ตลาดสินค้าเครื่องเสียงไฮเอนด์ มูลค่า 2,000 – 3,000 ล้านบาท โตสวนกระแส รับไลฟ์สไตล์ยุคนิว นอร์มอล โบเวอร์แอนด์วิลกินส์ (Bowers & Wilkins) เปิดตัว The New 700 S3 ครั้งแรกในเอเชีย รับกำลังซื้อรถหรูทยอยฟื้นตัว
![](https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/10/CBG9aSzg27iQc6HX7wvX.jpg)
บริษัท มิวสิคพลัส ซีนีม่า จำกัด ในเครือโซนิค วิชั่น กรุ๊ป ผู้นำเครื่องเสียงนำเข้าระดับไฮเอนด์มากว่า 25 ปี เปิดตัวลำโพงระดับออดิโอไฟล์รุ่นใหม่ล่าสุด เปิดตัวครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กับ “Bowers & Wilkins The New 700 S3” นับเป็นอีกครั้งของลำโพงในตระกูล 700 ที่นำเอานวัตกรรมเทคโนโลยีทวิตเตอร์ออนท็อป (Tweeter on Top) แบบเดียวกับลำโพงรุ่นตำนานอย่าง 800 Series มาสร้างปรากฎการณ์ใหม่ ด้วยการผสานความร่วมมือกันระหว่าง BMW และ Bowers & Wilkins (โบเวอร์แอนด์วิลกินส์)
เถกิงลาภ กอวัฒนา กรรมการบริหาร บริษัท มิวสิคพลัสซีนีม่า จำกัด ในเครือโซนิค วิชั่น กล่าวว่า ตลาดผลิตภัณฑ์เครื่องเสียงระดับไฮเอนด์ มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในสัดส่วนร้อยละ 20 – 30 จากพฤติกรรมนิว นอร์มอลที่เกิดขึ้นในช่วงสถานการณ์โควิด ซึ่งไม่ใช่เกิดขึ้นเฉพาะประเทศไทย แต่เป็นแนวโน้มที่เกิดขึ้นทั่วโลก ปัจจุบัน ตลาดเครื่องเสียงระดับไฮเอนด์ในประเทศไทยมีมูลค่า 2,000 – 3,000 ล้านบาท
“ในช่วงโควิด ยอดขายกลุ่มเครื่องเสียงเติบโตขึ้นทั่วโลก ไม่เฉพาะประเทศไทย เพราะคนอยู่บ้านมากขึ้น จึงหันมาเสพความบันเทิงภายในบ้าน โดยเฉพาะผู้บริโภคในกลุ่มไฮเอนด์ ที่มีกำลังซื้อสูง” เถกิงลาภกล่าว
ปัจจุบัน ตลาดเครื่องเสียงระดับไฮเอนด์ หรือมีราคาสูงกว่า 400,000 บาทต่อชุด มีมูลค่ามากกว่าครึ่งของตลาดเครื่องเสียงรวม โดยมีแบรนด์ที่ทำตลาดในประเทศไทยมากกว่า 25 แบรนด์ และมีการพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งไปที่ระบบไร้สาย ดิจิทัล และสตรีมมิ่ง สอดรับกับพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่ ที่เน้นการเชื่อมต่อการฟังเพลงทั้งในบ้านและรถยนต์อย่างไร้รอยต่อ
เชื่อมต่อเครื่องเสียงกับรถยนต์
เถกิงลาภ กล่าวว่า บริษัทได้เปิดตัว Bowers & Wilkins The New 700 S3 ลำโพงไฮเอนด์โฉมใหม่ในตระกูล 700 Series ครั้งแรกในเอเชีย ที่มีวิวัฒน์ทั้งการออกแบบภายนอก และนวัตกรรมเทคโนโลยีเสียงภายในใหม่หมดทุกด้าน โดยได้ดึงเอาเอกลักษณ์ Tweet on top ที่อยู่ในลำโพงรุ่น 800 Series ที่ทำจากอลูมิเนียมเข้ามาไว้ในรุ่น 700 S3 พร้อมระบบกันสะเทือนแบบ Biomimetic Suspension
ใช้งานคู่กับเทคโนโลยี continuum วัสดุที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของ Bowers & Wilkins ที่ให้เสียงโปร่งใส คมชัด และยังได้ปรับปรุงประสิทธิภาพเสียงเบส ด้วยการเพิ่มเติมตัวขับเสียงทุ้ม (Aerofoil) ด้วยวัสดุคอมโพสิตที่มีรูปแบบแปรผัน ทำให้เสียงเบสผิดเพี้ยนน้อยลง ได้เสียงที่สะอาดขึ้น
นอกจากนี้ ยังอัพเกรดขั้วต่อลำโพงใหม่ให้มีหน้าสัมผัสมากขึ้น ปรับปรุงโฟลว์พอร์ต (Flow Ports) ให้ใหญ่มากขึ้น เพื่อให้เสียงที่กว้างและมีมิติเสียงที่สมบูรณแบบ พร้อมยกระดับมาตรฐานการถ่ายทอดเสียงให้ใกล้เคียงรุ่นท็อปอย่าง 800 Series Diamond มากที่สุด รับแนวโน้มของผู้บริโภคที่ต้องการระบบเครื่องเสียงที่ดีที่สุดในรถยนต์ ซึ่งนอกจาก BMW โบเวอร์แอนด์วิลกินส์ ยังติดตั้งในรถยนต์ยี่ห้ออื่น เช่น วอลโว่ มาเซราติ และแมคลาเรน
![](https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/10/8Epx4dVgVTK47VkUzECL.jpg)
เถกิงลาภ กล่าวว่า สำหรับแนวโน้มตลาดในปี 2566 ต้องพิจารณาปัจจัยความผันผวนทางเศรษฐกิจโลก ซึ่งส่งผลกระทบต่อค่าเงิน ทำให้สินค้านำเข้ามีต้นทุนสูงขึ้น ขณะที่ผู้ประกอบการยังไม่สามารถปรับราคาได้ รวมทั้งปัจจัยด้านสงครามการค้ามีผลต่อตลาดทุน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค
อย่างไรก็ตาม ยังมีแนวโน้มที่ดีจากการเปิดประเทศ ทำให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเพิ่มขึ้น และคาดว่าคนจีนจะเริ่มเดินทางออกนอกประเทศได้ ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงการติดตั้งเครื่องเสียงใหม่ตามมา ซึ่งในปี 2566 บริษัทฯ วางแผนรุกตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อ
อ่านเพิ่มเติม: สยามเทค ผนึก ดีป้า-เกรท วอลล์ ปั้นทักษะแรงงานแห่งอนาคต
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine