ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ ผู้ผลิตบะหมี่สำเร็จรูป “มาม่า” ครบรอบการดำเนินธุรกิจ 50 ปี เปิดวิสัยทัศน์ขับเคลื่อนธุรกิจภายใต้การนำของผู้บริหารรุ่น 2 มุ่งขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ เน้นการผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ พร้อมตั้งเป้ายอดขาย 3 หมื่นล้านภายในปี 2569
พิพัฒ พะเนียงเวทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและรองประธานกรรมการ บมจ.ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ หรือ TFMAMA กล่าวถึงการดำเนินธุรกิจใน 5 ทศวรรษที่ผ่านมาว่า แม้จะเกิดสถานการณ์ต่างๆ เช่น วิกฤตต้มยำกุ้งปี 2540 และการระบาดของโควิด-19 บริษัทสามารถก้าวผ่านวิกฤตต่างๆ มาได้ เนื่องจากอยู่ในธุรกิจอาหารซึ่งเป็นธุรกิจที่มีอนาคตและยั่งยืน ประการสำคัญคือการมีพันธมิตรที่ดีอย่าง บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้แทนจำหน่ายในประเทศที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนการลงทุนที่ดี และมีการวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์และตอบเทรนด์ของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน สำหรับการทำตลาดต่างประเทศ ที่ผ่านมาบริษัทได้ทำตลาดไปแล้ว 68 ประเทศทั่วโลก โดยมีผลิตภัณฑ์ “มาม่า” เป็นแบรนด์หลัก และในอนาคตบริษัทมีเป้าหมายการทำตลาดที่มากกว่า Beyond Export นั่นคือ Global Market ซึ่งจะเน้นการทำตลาดผลิตภัณฑ์ในกลุ่มพรีเมียมและไฮแวลูเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้สอดรับกับเทรนด์ของผู้บริโภคในต่างประเทศ รวมทั้งการปรับดีไซน์และขนาดแพคเกจจิ้ง ให้มีความทันสมัยและเหมาะสมกับตลาดในแต่ละประเทศ เน้นช่องทางการทำตลาดออฟไลน์และออนไลน์ควบคู่กัน และจะขยายการลงทุนเพิ่มในต่างประเทศ โดยปัจจุบันสัดส่วนรายได้ในประเทศอยู่ที่ร้อยละ 70 และต่างประเทศที่ร้อยละ 30 เพชร พะเนียงเวทย์ ที่ปรึกษา บมจ.ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ กรรมการบริษัทและผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด 2 บมจ.สหพัฒนพิบูล กล่าวถึงภาพรวมตลาดบะหมี่สำเร็จรูป ว่าคนไทยบริโภคบะหมี่สำเร็จรูปเป็นอันดับ 9 ของโลกด้วยจำนวน 3,700 ล้านซองต่อปี คิดเป็นอันดับ 5 ของโลกหากเฉลี่ยเป็นรายคน โดยบริโภค 53.2 ซองต่อคนต่อปีขณะที่ทั่วโลกบริโภค 15 ซองต่อคนต่อปี ทั้งนี้ปี 2564 ตลาดในประเทศเติบโตถึง 10 เปอร์เซ็นต์ “ผู้บริโภคเปลี่ยนเร็ว ในฐานะผู้ผลิตและทำการตลาด ต้องเร็วกว่าหรืออย่างน้อยต้องตามทัน คุณพิพัฒพูดเสมอว่าอย่าล้ำสมัยแต่ต้องทันสมัย บะหมี่มี key principle คือ อร่อย ปลอดภัย สะดวก เก็บได้นาน และประหยัด ในอนาคตเพิ่มอีก 2 ข้อคือ มีคุณค่าและรักสิ่งแวดล้อม” ปัจจุบัน TFMAMA มีผลิตภัณฑ์บะหมี่สำเร็จรูป 40-50 รายการ มีมาร์เก็ตแชร์ตลาดในประเทศ 50 เปอร์เซนต์ และในโอกาสครบรอบ 50 ปีได้ผลิตบะหมี่หยกรสเป็ดย่าง รสข้าวซอย และเส้นโฮลวีตรสหมูพริกไทยดำอีกครั้ง เป็นลิมิเต็ดเอดิชั่นและวางจำหน่ายในระยะสั้นๆ หลังจากที่สำรวจแล้วพบว่า ผู้บริโภคต้องการให้นำมาจำหน่ายใหม่ โดยเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ด้าน พจนา พะเนียงเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บจ.เพรสซิเดนท์ อินเตอร์ฟูดส์ และกรรมการ TFMAMA ผู้รับผิดชอบตลาดต่างประเทศ กล่าวว่าบริษัทเริ่มส่งออกตั้งแต่ปี 2524 โดยมีมาม่าเป็นแบรนด์หลัก ยอดส่งออกคิดเป็นสัดส่วน 2 เปอร์เซ็นต์ และเพิ่มเป็น 29 เปอร์เซ็นต์ในปี 2564 โดยมียอดขายรวม 4,000 ล้านบาท และตั้งเป้าว่าภายใน 5 ปีจะมียอดขายจากต่างประเทศ 1.5 หมื่นล้านบาท รวมทั้งจะลงทุนขยายโรงงานในต่างประเทศเพิ่มเติม จากปัจจุบันที่มี 4 แห่งในกัมพูชา เมียนมา บังกลาเทศ และฮังการี สำหรับโรงงานในประเทศมี 5 แห่ง กำลังการผลิตในประเทศ 2,000 ล้านแพคต่อปี โดยปี 2564 มียอดขายรวม 14,710 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายในประเทศ 10,386 ล้าน และต่างประเทศ 4,324 ล้านบาท โดยเป้าหมาย 5 ปีข้างหน้า สัดส่วนยอดขายจากการส่งออกและในประเทศคือ 50 ต่อ 50 ประกอบด้วย ยอดขายในต่างประเทศ 15,000 ล้านบาท ในประเทศ 15,000 ล้านบาท ล่าสุดบริษัทได้ลงทุนในส่วนโรงงานอีก 400 ล้านบาท หลังติดตั้งเครื่องจักรแล้วเสร็จ กำลังการผลิตจะเพิ่มขึ้นอีก 5-6 เปอร์เซนต์ อ่านเพิ่มเติม: ส่องอนาคต ตลาดรถยนต์หรู ในไทยกับ SCB EICไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine