‘Bluebik’ เปิด 4 ทริค โอกาสหลังโควิด-19 นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงมากมายมาสู่โลก เป็นชนวนสู่ ‘New Normal’ ความปกติแบบใหม่ในการใช้ชีวิต การทำงาน และโลกธุรกิจ โอกาสนับจากนี้ไปจึงอยู่ที่การปรับตัว ใครปรับตัวเร็วย่อมได้เปรียบในทางกลับกันใครปรับตัวไม่ทันอาจเสียโอกาสไปอย่างน่าเสียดาย
เริ่มต้นเดือนกรกฏาคมกับมาตรการ lockdown ที่ผ่อนคลายลงมาก รัฐบาลประกาศผ่อนปรนมาตรการในระยะ 4 หลายองค์กรเริ่มกิจกรรมทางธุรกิจ การตลาด และการจัดอีเวนต์ ในขณะที่ Bluebik ผู้ให้บริการปรึกษาการ transform ธุรกิจสู่เทคโนโลยีใหม่ เลือกช่องทางการแถลงข่าวผ่าน Zoom แอปพลิเคชั่นการประชุมออนไลน์ที่มียอดการใช้เพิ่มสูงในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา และเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในการทำงานและการสื่อสารของผู้คนทั่วโลก เป็น New Normal ด้านการสื่อสารที่คนหันมาพึ่งพิงเทคโนโลยีมากขึ้น ผู้บริหาร Bluebik นำเสนอแนวคิดเกี่ยวกับปัจจัยที่จะนำมาใช้ เพื่อการปรับเปลี่ยนและพัฒนาองค์กรให้สอดรับกับสิ่งต่างๆ ที่เปลี่ยนไปหลังจากทั่วโลกต้องเผชิญวิกฤตโควิด-19 ที่เกิดขึ้นซ้ำเติมปรากฎการณ์ Digital Disruption ที่โลกกำลังเผชิญอยู่ก่อนหน้านี้ นับเป็น 2 สถานการณ์สำคัญที่จะนำความเปลี่ยนแปลงมากมายมาสู่โลก ทั้งในแง่การใช้ชีวิตของผู้คน และการดำเนินธุรกิจที่ต้องปรับตัวตาม โดยผู้บริหาร Bluebik ได้สรุปแนวทางในการมองหาโอกาสและทางรอดด้วย 4 ทริสำคัญ ทั้งการลดต้นทุน การปรับใช้เทคโนโลยี เพิ่มความยืดหยุ่นในการดำเนินธุรกิจ และสร้างความแข็งแกร่งของธุรกิจผ่านพันธมิตร รวมถึงการเตรียมความพร้อมรับมือหากเกิดไวรัสโควิด-19 ระบาดระลอก 2 ที่หลายคนยังกังวล พชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (Bluebik) กล่าวว่าการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด–19 ส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกรวมถึงเศรษฐกิจประเทศไทย ข้อมูลจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund - IMF) พบว่า GDP ปี 2563 ของทั้งโลกมีโอกาสติดลบถึงร้อยละ 4.9 และประเทศไทยมีโอกาสติดลบมากถึงร้อยละ 7.7 เนื่องจากอุปสงค์ที่มีแนวโน้มลดลงในภาคการส่งออกและการท่องเที่ยวที่เป็นเครื่องยนต์หลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ในขณะเดียวกันยังเปิดทางให้ผู้เล่นรายใหม่ ได้พลิกวิกฤตสู่โอกาสจากช่องว่างทางการตลาดที่เกิดขึ้น หากสามารถปรับตัวรับมือกับวิกฤตได้

 เทคโนโลยียุค New Normal 
ด้าน ปกรณ์ เจียมสกุลทิพย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี Chief Technology Officer (CTO) บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่าในเวลาวิกฤตเช่นนี้ ทุกคนต้องเร่งปรับตัว โดยเราจะเห็นเทรนด์เทคโนโลยีเด่นๆ บางอย่างที่จะตอบโจทย์ชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) อาทิ การสร้างโอกาสจากข้อมูลที่อยู่บนช่องทางออนไลน์ที่เพิ่มมากขึ้น
เป็นการเปิดโอกาสให้กลุ่มธุรกิจได้ใช้ประโยชน์จาก Big Data เพื่อรองรับการเก็บข้อมูลจำนวนมหาศาลและนำมาต่อยอดทางธุรกิจได้ รวมถึงเทคโนโลยีไร้การสัมผัส (Contactless Technology) ซึ่งรวมไปถึงระบบการรับชำระเงิน (Cashless Payment Solution) ที่จะถูกนำมาใช้กับผู้ให้บริการด้านต่าง ๆ อาทิ ร้านค้าปลีก ระบบขนส่งมวลชน ระบบการจอดรถ ฯลฯ
เทคโนโลยีดังกล่าวนอกจากจะสามารถนำองค์กรไปสู่การเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกต่อธุรกิจและสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าแล้ว ยังช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อโรคด้วย ซึ่งทักษะด้านดิจิทัลถือเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้บุคลากรทันต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นใหม่
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อองค์กรนำดิจิทัลเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ในกระบวนการทำงาน อีกหนึ่งทักษะที่สำคัญที่สุดของการปรับตัวด้านดิจิทัลคือความคิดสร้างสรรค์เชิงนวัตกรรม (Innovative thinking) ที่สามารถนำเสนอรูปแบบธุรกิจใหม่ๆ ที่ช่วยสร้างคุณค่าให้กับธุรกิจของตนอีกด้วย
นอกจากนี้ ยังมีความท้าทายในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีขององค์กร 2 ประเภท คือองค์กรที่ยังไม่พร้อมในการปรับใช้เทคโนโลยี ควรมองหาผู้ช่วยหรือที่ปรึกษาที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านในการวางแผนเพื่อนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ เนื่องจากหากทำเองอาจทำให้เริ่มต้นผิดจุดและมีค่าใช้จ่ายจำนวนมหาศาล รวมทั้งมีต้นทุนค่าเสียโอกาสเกิดขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องการออกแบบประสบการณ์ของผู้ใช้งาน (User Experience - UX) และการออกแบบอินเตอร์เฟซเพื่อติดต่อกับผู้ใช้งาน (User Interface - UI)
ในทางกลับกัน องค์กรที่มีความพร้อมอาจมองหาเครื่องมือที่เข้ามาช่วยทำให้ระบบการทำงานภายในเป็นอัตโนมัติมากขึ้น รวมทั้งควรนำแนวคิดการทำงานแบบ DevOps หรือการทำงานร่วมกันระหว่างทีมผู้พัฒนาและทีมปฏิบัติการให้ทำงานด้วยกันอย่างมีประสิทธิภาพ ลดความซ้ำซ้อนของกระบวนการ
แนวคิดการทำงานแบบ CI/CD (Continuous Integration / Continuous Deployment - กระบวนการในการทำงานในด้านพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อลดระยะเวลาในการพัฒนา รวมทั้งรองรับการเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ง่าย เนื่องจากมีการดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและเป็นไปอย่างอัตโนมัติและทราบผลลัพธ์ได้ทันที) มาปรับใช้เพื่อทำให้สามารถส่งมอบผลิตภัณฑ์สู่ตลาดได้รวดเร็วมากขึ้น
ขณะที่ ฉันทชา สุวรรณจิตร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ Chief Operation Officer (COO) บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด กล่าวเสริมว่า นอกเหนือจากการให้บริการที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์และที่ปรึกษาด้านไอทีแล้วนั้น ในปีนี้บริษัทฯ ยังมุ่งเน้นช่วยลูกค้าในการปรับตัวเพื่อรองรับความปกติใหม่ (New Normal) เพื่อให้กระบวนการทางธุรกิจของลูกค้ามีความเชื่อมโยงและสมดุลมากขึ้นทั้งในส่วนของกระบวนการหน้าบ้านและกระบวนการหลังบ้าน
การนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ก็เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป โดยการปรับกระบวนการทางธุรกิจนั้นจะช่วยให้องค์กรของลูกค้าไปสู่ความเป็นเลิศในการดำเนินงาน ‘Operational Excellence’ ภายใต้ 3 วัตถุประสงค์หลัก ได้แก่ กระบวนการการทำงานที่มีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล สูงสุด รวมทั้งสามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงได้อย่างทันท่วงทีอีกด้วย
 
อ่านเพิ่มเติม: “Friendship Economy” เศรษฐกิจใหม่ยุคโควิด
เทคโนโลยียุค New Normal 
ด้าน ปกรณ์ เจียมสกุลทิพย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี Chief Technology Officer (CTO) บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่าในเวลาวิกฤตเช่นนี้ ทุกคนต้องเร่งปรับตัว โดยเราจะเห็นเทรนด์เทคโนโลยีเด่นๆ บางอย่างที่จะตอบโจทย์ชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) อาทิ การสร้างโอกาสจากข้อมูลที่อยู่บนช่องทางออนไลน์ที่เพิ่มมากขึ้น
เป็นการเปิดโอกาสให้กลุ่มธุรกิจได้ใช้ประโยชน์จาก Big Data เพื่อรองรับการเก็บข้อมูลจำนวนมหาศาลและนำมาต่อยอดทางธุรกิจได้ รวมถึงเทคโนโลยีไร้การสัมผัส (Contactless Technology) ซึ่งรวมไปถึงระบบการรับชำระเงิน (Cashless Payment Solution) ที่จะถูกนำมาใช้กับผู้ให้บริการด้านต่าง ๆ อาทิ ร้านค้าปลีก ระบบขนส่งมวลชน ระบบการจอดรถ ฯลฯ
เทคโนโลยีดังกล่าวนอกจากจะสามารถนำองค์กรไปสู่การเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกต่อธุรกิจและสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าแล้ว ยังช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อโรคด้วย ซึ่งทักษะด้านดิจิทัลถือเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้บุคลากรทันต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นใหม่
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อองค์กรนำดิจิทัลเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ในกระบวนการทำงาน อีกหนึ่งทักษะที่สำคัญที่สุดของการปรับตัวด้านดิจิทัลคือความคิดสร้างสรรค์เชิงนวัตกรรม (Innovative thinking) ที่สามารถนำเสนอรูปแบบธุรกิจใหม่ๆ ที่ช่วยสร้างคุณค่าให้กับธุรกิจของตนอีกด้วย
นอกจากนี้ ยังมีความท้าทายในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีขององค์กร 2 ประเภท คือองค์กรที่ยังไม่พร้อมในการปรับใช้เทคโนโลยี ควรมองหาผู้ช่วยหรือที่ปรึกษาที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านในการวางแผนเพื่อนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ เนื่องจากหากทำเองอาจทำให้เริ่มต้นผิดจุดและมีค่าใช้จ่ายจำนวนมหาศาล รวมทั้งมีต้นทุนค่าเสียโอกาสเกิดขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องการออกแบบประสบการณ์ของผู้ใช้งาน (User Experience - UX) และการออกแบบอินเตอร์เฟซเพื่อติดต่อกับผู้ใช้งาน (User Interface - UI)
ในทางกลับกัน องค์กรที่มีความพร้อมอาจมองหาเครื่องมือที่เข้ามาช่วยทำให้ระบบการทำงานภายในเป็นอัตโนมัติมากขึ้น รวมทั้งควรนำแนวคิดการทำงานแบบ DevOps หรือการทำงานร่วมกันระหว่างทีมผู้พัฒนาและทีมปฏิบัติการให้ทำงานด้วยกันอย่างมีประสิทธิภาพ ลดความซ้ำซ้อนของกระบวนการ
แนวคิดการทำงานแบบ CI/CD (Continuous Integration / Continuous Deployment - กระบวนการในการทำงานในด้านพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อลดระยะเวลาในการพัฒนา รวมทั้งรองรับการเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ง่าย เนื่องจากมีการดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและเป็นไปอย่างอัตโนมัติและทราบผลลัพธ์ได้ทันที) มาปรับใช้เพื่อทำให้สามารถส่งมอบผลิตภัณฑ์สู่ตลาดได้รวดเร็วมากขึ้น
ขณะที่ ฉันทชา สุวรรณจิตร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ Chief Operation Officer (COO) บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด กล่าวเสริมว่า นอกเหนือจากการให้บริการที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์และที่ปรึกษาด้านไอทีแล้วนั้น ในปีนี้บริษัทฯ ยังมุ่งเน้นช่วยลูกค้าในการปรับตัวเพื่อรองรับความปกติใหม่ (New Normal) เพื่อให้กระบวนการทางธุรกิจของลูกค้ามีความเชื่อมโยงและสมดุลมากขึ้นทั้งในส่วนของกระบวนการหน้าบ้านและกระบวนการหลังบ้าน
การนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ก็เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป โดยการปรับกระบวนการทางธุรกิจนั้นจะช่วยให้องค์กรของลูกค้าไปสู่ความเป็นเลิศในการดำเนินงาน ‘Operational Excellence’ ภายใต้ 3 วัตถุประสงค์หลัก ได้แก่ กระบวนการการทำงานที่มีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล สูงสุด รวมทั้งสามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงได้อย่างทันท่วงทีอีกด้วย
 
อ่านเพิ่มเติม: “Friendship Economy” เศรษฐกิจใหม่ยุคโควิด
 
ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine


