ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป เผยแผนธุรกิจปี 2562
ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป เผยแผนธุรกิจปี 2562 ตั้งเป้ารายได้และส่วนแบ่งกำไรเติบโตกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ ทั้ง 4 กลุ่มธุรกิจ ด้านผลประกอบการปี 2561 ราว 1.1 หมื่นล้านบาท มูลค่าสินทรัพย์โต 7.8 หมื่นล้านบาท
นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าว ปี 2561 เป็นอีกหนึ่งปีที่ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป สามารถตอกย้ำความเป็นผู้นำอันดับหนึ่งของประเทศไทยในฐานะผู้พัฒนาด้านโลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรม ระบบสาธารณูปโภคและพลังงาน รวมถึงดิจิทัลแพลตฟอร์ม ด้วยผลประกอบการและส่วนแบ่งกำไรรวมมูลค่า 1.1 หมื่นล้านบาทโดยประมาณ และมีมูลค่าสินทรัพย์โดยรวม 7.8 หมื่นล้านบาท
“ไม่เพียงแต่ผลประกอบการทางธุรกิจที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งเท่านั้น แต่ยังเป็นปีที่เราได้ดำเนินการขั้นตอนต่างๆ มากมายเพื่อสร้างความเป็นผู้นำ และวางรากฐานด้านกลยุทธ์ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เตรียมรับการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปี 2562 นี้” นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัทดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าว
"ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ได้มีความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ในด้านต่างๆ กับผู้นำในวงการอุตสาหกรรม รวมถึงจัดตั้งกิจการร่วมค้ากับ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) เพื่อพัฒนานิคมอุตสาหกรรมแห่งใหม่ในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) นอกจากนั้นยังร่วมกับ กัลฟ์ มิตชุย และโตเกียว แก๊ส ในการจัดตั้งกิจการร่วมค้าโครงการวางท่อจัดจำหน่ายและค้าปลีกก๊าซธรรมชาติในเขตพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป สามแห่ง
ตลอดจนผนึกความร่วมมือกับผู้ดำเนินธุรกิจอี-คอมเมิร์ซระดับโลกที่ยังไม่เปิดเผยชื่ออีกหลายรายเพื่อพัฒนาพื้นที่อี-คอมเมิร์ซพาร์ค (E-Commerce Parks) และโครงการต่างๆ อีกหลายโครงการ นอกจากการพัฒนาในประเทศไทยแล้ว ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ยังได้เริ่มดำเนินการพัฒนาโครงการเขตอุตสาหกรรมแห่งแรกในจังหวัดเหงะอาน ประเทศเวียดนาม"
“เราได้วางแผนเพื่อผลักดันให้เกิดการเติบโตที่ก้าวทะยานต่อไปในปี 2562 และยังคงมองสถานการณ์ในเชิงบวกแม้เศรษฐกิจโลกอาจมีการชะลอตัว” นางสาวจรีพร กล่าว พร้อมเสริมว่า “อันที่จริงแล้ว ปัจจัยความเสี่ยงที่สำคัญบางอย่างอาจพลิกเป็นโอกาสสำหรับเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประเด็นความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกาที่อาจส่งผลดีต่อธุรกิจของเรา อันเนื่องมาจากการเปลี่ยนทิศทางทางการค้าและการลงทุนมายังประเทศไทยและเวียดนามสำหรับอุตสาหกรรมบางกลุ่ม เช่น ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องจักรกลและอุปกรณ์ชิ้นส่วนต่างๆ ขณะนี้ก็มีนักการลงทุนจากประเทศจีนเข้ามาลงทุน และสนใจในนิคมอุตสาหกรรมของเราจำนวนมาก”
เมื่อมองไปในปี 2562 และต่อจากนี้ ทิศทางกลยุทธ์ของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป จะเน้นไปที่การยกระดับธุรกิจหลัก การนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีอัจฉริยะมาใช้ในธุรกิจให้มากขึ้น พร้อมเดินหน้าพัฒนาความร่วมมือกับผู้นำในอุตสาหกรรมเพื่อเสริมความแข็งแกร่ง และสร้างประโยชน์ให้เกิดแก่ทุกฝ่าย ตลอดจนส่งเสริมให้เกิดความเชื่อมโยงระหว่างกลุ่มธุรกิจของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ให้มากที่สุด
เตรียมขยายธุรกิจโลจิสติกส์อีก 200,000 ตร.ม. โดยเพิ่มจำนวนพื้นที่ในครอบครองและภายใต้การบริหารจัดการของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป รวมทั้งสิ้น 2.5 ล้าน ตร.ม. และขายสินทรัพย์เข้ากอง REIT อีก 5,750 ล้านบาท กลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์จะเน้นไปที่การแสวงหาความร่วมมือกับกลุ่มบริษัทและผู้นำในอุตสาหกรรม เพื่อสร้างมูลค่าจากนโยบายของภาครัฐ
โดยเน้นไปที่ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ การบินและอากาศยาน ควบคู่ไปกับการสร้างมูลค่าที่สูงยิ่งขึ้นโดยอาศัยการนำเทคโนโลยีอัจฉริยะและนวัตกรรมเข้ามาช่วย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อขยายพื้นที่ภายใต้การครอบครองและบริหารจัดการที่มีอยู่จำนวน 2.3 ล้าน ตร.ม. เป็น 2.5 ล้าน ตร.ม. และยังมีโครงการที่เตรียมดำเนินการก่อสร้างในปี 2562 ได้แก่ โครงการดับบลิวเอชเอ อี-คอมเมิร์ซพาร์ค จังหวัดฉะเชิงเทรา โครงการดับบลิวเอชเอ-เจดี อี-คอมเมิร์ซ เซ็นเตอร์ และโครงการดับบลิวเอชเอ เมกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ แหลมฉบัง 2
นอกจากนี้ กลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์ยังมองหาโอกาสใหม่ๆ เพื่อขยายการลงทุนไปยังกลุ่มประเทศ CLMV โดยเน้นไปที่ประเทศอินโดนีเซียและเวียดนามเป็นหลัก พร้อมเดินหน้าตั้งเป้าขายสินทรัพย์เข้ากอง REIT 5,750 ล้านบาทผ่านกอง REIT ของบริษัทมูลค่า 34,300 ล้านบาท
เดินหน้าขยายธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม
ด้านกลุ่ม ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ตอกย้ำความเป็นผู้นำในประเทศไทย พร้อมเดินหน้าขยายการลงทุนสู่ระดับภูมิภาค ในฐานะผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมชั้นนำของไทยสู่การเป็นผู้นำในระดับอาเซียน บริษัท ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ได้ดำเนินการนำเอานวัตกรรมและเทคโนโลยีอัจฉริยะมาใช้เพื่อยกระดับคุณภาพการให้บริการและสภาพแวดล้อมที่มีมาตรฐานระดับโลกภายในนิคมฯ ของดับบลิวเอชเอ เพื่อรับประกันถึงคุณภาพผลิตภัณฑ์แก่ลูกค้า
และในปีนี้ บริษัทมีแผนที่จะเปิดตัวนิคมอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งแห่งในประเทศไทย ซึ่งจะทำให้มีนิคมฯ ที่ดำเนินการแล้วรวม 11 แห่ง โดย 10 แห่งตั้งอยู่ในประเทศไทย (ในจำนวนนี้ นิคมฯ 9 แห่งได้รับการรับรองให้เป็นพื้นที่เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมเป้าหมายในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี)) และอีกหนึ่งแห่งในประเทศเวียดนาม
ปัจจุบัน ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ มีที่ดินรวมทั้งสิ้น 68,500 ไร่ ซึ่งในปีนี้ บริษัทเตรียมที่จะพัฒนาที่ดินจำนวน 2,650 ไร่ ทำให้มีที่ดินที่อยู่ภายใต้การดำเนินงานและที่ดินส่วนที่กำลังพัฒนาเพิ่มขึ้นเป็น 43,150 ไร่ และตั้งเป้าขายที่ดิน 1,600 ไร่ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ (S-curve) ทั้ง 12 กลุ่ม
โดยกลุ่มธุรกิจบริการสาธารณูปโภคและพลังงาน ตั้งเป้าการผลิต และจำหน่ายน้ำที่ 120 ล้าน ลบ.ม. เล็งผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ตามสัดส่วนการถือหุ้น 570 เมกะวัตต์ จากโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงเชิงพาณิชย์ และพลังงานทดแทน พร้อมเสริมโซลูชั่นระบบน้ำและพลังงานใหม่ๆ แก่ลูกค้า
ธุรกิจสาธารณูปโภคด้านน้ำ บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) เตรียมขยายบริการด้านการผลิตน้ำออกไปยังนิคมฯ อื่นๆ ทั้งในไทยและเวียดนาม รวมถึงเสริมบริการต่างๆ อาทิ การนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ การผลิตน้ำด้วยระบบรีเวอร์สออสโมสิส และน้ำอุตสาหกรรมปราศจากแร่ธาตุ นอกจากนี้ ยังมีการคิดค้นนวัตกรรมและการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น อินเทอร์เน็ต ออฟ ธิงส์ (IoT) มาใช้สำหรับสมาร์ทวอเตอร์โซลูชั่น เฟสแรก ที่นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ตะวันออก (มาบตาพุด) ด้วย
ด้านธุรกิจพลังงาน บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) ยังคงเดินตามเป้าหมายมุ่งสู่การเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการให้บริการด้านพลังงานที่ครบวงจรแก่ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม ซึ่งจะเน้นที่พลังงานทางเลือกเป็นหลัก โดยเฉพาะพลังงานแสงอาทิตย์ในไทยและเวียดนาม ในด้านโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิง ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จะยังคงเดินหน้าผนึกกำลังความร่วมมือกับ พันธมิตรในระยะยาว ได้แก่ กัลฟ์ โกลว์ และบี กริม
นอกจากนี้ ยังมีความร่วมมือกับ มิตซุยและโตเกียวแก๊สในด้านธุรกิจการจัดจำหน่ายก๊าซธรรมชาติที่จะเข้ามาเสริมเป็นบริการใหม่สำหรับลูกค้าของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป รวมถึงเป็นแหล่งรายได้ให้กับบริษัทฯ ทั้งนี้ เทคโนโลยีและแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นใหม่ๆ ที่ยังอยู่ภายใต้การศึกษา เช่น สมาร์ทกริด ระบบการจัดเก็บพลังงาน โรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซและโซลาร์เซลล์ลอยน้ำ
ปรับโฉมกลุ่มธุรกิจดิจิทัลแพลตฟอร์ม
กลุ่มธุรกิจดิจิทัลแพลตฟอร์ม เร่งปรับโฉมทุกนิคมอุตสาหกรรมในเครือให้เป็นดิจิทัลเต็มรูปแบบในปี 2562 ปัจจุบัน บริษัท ดับบลิวเอชเอ อินโฟนิท จำกัด มีดาต้าเซนเตอร์ทั้งหมด 4 แห่ง ซึ่งในที่นี้รวมถึงการเข้าร่วมทุนกับทางซุปเปอร์แนป ที่เป็นดาต้าเซนเตอร์ระดับเทียร์ 4 แห่งเดียวในเอเชียแปซิฟิก (ไม่รวมออสเตรเลีย) ด้วย
นอกจากนี้ ยังให้บริการเทคโนโลยีไฟเบอร์ออพติก (FTTx) ใน 5 นิคมอุตสาหกรรมของกลุ่มดับบลิวเอชเอ ดับบลิวเอชเอ อินโฟนิท มีเป้าหมายที่จะขยายฐานลูกค้าและการบริการให้ครอบคลุมทุกนิคมอุตสาหกรรมภายในสิ้นปีนี้ รวมไปถึงการเพิ่มการใช้งานเทคโนโลยีอัจฉริยะต่างๆ ในศูนย์กระจายสินค้า นิคมอุตสาหกรรม และธุรกิจต่างๆ ในเครืออีกด้วย
“เราเชื่อมั่นว่าในปี 2562 นี้ เราจะสามารถสร้างผลประกอบการที่โดดเด่นด้วยแผนงานต่างๆ ที่เราได้ดำเนินการมาและโครงการต่างๆ ในอนาคตที่เรามีอยู่ โดยคาดว่ารายได้และส่วนแบ่งกำไรจะเติบโตเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 70 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ด้วยอัตราผลกำไรของ EBITDA อยู่ในสถานะแข็งแกร่งมากกว่าร้อยละ 30 ส่วนงบดุลคาดว่าจะยังคงแข็งแกร่ง
ในขณะที่อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อทุน (Interest bearing debt-to-equity) ต่ำกว่า 1.1 เท่า ปัจจุบัน ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ปได้พัฒนาเติบโตอย่างยิ่งใหญ่มาจนถึงระดับที่เราสามารถมองไปยังอนาคตได้อย่างภาคภูมิใจและมั่นใจ เรายังมีความแข็งแกร่ง และศักยภาพที่จะหาโซลูชั่นในแต่ละธุรกิจเพื่อผลักดันให้บริษัทฯ เติบโตก้าวไกลมากยิ่งขึ้น ไปพร้อม ๆ กับลูกค้าของเรา พันธมิตรทางธุรกิจ และบุคลากรของเราด้วย” นางสาวจรีพร กล่าวสรุป