สตางค์ชี้ ปี 2564 ตลาดคริปโตเคอร์เรนซี่ คึกคัก มูลค่าตลาดรวม (Market Cap) ของบิตคอยนพุ่งขึ้นไปถึง 5 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ โตขึ้นกว่า 277 %
ระยะเวลาเกือบ 1 ปีที่วิกฤตจากโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ การลงทุนของโลก แต่มูลค่าตลาดรวม (Market Cap) ของบิตคอยน์กลับพุ่งขึ้นไปถึง 5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โตขึ้นกว่าร้อยละ 277 จากเมื่อต้นปีที่ 1.35 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เติบโตแซงหน้ายักษ์ใหญ่เจ้าเดิมในระบบ Payment อย่าง VISA, Mastercard และ สถาบันการเงิน อย่าง JPMorgan Chase ธนาคารอันดับ 1 ของโลก ขณะที่ ภาพรวมของการเทรด คริปโตเคอร์เรนซี่ในตลาดโลกมีมูลค่าตลาดรวม 7.2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โตขึ้นกว่าร้อยละ 236 จากเมื่อต้นปีซึ่งอยู่ที่ 1.9 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ” (ที่มา: coinmarketcap.com ข้อมูล ณ วันที่ 28 ธันวาคม 2563) ปรมินทร์ อินโสม ผู้ก่อตั้งและกรรมการ สตางค์ คอร์ป ผู้นำด้านการให้บริการธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล เปิด สรุปมุมมองต่อภาพรวมของตลาดคริปโตเคอร์เรนซี่ ในปี 2563 และทิศทางของตลาดในปี 2564 ว่า “ปีที่ผ่านมาโควิด-19 เป็นตัวเร่งสำคัญที่ทำให้ตลาดคริปโตเคอร์เรนซี่กลายเป็นธุรกิจขาขึ้นที่สวนกระแสในเศรษฐกิจขาลง และในปี 2564 บิตคอยน์ จะเปลี่ยนสถานะจากสินทรัพย์เก็งกำไร เป็นสินทรัพย์คงคลังสำรองของสถาบันการเงินและนักลงทุนรายใหญ่” “ปัจจัยหนุนสำคัญที่ทำให้ราคาบิตคอยน์กลับมาทำสถิติราคาสูงสุดที่ 28,354 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ที่มา: cointelegraph ราคา ณ วันที่ 28 ธันวาคม 2563) นั้นเกิดจากนักลงทุนสถาบัน และบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ต่างกระจายความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง นำเงินไปลงทุนในบิตคอยน์เพื่อเป็นสินทรัพย์คงคลังสำรอง (Reserve Asset) ซึ่งสินทรัพย์อื่นๆ เช่นน้ำมัน ทอง หรือหุ้นต่างให้ผลตอบแทนไม่ดีเท่าบิตคอยน์ ที่โดยเฉลี่ยจะได้ผลตอบแทน 6.5% ต่อเดือน” ปรมินทร์ กล่าว และเสริมว่า “นอกจากโควิด-19 แล้วอีกสองปัจจัยที่มีผลทางจิตวิทยาทำให้ตลาดคริปโตเคอร์เรนซี่อยู่ในความสนใจของผู้คนมากขึ้นก็คือ ความเป็นไปได้ของ Facebook Coin ที่พลิกแผนธุรกิจจาก Libra รีแบรนด์เป็น Diem ที่เปลี่ยนแนวคิดในการสร้างเหรียญโดยจะใช้ดอลลาร์สหรัฐฯ ตรึงมูลค่าเพียงสกุลเดียว จากแผนเดิมในรูปแบบตะกร้าเงินหลายสกุล เพื่อลดความกังวลของหน่วยงานกำกับทั่วโลก ปัจจัยสุดท้ายก็คือการเกิดขึ้นของ Central Bank Digital Currency (CBDC) เงินสกุลดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลางทั่วโลก ที่กำลังเร่งศึกษาและทดลองใช้ อย่างในกรณีดิจิทัลหยวนของจีนซึ่งอยู่ในระหว่างทดลองใช้งานกับประชาชนใน 3 เมืองหลักของจีน”
ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine