงการที่จะสร้างประสบการณ์เชื่อมต่อระหว่างโลกความจริงและโลกเสมือน เพื่อนำความสุขแบบยั่งยืนเหนือจินตนาการเข้ามาสูโลกธุรกิจ โดย Accenture จะเป็นผู้พัฒนาโลกเสมือนให้กับกลุ่ม “ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญ ที่จะทำให้เราเดินหน้าขยายองค์กรไปสู่ธุรกิจใหม่ โดยธุรกิจ Metaverse จะทำให้เราไม่ได้เป็นเพียงผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้สร้างประสบการณ์ใหม่ไร้ขีดจำกัดให้แก่ลูกค้าและผู้ใช้บริการ ตลอดจนพันธมิตรและผู้ที่สนใจเข้าร่วมในโลกแห่งนวัตกรรมใหม่ที่เชื่อมต่อโลกแห่งความจริงและโลกเสมือนเข้าไว้ด้วยกันอีกด้วย” วิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าว เขายังบอกด้วยว่า ภายใต้แนวคิด “For All Well-Being” เราเชื่อว่าความมุ่งมั่นในการค้นคว้าวิจัยเทคโนโลยีใหม่ ผสานเข้ากับความคิดนอกกรอบ ซึ่งเป็นทิศทางการทำงานของบริษัทฯ มาโดยตลอด ทำให้เป็นผู้บุกเบิกด้านเทคโนโลยี เพื่อนำความเป็นอยู่ที่ดีอย่างยั่งยืนมาสู่ผู้คน สังคม และทุกสิ่งบนโลกได้อย่างไร้ขีดจำกัดในยุคดิจิทัลเปลี่ยนแปลงโลกเชื่อมจักรวาลทรานสลูเซีย
“ในอนาคต โครงการเมตาเวิร์สของกลุ่มจะเชื่อมต่อเข้าเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาล ทรานสลูเซีย เมตาเวิร์ส (Translucia Metaverse) ซึ่งเป็นโครงการเมกะเมตาเวิร์สที่ริเริ่มก่อตั้งและดำเนินการโดยบริษัท ทีแอนด์บี มีเดีย โกลบอล (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทผู้ผลิตคอนเทนต์เพื่อความบันเทิงและซีรี่ส์แอนิเมชั่นระดับโลก “เราเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายแรกที่เข้าร่วมเป็นพันธมิตรในโครงการทรานสลูเซีย เรามุ่งมั่นที่จะพัฒนาโลกเมตาเวิร์สของเรา ให้เป็นโลกใหม่ที่เป็นสังคมที่อบอุ่นและเปี่ยมสุขยั่งยืน” วิสิษฐ์ ย้ำและว่า ที่ผ่านมาเราได้ดำเนินกลยุทธ์เพื่อพัฒนาโครงการต่างๆ ทั้งด้านโครงการอสังหาริมทรัพย์และด้านเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลมาจนถึงโครงการล่าสุดระดับโลกอย่าง Metaverse เพื่อตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจตามพันธกิจ “For All Well-Being” ที่ต้องการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืนให้กับทุกชีวิตบนโลกใบนี้ ด้าน ภารุต เพ็ญพายัพ ผู้อำนวยการโครงการเมตาเวิร์ส กล่าวว่า การสร้างโลกเมตาเวิร์สใหม่นี้ เป็นการผสมผสานเทคโนโลยีขั้นสูงและสติปัญญาอันเป็นเลิศของมนุษย์เข้าไว้ด้วยกัน มาสร้างโลกเมตาเวิร์ส ในมิติใหม่ที่ก่อเกิดความเปลี่ยนแปลงในเชิงบวก การทำงานกับเอคเซนเชอร์ เป็นการทำงานร่วมกันในการวางแผน ออกแบบรูปแบบโครงการเมตาเวิร์ส ทำการวิจัยตลาดความต้องการ ลูกค้าและผู้ใช้บริการ วางโครงร่างรูปแบบธุรกิจ ไปจนถึงการวางแนวทางการออกแบบประสบการณ์เหนือจินตนาการให้กับโครงการเมตาเวิร์ส “แนวคิดของโครงการนี้ แบ่งออกเป็นสามส่วน ได้แก่ ส่วนแรกคือการมอบประสบการณ์เหนือจินตนาการให้กับลูกค้าและผู้ใช้บริการในโครงการอสังหาริมทรัพย์ของกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้บริการเดิมหรือลูกค้ารายใหม่ ส่วนที่สองจะเป็นการพัฒนาพื้นที่ใหม่ให้กับคนที่มีความสนใจที่จะเข้าร่วมพัฒนาธุรกิจบนเมตาเวิร์ส และสุดท้ายการสร้างพื้นที่ที่เชื่อมต่อระหว่างโลกแห่งความจริงและโลกเสมือนอย่างไร้ขีดจำกัด เพื่อให้ลูกค้าและบุคคลทั่วไปที่สนใจได้เข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ เพื่อสัมผัสประสบการณ์แบบไฮบริดที่ยังไม่เคยมีที่ไหนในโลก” ภารุต อธิบาย ซึ่งหลายอย่างยังคงต้องใช้จินตนาการ เนื่องจากเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหม่ อย่างไรก็ตามภารุต ย้ำว่า บริษัทมีความมั่นใจในการพัฒนาโครงการนี้ ด้วยความเชี่ยวชาญ ความคิดสร้างสรรค์ เทคโนโลยีตลอดจนมีความเข้าใจในการพัฒนาเมตาเวิร์สเป็นอย่างดีของเอคเซนเชอร์ จะทำให้โครงการเมตาเวิร์ส สามารถสร้างคุณค่าและคุณประโยชน์ต่อผู้ใช้บริการได้อย่างเต็มที่ โดยจะได้รับการพัฒนาด้วยเทคโนโลยีล้ำหน้า มอบโลกใหม่ที่สมบูรณ์แบบให้ความรู้สึกดื่มด่ำเหนือจินตนาการ มีความเป็นหนึ่งเดียวและพร้อมแบ่งปันความสุขอันยั่งยืนได้ตามพันธกิจหลักของเราได้อย่างแน่นอน ด้านผู้บริหารแอคเซนเซอร์ Divyesh Vithlani กรรมการผู้จัดการใหญ่ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท เอคเซนเชอร์ กล่าวว่า เทคโนโลยี เวบ 3.0 และเมตาเวิร์ส จะให้โอกาสทางตลาดที่เหนือกว่าโอกาสทางเศรษฐกิจที่เกิดจากเทคโนโลยี เวบ 2.0 แอคเซนเซอร์ รู้สึกตื่นเต้นยินดีเป็นอย่างมากที่ได้รับโอกาสมาร่วมขับเคลื่อนโครงการเมตาเวิร์สให้เป็นจริง “ด้วยการก่อตั้งกลุ่มธุรกิจ Metaverse Continuum ขึ้น ทำให้เราได้มีบทบาทสำคัญในการกำหนดแผนงานและ สนับสนุนธุรกิจต่างๆ ให้ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีขั้นสูงได้อย่างเต็มที่ เราหวังว่าเราจะสามารถสนับสนุนในการพัฒนาโครงการเมตาเวิร์สให้เป็นสังคมแห่งเศรษฐกิจยั่งยืนและเปี่ยมสุข โดยผู้ใช้บริการสามารถใช้งานในพื้นที่นี้ได้อย่างหลากหลายและมีอำนาจกำหนดทางเลือกให้ตนเอง ไม่ว่าจะเป็นวิธีการทำงาน เลือกใช้ชีวิต เลือกทำกิจกรรมได้และเรียนรู้ในสิ่งที่ต้องการได้ตามความต้องการ ในขณะที่มีส่วนร่วมสร้างชุมชนและวัฒนธรรมในแบบของตน อีกทั้ง ความร่วมมือครั้งนี้จะนำมาซึ่งโครงการตัวอย่างชั้นเยี่ยมสำหรับวงการเมตาเวิร์ส ที่จะได้เห็นว่าการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีและนวัตกรรม สามารถสร้างคุณค่าเชิงธุรกิจและมอบประสบการณ์สุดพิเศษให้แก่ผู้ใช้บริการได้อย่างไร” Divyesh กล่าวปั้นธุรกิจสู่โลกดิจิทัล
Husin Adam กรรมการผู้จัดการกลุ่มธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคและอุตสาหกรรมค้าปลีก เอคเซนเชอร์ ประเทศไทย กล่าวว่า “ลองนึกภาพโลก 3 มิติเสมือนจริงที่คุณสามารถตอกย้ำความเป็นตัวตนของคุณหรือสร้างตัวตนใหม่ในรูปแบบที่ต่างออกไปเพื่อสร้างผลกระทบในเชิงบวกต่อภาคธุรกิจ สังคมและชุมชน และทำได้อย่างสะดวกสบาย ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนโดยไม่มีขอบเขตทางภูมิศาสตร์มากำหนด โลกเมตาเวิร์สสามารถให้อิสรภาพแก่ผู้ใช้งาน ไม่ว่าจะสร้าง สำรวจ หรือมีส่วนร่วมในกิจกรรมและสนุกสนานได้ในสภาพแวดล้อมต่างๆได้ตามต้องการอย่างไร้ขีดจำกัด การทำงานร่วมกันระหว่างทั้งสองบริษัทจะช่วยขยายขอบเขตของโลกดิจิทัลให้กว้างไกลและนำผู้ใช้บริการไปสู่ประสบการณ์อันดื่มด่ำในสภาพแวดล้อมที่พร้อมพรั่งไปด้วยโลกกายภาพ โลกเสมือนจริงและแฟนตาซี” นอกจากโครงการ Translucia Metaverse แล้ว MQDC ยังได้ร่วมเป็นหนึ่งใน 11 พันธมิตรของ ทีแอนด์บี มีเดีย โกลบอลในการร่วมออกยูทิลิตี้ โทเคน Crown Token ซึ่งเทรดบนแพลตฟอร์ม ZIPMEX เมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่ง Crown Token ถือว่าเป็นยูทิลิตี้ โทเคน ที่ได้รับการพัฒนาบนระบบอีโคซิสเต็มครบวงจร ด้วยความร่วมมือของพันธมิตรในไทยและนานาประเทศทั่วโลกจากหลากหลายวงการทั้งธุรกิจบันเทิง ฟินเทค อีสปอร์ต และสถาบันการศึกษา รวมทั้งยังเชื่อมโยงกับผลงานทรัพย์สินทางปัญญาที่พัฒนาโดยทีแอนด์บีและพันธมิตรอีกด้วย อ่านเพิ่มเติม: กลุ่มโรมแรม เอ-วัน ทุ่มงบ 250 ล้านบาท รีโนเวท “โรงแรมเอ-วัน พัทยา” เปิดโซน ‘Kids Club’ เจาะกลุ่มตลาดครอบครัวไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine