‘เจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์’ ประธานอาวุโสเครือซีพี โชว์วิสัยทัศน์เวทีจุฬาฯ ยืนยันเศรษฐกิจไทยยังมีอนาคต แนะรัฐอัดงบหนุนการท่องเที่ยวเพราะเป็นส่วนที่ดึงเงินเข้าประเทศได้เร็วที่สุด รวมถึงต้องมีงบสร้างถนนเข้าไร่นา ทำชลประทาน เพราะเกษตรคือน้ำมันบนดินหรือทรัพย์สมบัติของไทย ส่วนจะสร้างประชาชนที่มีรายได้ ต้องเริ่มที่การศึกษา แต่ไม่ใช่แค่ใบปริญญา ต้องมี ‘ปัญญา’ ด้วย แนะนักธุรกิจต้องคิดถึงประชาชน เพราะได้กำไรจากประชาชน
สัมมนาครั้งยิ่งใหญ่ของปี เวที “Chula Thailand President Summit 2025” ที่มีสุดยอดผู้นำองค์กรชั้นนำระดับประเทศมาแสดงวิสัยสัยทัศน์เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทย โดยหนึ่งในนั้นคือ “ธนินท์ เจียรวนนท์” ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ ที่ร่วมนำเสนอวิสัยทัศน์ในหัวข้อ Future Thailand: Next Growth
เจ้าสัวธนินท์ เริ่มต้นกล่าวบนเวทีด้วยการทักทายผู้นำองค์กรท่านอื่นๆ ที่มาร่วมงาน ได้แก่ ‘สารัชถ์ รัตนาวะดี’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ และประธานกรรมการบริหาร แอดวานซ์ อินโฟ เซอร์วิส ว่าคุณสารัชถ์เป็นคนเก่ง อายุยังน้อย และเข้าสู่ธุรกิจที่ทันสมัยที่สุดนั่นก็คือพลังงาน เพราะเนื้อหาทั้งหมดที่ (ท่านอื่น) พูดมาก่อนหน้านี้ ยังไงก็เกี่ยวข้องกับไฟฟ้า
“ไฟฟ้าเดี๋ยวนี้มาได้จากทั้งลม น้ำ แต่ที่สำคัญมากและโลกกำลังจะไปคือไฟฟ้านิวเคลียร์ นี่คือธุรกิจแห่งอนาคต อย่างไรก็ตาม ไฟฟ้านิวเคลียร์ต้องสะอาดด้วย ปลอดภัยด้วย อินโดนีเซียและมาเลเซียมีกฎหมายรองรับการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ทันสมัยที่สุด แต่ประเทศไทยเหมือนจะยัง เราพูดถึง AI และอะไรต่างๆ แต่ทำไมเราขาดไฟฟ้าที่สะอาดและถูก ผมว่าไฟฟ้าจากน้ำและลมยังไม่พอ ต้องเสริมด้วยไฟฟ้านิวเคลียร์”
เจ้าสัวธนินท์ กล่าวต่อถึงประเด็นเศรษฐกิจ โดยยืนยันว่าเศรษฐกิจไทยยังมีอนาคต เพราะเราอยู่ในยุคที่กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงของโลก ทั้งดินฟ้าอากาศปั่นป่วน การเมืองปั่นป่วน เทคโนโลยีก็จะเข้ามาทดแทนอย่างรวดเร็ว ดังนั้น ต่อไปเราต้องสร้างนิสิตที่มีปัญญา
“วิกฤตย่อมมีโอกาส ผมเจอวิกฤตก็จะพลิกเป็นโอกาส แต่ตอนมีโอกาสแล้ว เราก็ต้องนึกถึงวิกฤต เพราะใช่ว่าจะราบรื่นไปนาน ต้องเจอการเปลี่ยนแปลง ในชีวิตผมเนี่ย ได้รับการเปลี่ยนแปลงหลายครั้ง วิกฤตก็ตามมาด้วยโอกาส และโอกาสก็ตามมาด้วยวิกฤต”
[ ท่องเที่ยวดึงเงินเข้าประเทศเร็วสุด แต่เป้าหมายต้องชัดเจน ]
เจ้าสัวธนินท์ยังกล่าวถึงการที่ประเทศไทยมีภาคการท่องเที่ยวเป็นเครื่องยนต์หลักของประเทศว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพราะการท่องเที่ยวเป็นภาคส่วนที่สามารถดึงเม็ดเงินเข้าประเทศได้เร็วที่สุด “เราพร้อม ประเทศไทยพร้อม แต่ถ้าถามว่าพร้อมจริงหรือเปล่าในยุคนี้ ยังไม่ใช่”
“ผมขอเสริมว่าเราต้องมีงบประมาณ เพราะการท่องเที่ยวเป็นสิ่งใกล้ตัวที่สุด ที่จะได้เงินเร็วที่สุด แต่เรามีงบประมาณที่จะมาสนับสนุนการท่องเที่ยวหรือเปล่า เรามีตั้งเป้าหรือเปล่าว่าการท่องเที่ยวจะไปถึงระดับไหน แล้วเราจะเจาะจงคนที่เมืองไทยว่าเป็นกลุ่มไหน ประเทศไหน เรามีเป้าหมายหรือยัง เป้าหมายเราชัดหรือยัง ส่วนงบประมาณนี่ผมยังไม่เห็น”
เขายังเสริมอีกว่า เมืองไทยน่าจะเป็นศูนย์การเรียนของโลก หรือหมายถึงดึงต่างชาติให้เข้ามาเรียนที่มหาวิทยาลัยในไทย ซึ่งจะได้ทั้งคนเก่ง ได้มันสมอง และในระยะยาวจะได้เงินเข้าประเทศไทยอีกมหาศาลไม่แพ้ท่องเที่ยว
[ เกษตรคือน้ำมันบนดิน ]
เจ้าสัวธนินท์ กล่าวเพิ่มเติมว่าอีกภาคส่วนสำคัญของเศรษฐกิจไทยคือภาคเกษตร ที่ประเทศไทยประสบปัญหาน้ำท่วมกับภัยแล้งเป็นหลัก แต่พายุกับแผ่นดินไหวเป็นภัยธรรมชาติที่ไทยไม่ค่อยเจอนัก
“ผมอยากแนะนำว่า เราน่าจะเอางบประมาณที่ถนน มาทำถนนเข้าไร่นา มาจัดรูปที่ดิน แล้วทำเรื่องชลประทานพร้อมกับถนน วันนี้ยังไม่เห็นว่าเราเอาจริงเอาจังกับชลประทาน แต่ถ้าเรามีชลประทานแล้ว เราจะไม่กลัวน้ำท่วมกับแล้ง ถ้าเราทำแบบนี้ ผลผลิตการเกษตรจะเพิ่มขึ้น 5 เท่า พืชไร่เก็บเกี่ยวได้ 3 ฤดูกาล หรือปลูกได้ 3 ครั้ง (ต่อปี)”
เจ้าสัวธนินท์ยังกล่าวอีกว่าสิ่งที่เกี่ยวข้องกับภาคการเกษตรคือการให้ความสำคญกับพันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์ ซึ่งต้องอาศัยนักวิชาการหรือคนเก่งในการศึกษาพัฒนา นอกจากนี้ ต่อเนื่องจากเรื่องสายพันธุ์ก็คือเรื่องปุ๋ยและอาหาร ที่จะต้องใช้ไบโอเทคโนโลยีในการพัฒนาให้พืชและสัตว์โตเร็ว มีคุณภาพ ปลอดภัย หรือเกิดประโยชน์ใหม่ๆ เช่น ไขมันหมูมีโอเมก้า 3 เป็นต้น
นอกจากนี้ เทคโนโลยีทางการเกษตรยังรวมไปถึงการใช้รถแทร็กเตอร์หรือรถเก็บเกี่ยวที่ไม่ต้องใช้คนขับอีกต่อไป, การใช้โดรนตรวจสอบพื้นที่ หรือพ่นยาปราบศัตรูพืชแทนคน เรียกได้ว่าภาคการเกษตรสามารถนำเทคโนโลยีมาใช้ได้มากที่สุด
“ตั้งแต่พันธุ์สัตว์ โรงเลี้ยง การผลิตมีตั้งกี่ขั้นตอน ห่วงโซ่นี่ยาวที่สุดแล้ว ไปจนถึงค้าปลีก ไปถึงภัตตาคารเพราะเป็นอาหารของมนุษย์ทุกคน ซีพีนี่ก็ทำตั้งแต่ต้นน้ำ คนอาจมองว่าผูกขาด แต่ไม่ใช่ เราทำธุรกิจแนวดิ่ง ตั้งแต่ต้นน้ำไปถึงปลายน้ำ ถ้าเราผิดพลาด ขายไม่หมดก็เสียหาย ขายมาก ไม่มีของขายก็เสียหาย เพราะฉะนั้นมันจำเป็นครับ
“สิ่งที่อยากให้ทุกท่านดูคือเกษตร เพราะเกษตรคือน้ำมันบนดิน เป็นทรัพย์สมบัติที่ล้ำค่ากับประเทศไทย อย่างอื่นต้องซื้อชิ้นส่วนเขาเข้ามาประกอบในไทย เราอาจจะกำไรแต่ได้ส่วนหนึ่ง แต่สินค้าเกษตรตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ 90% เป็นเงินของประเทศไทย เพราะฉะนั้นทำไมผมถึงเชียร์ตรงนี้
“AI เอยอะไรเอยที่เกิดขึ้นในวันนี้ ใครเป็นคนใช้ ประชาชน แต่ถ้าประชาชนไม่มีเงิน จะใช้ได้อย่างไร เพราะฉะนั้นเราต้องมาสร้างประชาชนที่มีรายได้ ถ้าจะสร้างประชาชนที่มีรายได้ หนีไม่พ้นการศึกษาก่อน ต้องมีความรู้ ชาญฉลาด แต่การศึกษานั้นไม่ใช่ปริญญา แต่คือปัญญา ต้องเรียนไปทำงานไป พอจบปั๊บทำงานได้เลย” ประธานอาวุโสเครือเจริญโภคภัณฑ์กล่าว
ช่วงท้าย เจ้าสัวธนินท์กล่าวเสริมว่าสิ่งที่รัฐบาลควรส่งเสริมคือการดึงคนเก่งเข้าประเทศให้ได้ราว 5 ล้านคน เพราะลำพังเฉพาะนิสิตนักศึกษาในไทยอย่างเดียวอาจมีจำนวนไม่เพียงพอและทันต่อการพัฒนา ถ้านำคนอัจฉริยะ 5 ล้านคนมาทำงานทันที มาเสียภาษีทันที มาช่วยดึงคนเก่งในประเทศ ไม่เกิดการว่างงาน และประเทศมีรายได้จากภาษี แต่สุดท้ายอยู่ที่นโยบายของรัฐบาล
“อย่างไรก็ตาม ผมว่าสินค้าเกษตรเกี่ยวข้องกับไฮเทคมาก เกี่ยวข้องกับชีวิตของประชาชน จะทำอย่างไรให้มีรายได้สูงขึ้น นักธุรกิจก็มีหน้าที่ เราทำธุรกิจ เราจะอยู่รอดได้ เราต้องคิดถึงประชาชน เพราะเราได้กำไรจากประชาชน เราจะขายสินค้าให้ประชาชน ถ้าประชาชนคนไทยไม่รวยขึ้น จะเอาเงินที่ไหนมาใช้ เพราะฉะนั้นผมต้องคิดถึงลูกค้าของเราก่อนด้วย ทำยังไงให้เขามีรายได้ ทำยังไงให้เขามีกำลังซื้อ ถ้าประชาชนไม่มีกำลังซื้อ ผมผลิตสินค้าออกมาจะขายให้ใคร ดังนั้นเป็นหน้าที่ของนักธุรกิจ แต่พื้นฐานจริงๆ ต้องมาจากมหาวิทยาลัย และเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะออกกฎหมายเอื้อประโยชน์ประเทศ
“วันนี้ผมว่าเต็มไปด้วยโอกาส หากเรารู้แล้วว่าโลกเปลี่ยนแปลง เราก็รู้ว่าทั่วโลกชอบมาเมืองไทย ชอบอยู่เมืองไทย แต่กฎหมายเราไม่เอื้อ กฎหมายเรากีดขวาง กลัวแย่งอาชีพคนไทย ไม่ใช่ครับ เราหาอาชีพที่คนไทยยังไม่มี แต่คนไทยต้องการ ผมเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์กับเศรษฐกิจทันที
“ส่วนบริษัทค้าปลีก อย่าไปคิดหากำไรจากการขึ้นราคาเลย เพราะทุกวันนี้ถาม ChatGPT ดูก็รู้แล้วว่าราคาสินค้าโลกอยู่ที่เท่าไหร่ สมัยก่อนจะซื้อของต้องไปดู 3 แผง หาดูว่าแผงไหนถูกที่สุด แต่วันนี้เรารู้แล้วว่าราคาแผงไหนถูกที่สุด รู้แม้กระทั่งทั่วโลก เพราะฉะนั้นสิ่งที่นักธุรกิจต้องคิดคือทำยังไงให้ต้นทุนถูกลง เครื่องจักรของซีพีที่จะลงทุนต้องมีพลังมากเป็น 5 เท่าของของเดิม อีกอย่างคือต้องสร้างคนพนักงานของบริษัทให้เก่งขึ้น เก่งระดับโลก รู้จักใช้เทคโนโลยี เพราะเทคโนโลยีทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น
“สุดท้ายจะทำอย่างไรให้ประเทศไทยร่ำรวย คนไทยร่ำรวย ถ้าคนไทยร่ำรวย ประเทศไทยถึงจะแข็งแรง ต้องพึ่งพามหาวิทยาลัยเป็นหลัก และนักธุรกิจเป็นส่วนที่สำคัญมาก ทำทุกอย่างก็เพื่อให้ประชาชนร่ำรวยขึ้น รัฐบาลต้องออกกฎเกณฑ์ต่างๆ ให้ประชาชนอยู่ดีกินดี ประเทศชาติถึงจะมั่นคง” เจ้าสัวธนินท์ กล่าวทิ้งท้าย
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ศุภชัยชี้ไทยเป็น ‘สวิสของเอเชีย’ ได้! เพราะมีศักยภาพเป็นศูนย์กลางการลงทุน
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine