ITTHI ดันอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เข้าตลาดฯ - Forbes Thailand

ITTHI ดันอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เข้าตลาดฯ

บมจ.อิทธิฤทธิ์ ไนซ์ คอร์ปอเรชั่น หรือ ITTHI เตรียมระดมทุนสร้างการเติบโตในธุรกิจอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าส่องสว่าง อุปกรณ์ประเภท IET (Internet Every Thing) และผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ พร้อมรับโอกาสการเติบโตในอนาคต



    ธนเสฏฐ์ อัครบุญญาพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อิทธิฤทธิ์ ไนซ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ITTHI เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้นับหนึ่งแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนของ ITTHI ที่ได้ยื่นขอเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 70 ล้านหุ้น คิดเป็น 25.93% ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท ซึ่งคาดการณ์เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายในปี 2566 ในหมวดธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค

    สำหรับในปัจจุบันบริษัทประกอบธุรกิจ 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ ธุรกิจจัดจำหน่ายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าส่องสว่าง และอุปกรณ์ประเภท IET (Internet Every Thing) โดยบริษัทเป็นผู้จัดจำหน่ายอุปกรณ์ส่องสว่างประเภท หลอดไฟ โคมไฟ และส่วนควบอื่นๆ ด้วยเครื่องหมายการค้าในนาม “LIGHTTRIO” และแบรนด์ชั้นนำที่ได้รับความนิยมทั่วไป

    ขณะเดียวกันยังประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อประเภทแอลกอฮอล์ โดยบริษัทดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อประเภทแอลกอฮอล์ ซึ่งบริษัทได้ดำเนินการจดแจ้งการผลิตเพื่อขายเครื่องสำอางประเภทแอลกอฮอล์เพื่อสุขอนามัยสำหรับมือและผิวกาย ชนิดไม่ล้างออก ในลักษณะเจล สเปรย์ไม่อัดแก๊ส และของเหลว ในบรรจุภัณฑ์หลากหลายแบบและหลากหลายขนาด ภายใต้แบรนด์ “UNION CLEAN” รวมถึงการรับจ้างผลิตแบบ OEM แก่ลูกค้าที่สนใจทั่วไป

    ด้านจุดเด่นของบริษัทอยู่ที่ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญมากกว่า 24 ปี ความพร้อมของทีมงานในการให้บริการ ความสร้างสรรค์ ความสร้างสรรค์ของผลิตภัณฑ์ที่สามารถรองรับความต้องการของลูกค้าในหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรม การจัดส่งที่รวดเร็ว การบริการหลังการขายที่ดี

    การพัฒนาความรู้และความสามารถของทรัพยากรบุคคลของบริษัทอย่างสม่ำเสมอ การรักษาฐานลูกค้าเดิมให้เกิดการซื้อหรือใช้บริการซ้ำอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ โดยกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของบริษัท ได้แก่ กลุ่มลูกค้าโครงการ กลุ่มลูกค้าขายส่ง กลุ่มลูกค้ารายย่อย และกลุ่มลูกค้าราชการ

    “การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ถือเป็นก้าวสำคัญของบริษัทในการขยายธุรกิจ เพื่อเพิ่มโอกาสในการเติบโต โดยมีเป้าหมายจะเป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ประเภทผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าส่องสว่าง พลังงานทดแทน อุปกรณ์เทคโนโลยีอัจฉริยะ ซึ่งบริษัทมุ่งมั่นที่จะพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อให้เข้ากับทุกรูปแบบการใช้ชีวิตของคนทุกเพศทุกวัย

    เพื่อทำให้ทุกสถานที่ซึ่งมีผลิตภัณฑ์ของบริษัทเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในการใช้ชีวิต ประหยัดพลังงาน มีบรรยากาศที่สวยงามและมีความปลอดภัย โดย ITTHI จะร่วมแบ่งปันความสุขความประทับใจผ่านแสงสว่างในราคาที่ทุกคนจับต้องได้ และยังเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนและนักลงทุนได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการต่อยอดความสำเร็จของ ITTHI”

    ธนเสฏฐ์ กล่าวถึงวัตถุประสงค์ในการนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหลักทรัพย์ในครั้งนี้ จะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบกิจการ และในกรณีที่ระยะเวลาเหมาะสม หรือเกิดประโยชน์สูงสุดต่อกิจการ ภายในปี 2566-2567 รองรับการเติบโตของ ITTHI เพิ่มความน่าเชื่อถือรวมถึงเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน

    สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 2562 – 2564) กลุ่มบริษัทมีรายได้จากการขายและให้บริการ 186.28 ล้านบาท 231.21 ล้านบาท และ 216.02 ล้านบาท ตามลำดับ และสำหรับงวด 9 เดือนแรกปี 2564 และปี 2565 เท่ากับ 99.79 ล้านบาท และ 99.42 ล้านบาท ตามลำดับ โดยบริษัทมีรายได้หลักจากการจัดจำหน่ายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในสัดส่วนประมาณ 73.78 - 99.24% ของรายได้รวม

    ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 6.83 ล้านบาท 18.49 ล้านบาท 15.04 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุท 3.66% 8.00% และ 6.96% ตามลำดับ และในงวด 9 เดือนปี 2564 และ 2565 บริษัทมีกำไรสุทธิ 5.56 ล้านบาทและ 10.96 ล้านบาทตามลำดับ โดยสาเหตุมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากกลุ่มธุรกิจสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ตามแนวโน้มของภาพรวมของธุรกิจกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องภายหลังสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่อนคลายลงเป็นหลัก

    นอกจากนั้น ธนเสฏฐ์ยังเชื่อมั่นในแนวโน้มการเติบโตทางธุรกิจ โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าส่องสว่างถือเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีความเกี่ยวโยงกับอุตสาหกรรมก่อสร้าง ซึ่งฐานลูกค้าหลักของบริษัท ได้แก่ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัย เช่น คอนโดมิเนียมและโครงการบ้านจัดสรร รวมถึง อาคารทุกประเภท เช่น ศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน โชว์รูม ร้านค้า ร้านอาหาร โรงงานอุตสาหกรรม โรงพยาบาล โรงแรม โรงเรียน คลังสินค้า สนามบิน

    ขณะเดียวกันผู้บริโภคทั่วไปยังมีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงมาเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดีกว่า ประหยัดพลังงานมากกว่า หรือมีรูปแบบสวยงามกว่า และการซื้อเพื่อทดแทนของเดิมที่ชำรุดหรือหมดอายุ ดังนั้น การเติบโตและการเปิดตัวโครงการใหม่ของผู้ประกอบการในกลุ่มอุตสาหกรรมดังกล่าวจึงเป็นปัจจัยบวกที่ส่งผลต่อการขยายตัวของผลประกอบการของบริษัทในฐานะที่บริษัทดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์โคมไฟฟ้าแสงสว่างอย่างครบวงจร

    ส่วนผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อประเภทแอลกอฮอล์ของบริษัทส่วนใหญ่เป็นการจำหน่ายแก่ลูกค้าปลายทาง ซึ่งเป็นผู้ใช้โดยตรงเนื่องจากในปัจจุบันมีช่องทางการจัดจำหน่ายที่สามารถเข้าถึงผู้บริโภคโดยตรงได้สะดวกรวดเร็ว ซึ่งอุตสาหกรรมของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเติบโตอย่างก้าวกระโดดจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในช่วงปี 2563 แต่ในปัจจุบัน อุตสาหกรรมดังกล่าวต้องเผชิญการแข่งขันที่สูงขึ้นจากอุปทานของผู้ผลิตในตลาดที่เข้าสู่อุตสาหกรรมในจำนวนที่มากขึ้น


อ่านเพิ่มเติม: "แกรนท์ ธอนตัน" ชี้ ธุรกิจไทยเป็นผู้นำของโลกในด้านสถานภาพทางธุรกิจ​


ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine