วินด์ เอนเนอร์ยี่ ขยายแนวรบธุรกิจพลังงานสะอาด เล็งออกหุ้นกู้ 2,000 ล้าน ประเดิมศึกษาโครงการลงทุนในเวียดนาม กระจายความเสี่ยงพลังงานลม หลังกำลังลมในประเทศปีนี้ต่ำสุดรอบ 20 ปี แต่ผลประกอบการงวด 9 เดือนแรกของปีนี้ยังมีกำไรกว่า 1,800 ล้านบาท เล็งจ่ายปันผล 15 บาทต่อหุ้น
บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ เกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง หลังคณะกรรมการบริษัท ได้มีมติปลดกลุ่ม ณพ ณรงค์เดช ออกจากการเป็นกรรมการ และผู้บริหารของบริษัทในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 10 ก.ย.2563 ที่ผ่านมา จากกรณีข้อพิพาทจำนวนมากที่เกิดขึ้น และให้กลุ่มของ ประเดช กิตติอิสรานนท์ เข้ามาบริหาร พร้อมแต่งตั้ง กำธร กิตติอิสรานนท์ เป็นประธานกรรมการบริหาร กำธร กิตติอิสรานนท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด หรือ WEH เปิดเผยว่า บริษัทยังคงเดินหน้ามองหาโอกาสการลงทุนเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต และไม่จำกัดอยู่ที่พลังงานลม แต่จะให้ความสำคัญกับพลังงานสะอาด ซึ่งเป็นทิศทางการดำเนินธุรกิที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ เพียงแต่ให้ความสำคัญกับพลังงานลมเป็นลำดับแรก เพราะมีความเชี่ยวชาญ อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าพลังงานลมในประเทศยังต้องรอนโยบายจากภาครัฐ ทำให้การขยายธุรกิจมีข้อจำกัด แต่ทั้งนี้บริษัทได้มองโอกาสขยายการลงทุนไปต่างประเทศ เพื่อกระจายฐานรายได้ และลดความเสี่ยงในภาวะกำลังลมในประเทศอ่อนแรง โดยโครงการที่เป็นไปได้และมีโอกาสเกิดขึ้นมากที่สุด คือ โครงการในประเทศเวียดนาม เนื่องจากมีความต้องการสูง และพบว่ามีกำลังลมในระดับที่ดีกว่าประเทศไทย ปัจจุบัน บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ ได้ดำเนินการจ่ายไฟเชิงพาณิชย์ (COD) โรงไฟฟ้าพลังงานลมครบทั้ง 8 แห่ง โดยมีกำลังการผลิตรวม 717 เมกะวัตต์ ครอบคลุมพื้นที่ราว 5 แสนไร่ใน 2 จังหวัด คือ นครราชสีมา ชัยภูมิ กำธร กล่าวว่า สำหรับผลประกอบการของบริษัทฯ ในงวด 9 เดือนแรกของปี 2563 มีรายได้รวม 6,300 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,840 ล้านบาท สาเหตุที่กำไรลดลง เนื่องจากกำลังลมช่วง 9 เดือนแรกเฉลี่ยอยู่ที่ 4.91 เมตรต่อวินาที ถือเป็นสถิติที่ต่ำสุดในรอบ 20 ปี แต่บริษัทคาดหวังว่าผลประกอบการในไตรมาส 4 ของปี 2563 จะฟื้นตัวตามกำลังลม เพราะโดยปกติเป็นไตรมาสที่มีกำลังลมดีที่สุด และผลิตกำลังลมในสัดส่วนร้อยละ 40 ของกำลังลมทั้งปี สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจต่อจากนี้ กำธร กล่าวว่า บริษัทฯได้เตรียมความพร้อมด้านแหล่งเงินลงทุน โดยได้ยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นกู้ในวงเงิน 2,000 ล้านบาท และหุ้นกู้สำรอง (กรีนชู) อีก 1,000 ล้านบาท อายุหุ้นกู้ 1 ปี 9 เดือน อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 5.5 - 6.5 วัตถุประสงค์เพื่อรองรับการดำเนินธุรกิจ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน นอกจากนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างพิจารณาการจ่ายเงินปันผลประจำปี จากกำไรในงวดปี 2563 ไม่น้อยกว่า 15 บาทต่อหุ้น หลังจากได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากกำไรในงวด 6 เดือนแรกของปี 2563 ไปแล้วที่ 1.40 บาทต่อหุ้น นับเป็นการจ่ายเงินปันผลครั้งแรกนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท “คณะกรรมการบริษัทพิจารณาแล้วเห็นว่าฐานะการเงินของ WEH ในปัจจุบันมีความแข็งแกร่ง เป็นบริษัทไม่มีหนี้ ในแต่ละปีมี Ebitda ราว 8,000 ล้านบาท ส่งผลให้มีสภาพคล่องมากเพียงพอรองรับการดำเนินธุรกิจ จึงมีแนวคิดจะจัดสรรกำไรจ่ายเงินปันผลเพื่อตอบแทนคืนให้กับผู้ถือหุ้น” กำธร กล่าว สำหรับกรณีข้อพิพาทและการฟ้องร้องคดีของกลุ่มผู้ถือหุ้นจำนวนมาก ในฐานะผู้บริหารชุดใหม่จะพยายามทำให้ข้อพิพาทต่างๆ ยุติโดยเร็วที่สุด ยอมรับว่าคดีความต่างๆ มีผลต่อการขยายธุรกิจบ้าง รวมทั้งทำให้การเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ต้องชะลอไป แต่ทั้งนี้บริษัทไม่ได้มีปัญหาเรื่องสภาพคล่อง ยังคงสามารถขยายธุรกิจได้ตามแผนการศึกษาโครงการที่มีศักยภาพ โดยคณะผู้บริหารได้มองหาแนวทางในการขยายธุรกิจโดยพึ่งพาแหล่งเงินทุนอื่นๆ เช่น การออกหุ้นกู้ เป็นต้น อ่านเพิ่มเติม: ‘ไซมิส แอสเสท’ เตรียมเสนอขายหุ้น IPO พร้อมเปิดกลยุทธ์สู่ Top 5 บริษัทอสังหาฯ ไทยไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine