เทคโนโลยีดีแค่ไหนก็ต้องใช้คน! ‘เจ้าสัวธนินท์’ โชว์วิสัยทัศน์ หนุนปฏิรูปเกษตรด้วยเอไอ-พลังงานสะอาด-พัฒนาคน - Forbes Thailand

เทคโนโลยีดีแค่ไหนก็ต้องใช้คน! ‘เจ้าสัวธนินท์’ โชว์วิสัยทัศน์ หนุนปฏิรูปเกษตรด้วยเอไอ-พลังงานสะอาด-พัฒนาคน

FORBES THAILAND / ADMIN
27 Aug 2024 | 06:12 PM
READ 888

จีนและพันธมิตร 26 ประเทศ จัดประชุม Boao Forum for Asia (BFA) Bangkok Roundtable ที่ประเทศไทย ถือเป็นการจัดประชุมครั้งแรกนอกประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยจัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “Future of the World: from the Perspective of Asia” หรือ "อนาคตของโลก: มุมมองจากเอเชีย” โดยมีผู้นำด้านเศรษฐกิจและความยั่งยืนระดับภูมิภาคเข้าร่วมแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกันอย่างคับคั่ง


    นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ ได้รับเชิญร่วมแลกเปลี่ยนความเห็นในหัวข้อ “การพัฒนาอย่างยั่งยืน: สู่ความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันของเอเชีย” โดยนายธนินท์ได้เน้นถึงความสำคัญของการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในภาคการเกษตรและการพัฒนาแหล่งพลังงานสะอาด เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และพลังงานนิวเคลียร์ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน

    นอกจากนี้ประธานอาวุโส เครือซีพี ยังกล่าวถึงการสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชียเพื่อแลกเปลี่ยนทรัพยากรและเทคโนโลยี ซึ่งจะนำไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันในเอเชีย

    ทั้งนี้นายธนินท์มองว่า กุญแจสำคัญที่จะทำให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนในภูมิภาคเอเชียคือ ต้องมุ่งเน้น “พัฒนาคน” เพราะต่อให้มีเทคโนโลยีที่ดีแค่ไหน ก็ต้องใช้คนในการขับเคลื่อน ซึ่งเอเชียมีประชากรมากกว่า 4 พันล้านคน ซึ่งเป็นกลุ่มตลาดที่ใหญ่และมีศักยภาพในการพัฒนาอีกมาก ควรมีการกำหนดนโยบายต่างๆ ในการส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาผู้ประกอบการและคนที่มีความสามารถ ตลอดจนต้องดึงคนเก่งจากทั่วโลกมาลงทุนทำธุรกิจในภูมิภาคเอเชียมากขึ้นด้วย

    อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในตอนนี้โลกจะเผชิญความท้าทายหลายด้าน แต่ทั้งนี้เชื่อว่าในวิกฤตย่อมมีโอกาสอยู่เสมอ สิ่งสำคัญคือต้องสร้างความร่วมมือกับทุกภาคส่วน

    สำหรับ Boao Forum for Asia (BFA) เป็นการประชุมระหว่างประเทศที่จัดขึ้นโดยมีสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นแกนนำ พร้อมด้วยความร่วมมือของ 26 ประเทศในเอเชียและออสเตรเลีย โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมือง Boao มณฑลไห่หนาน ประเทศจีน และได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีน


    การประชุมนี้มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนาที่ยั่งยืนระหว่างประเทศในเอเชียและทั่วโลก โดยเป็นเวทีสำหรับผู้นำทางการเมือง ธุรกิจ และนักวิชาการในการหารือเกี่ยวกับประเด็นทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมในบริบทของเศรษฐกิจโลก

    ทั้งนี้เวทีดังกล่าวได้รับการขนานนามว่าเป็น “Davos of the East” เนื่องจากมีลักษณะคล้ายกับ World Economic Forum (WEF) ที่จัดขึ้นในเมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ แต่ BFA มุ่งเน้นเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเอเชียและการเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจโลก

    โดยประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในประเทศสมาชิกผู้ร่วมก่อตั้ง BFA เพื่อเป็นเวทีสำหรับผู้นำระดับสูงทั้งจากภาครัฐบาล ภาคธุรกิจและภาควิชาการในการหารือและแสดงวิสัยทัศน์ ในเรื่องที่เป็นประเด็นสำคัญในภูมิภาคเอเชียและของโลก โดยในปีนี้เน้นประเด็นในการส่งเสริมให้ภูมิภาคเอเชียบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนและมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในการยกระดับเศรษฐกิจให้มีการความพร้อมในการแข่งขันระดับโลก

    การประชุมครั้งสำคัญนี้มีนายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย กล่าวเปิดงานด้วยการอ่านสารแสดงความยินดีจากท่าน หวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน

    พร้อมด้วยนายบัน คีมูน ประธาน BFA และอดีตเลขาธิการสหประชาชาติ นายจาง จุน เลขาธิการ BFA นายดอน ปรมัตถ์วินัย อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย พร้อมทั้งผู้นำระดับสูงจากภาครัฐ ภาคเอกชน และนักวิชาการ ที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจากหลายประเทศในภูมิภาคเอเชียรวมถึงประเทศไทยเข้าร่วมแลกเปลี่ยนความเห็นอย่างคับคั่ง ในการเร่งหาทางออกและโอกาสในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในภูมิภาครับความท้าทายโลก


    สำหรับบุคคลสำคัญจากประเทศไทยที่ได้รับเชิญร่วมเวทีแลกเปลี่ยนความเห็นครั้งสำคัญนี้มี อาทิ นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย สมาชิกสภาที่ปรึกษาของ BFA อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาหอการแห่งประเทศไทย ดร.อาร์ม ตั้งนิรันดร รองคณบดีคณะนิติศาสตร์ และผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาจีน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฯลฯ


    ส่วนบุคคลสำคัญในต่างประเทศที่เข้าร่วมเวที BFA ที่ประเทศไทยมี อาทิ นายโวลคาน บอซเคียร์ อดีตประธานสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 75 นายมาร์ตี้ นาตาเลกาวา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของอินโดนีเซีย นายออง ที เกียต อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร รัฐสภาของมาเลเซีย และ นายโบลัต นูร์กาลีเยฟ ประธานคณะกรรมการ สถาบันวิจัยนโยบายต่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศของสาธารณรัฐคาซัคสถาน เป็นต้น