เจ๊ติ๋ม ทีวีพูล ปิดฉากอาณาจักรดิจิทัล - Forbes Thailand

เจ๊ติ๋ม ทีวีพูล ปิดฉากอาณาจักรดิจิทัล

FORBES THAILAND / ADMIN
09 Nov 2015 | 05:38 PM
READ 5381
ภาพ: Bangkok Post

เมื่อปีกว่าที่ผ่านมา พันธุ์ทิพา ศกุณต์ไชย หรือ เจ๊ติ๋ม ทีวีพูล เจ้าแม่คนสำคัญให้วงการสื่อไทย ตัดสินใจทุบกระปุกควักเงินเก็บกว่า 2 พันล้านบาท จากการดำเนินธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ภายใต้ บริษัท โน้ต พับลิชชิ่ง จำกัด ซึ่งเป็นสื่อสิ่งพิมพ์บันเทิงที่มีอิทธิพลต่อวงการบันเทิงไทย มาลงทุนในธุรกิจทีวีดิจิทัลดังเช่นผู้ประกอบการอีกหลายราย โดยมุ่งหวังว่าธุรกิจทีวีดิจิทัลจะช่วยต่อยอดธุรกิจเดิม และเป็นความหวังสำคัญของบริษัทในอนาคต ซึ่งการร่วมประมูลดังกล่าวได้สร้างเสียงฮือฮาให้กับวงการทีวีไทย ทั้งนี้ทางบริษัทชนะการประมูลและได้ครอบครองช่องทีวีดิจิทัลถึง 2 ช่อง ได้แก่ ช่องข่าว THV และ ช่องเด็ก LOCA ซึ่งดำเนินการโดยบริษัท ไทยทีวี จำกัด

ช่วงแรกของการดำเนินธุรกิจ พันธุ์ทิพาจับมือกับเครือโพสต์ พับลิชชิง ในการผลิตรายการข่าว แต่ท้ายสุดเกิดปัญหาด้านผลประโยชน์ทางธุรกิจที่ไม่ลงตัวจึงตัดสินใจยกเลิกสัญญาระหว่างกันไป โดยระหว่างทางที่ผ่านมานั้นช่องไทยทีวี (THV) พยายามหาพันธมิตรทางธุรกิจเข้ามาเพื่อร่วมผลิตรายการ แต่ไม่ประสบความสำเร็จและทำให้ธุรกิจของไทยทีวีเกิดการสะดุดอย่างรุนแรง

และในที่สุด วันที่ 25 พฤษภาคม 2558 บจ.ไทยทีวี ได้ทำหนังสือถึงสำนักงานกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) แจ้งยกเลิกประกอบกิจการทีวีดิจิทัลทั้ง 2 ช่อง พร้อมสงวนสิทธิ์ในการฟ้องร้องค่าเสียหาย ในกรณีที่ กสทช.ไม่ดำเนินการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านทีวีดิจิทัลให้เป็นไปตามแผนการที่วางไว้

โดย พันธุ์ทิพา ให้สัมภาษณ์ว่า การดำเนินธุรกิจทีวีดิจิทัลในช่วงเกือบ 1 ปีที่ผ่านมา ทำให้บริษัทขาดทุนเป็นเงินกว่า 300 ล้านบาท จึงตัดสินใจยกเลิกการประกอบกิจการ และไม่จ่ายเงินงวดที่ 2 ซึ่งเป็นจำนวน 288 ล้านบาทให้กับ กสทช. รวมทั้งยื่นฟ้อง กสทช. ต่อศาลปกครอง เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน ที่ผ่านมา เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายจาก กสทช. กว่า 1 พันล้านบาท พร้อมขู่ว่าจะยุติการออกอากาศ หรือปล่อยให้เกิดจอดำ ในวันที่ 25 กรกฎาคม

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดศาลปกครองได้พิจารณาให้มีการเจรจาไกล่เกลี่ยระหว่างคู่กรณีเพื่อทำให้ช่องไทยทีวี สามารถออกอากาศต่อไปได้อีก 3 เดือน โดยไม่มีปรากฏการณ์จอดำซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการรับชมรายการโทรทัศน์ของประชาชน พร้อมทั้งให้ไทยทีวี เจรจาหาพันธมิตรเข้ามาช่วยดำเนินธุรกิจ ซึ่งในกรณีช่องเด็ก LOCA นั้น ท้ายสุดได้กลุ่มเอ็มวีทีวี ของ “ชัยยุทธ ทวีปวรเดช” เข้ามาดำเนินธุรกิจต่อแล้ว ส่วนช่องไทยทีวีนั้น คงต้องดูกันต่อไปว่าจะสามารถหาพันธมิตรเข้ามาสานธุรกิจต่อไปสำเร็จหรือไม่ และอย่างไร

กรณีของ เจ๊ติ๋ม ถึงแม้จะเป็นเจ้าแรกที่ทำให้เห็นถึงความไม่ราบรื่นและความไม่พร้อมในหลายๆ ด้านของการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลทีวี ทว่าอาจไม่ใช่กรณีสุดท้าย ทั้งนี้ สงครามในวงการทีวีดิจิทัลต่อไปนี้ ผู้มีชัยย่อมเป็นผู้ที่มีสายป่านยาวและศักยภาพในการแข่งขันสูง โดยเหล่าช่องหน้าใหม่และผู้มีสายป่านสั้น คงต้องดิ้นรนบนเส้นทางนี้ต่อไปอย่างไม่มีข้อสงสัย

คลิ๊กอ่าน "SPECIAL REPORT: 1 ปี 6 เดือน ทีวีดิจิทัลไทย บทเส้นทางขวางหนาม"  ฉบับเต็ม ได้ที่ Forbes Thailand ฉบับ NOVEMBER 2015